ตั้งแต่เกิดเรื่องอื้อฉาวในวันนั้น ฉิงหนิงอวี่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกจวนเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์
ฉิงฮูหยินที่ตอนแรกทำใจแข็งไม่สนใจฉิงหนิงอวี่ทนคำรบเร้าของเจียอีไม่ไหว จึงยอมอนุญาตให้เชิญท่านหมอมาดูตรวจอาการนาง
ท่านหมอผงะไปทันทีที่เห็นต้นขาที่บวมปูดของหญิงสาว คิดว่าสตรีนางนี้ช่างใจเด็ด ทนรับความเจ็บปวดโดยปริปากร้องได้อย่างไรกัน
“โชคดีที่กระดูกไม่หัก แต่น่าจะเกิดรอยร้าวอยู่ภายใน เส้นเอ็นก็น่าจะอักเสบมากทีเดียว” หลังจากเขียนใบจ่ายยาให้แล้วก็กำชับให้ฉิงหนิงอวี่พักผ่อนให้มาก และขยับตัวให้น้อยที่สุด
ฉิงหนิงอวี่จึงใช้ช่วงเวลาที่ตนนั่งกินนอนกินนี้วางแผนการล่มงานแต่งระหว่างนางและเซี่ยเย้าเต๋อต่อ
ที่ดินที่นางขอซื้อมาจากเจิงเฮ่าโหวคือแหล่งขุนทรัพย์มหาศาล ข้างใต้นั้นหากเจาะลึกลงไปจะพบกับน้ำมันดิบที่ทำเงินได้เป็นจำนวนมาก
ในชาติที่แล้ว ที่ดินตรงนี้ห่างไกลความเจริญจึงขายในราคาที่ถูกมาก และมันก็ตกเป็นของเซี่ยเย้าเต๋อ เขาคิดจะใช้ที่ดินตรงนั้นเป็นแหล่งสะสมอาวุธแต่แล้วกลับพบเจอน้ำมันดิบอยู่ข้างใต้โดยบังเอิญ ซึ่งทำเงินให้เขาจนสามารถกว้านซื้อทั้งที่ดินโดยรอบได้จนหมด
แม้ตระกูลเซี่ยจะมีสนมเซี่ยคอยหนุนหลัง แต่เพราะขาดผู้นำที่เป็นหัวเรือใหญ่ กิจการทางการค้าก็ไม่มี ได้แต่เอาเงินมรดกออกมาใช้จนชักหน้าไม่ถึงหลัง พอโชคดีเจอแหล่งทำงานก็ช่วยขจัดเมฆหมอกดำมืดจนสิ้น
สนมเซี่ยวางแผนจะยึดบัลลังก์ให้องค์ชายสิบสี่หรือก็คือบุตรชายของนางเอง ไม่แน่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของสนมหลี่และการหายตัวขององค์ชายแปดก็อาจเป็นนางที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง
คราแรกฉิงหนิงอวี่ไม่ได้ใส่ใจกับเกมการเมืองมากนัก เพราะถูกสอนให้จัดการแต่เรื่องภายในจวนและอย่าออกความคิดเห็นใด แต่ทุกครั้งที่มีคนเข้านอกออกใน นางก็จะพินิจวิเคราะห์ทุกเหตุการณ์อยู่เสมอ
กระทั่งจับต้นชนปลายในหลายๆ เรื่องได้อย่างไม่ยากเย็น
หากอยากเป็นปรปักษ์กับตระกูลเซี่ย ข้าก็ต้องสนับสนุนองค์ชายแปด!
“คุณหนู ช่างเสื้อมาแล้วเจ้าค่ะ รีบมาวัดตัวเร็วเข้าเถิด”
ฉิงหนิงอวี่วางพู่กันในมือลง และเดินออกมาจากห้อง นางเงยหน้ามองท้องฟ้า สูดหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนลากเท้าตรงไปยังห้องโถงรับรอง
ที่นั่นนอกจากฉิงฮูหยินแล้ว ยังมีชายแก่ท่าทางใจดีและสตรีใบหน้างดงามนั่งอยู่ด้วย
“คุณหนูรอง เชิญตรงนี้เจ้าค่ะ”
ฉิงหนิงอวี่เหลือบตามองสตรีร่างเล็กที่ลุกขึ้นยืนพลางส่งยิ้มมาที่ตนอย่างเป็นมิตร
ในที่สุดก็ได้เจอกัน... ซุ่ยซิงจิง
ใครจะคิดว่าเด็กสาวน่ารักดูไร้พิษสงเช่นนี้จะเข้ามาแทรกกลางระหว่างนางและสามี
“รบกวนเจ้าด้วย” ฉิงหนิงอวี่เอ่ยเสียงเรียบ
ซุ่ยซิงจิงยิ้มรับ พร้อมเดินเข้ามาวัดตัวฉิงหนิงอวี่อย่างกระตือรือร้น
“น่าแปลกใจที่คุณหนูเจ้าของร้านรับปากจะตัดชุดแต่งงานให้ข้าด้วยตนเอง”
ซุ่ยซิงจิงยิ้มบาง “คุณหนูอะไรกันเจ้าคะ พ่อข้าเป็นเพียงเจ้าของร้านผ้า ไหนเลยจะกล้าแทนตัวเองว่าคุณหนู อีกอย่างเพราะได้ตระกูลฉิงคอยอุดหนุนซื้อผ้าที่ร้านอยู่เสมอกิจการจึงพอได้ขยับขยาย พอมีโอกาสข้าจึงอยากตอบแทนบ้าง”
ฉิงหนิงอวี่ปรายตามอง “เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว”
“เอ๊ะ เอ่อ...เดือนหน้าจะครบสิบห้าเจ้าค่ะ”
“หืม ถึงวัยออกเรือนพอดีสินะ”
ซุ่ยซิงจิงก้มหน้าเขินอาย “เจ้าค่ะ แต่คงอีกนานเพราะข้ายังไม่เจอคนที่ถูกใจเลย”
ฉิงหนิงอวี่มุมปากกระตุก “คนที่ถูกใจหรือ แล้วเจ้าชื่นชอบคนแบบไหนเล่า เพื่อข้าจะพอแนะนำได้”
“ข้าชอบคนที่เป็นผู้นำ ใจดีและรักข้าคนเดียว”
รักข้าคนเดียว...
คนนี้ทำฉิงหนิงอวี่เจ็บจนแทบกระอักเลือด รักข้าคนเดียว... บัดซบที่สุด! เจ้าต้องการคนที่รักเจ้าคนเดียว ข้าเองก็ต้องการไม่ต่างจากเจ้าหรอก
“ไม่นานหรอก ข้าว่าเจ้าจะต้องได้เจอในไม่ช้านี้แน่”
หลังจากวัดตัวและพูดคุยกันเรื่องแบบชุดเสร็จแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฉิงฮูหยินจัดการเสีย ฉิงหนิงอวี่ได้แต่นั่งฟังนิ่งๆ จากขอตัวกลับมาพักผ่อนที่ห้อง
หลายอย่างนางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือออกความเห็นใดๆ กับงานแต่งนี้ ซึ่งผิดวิสัยเจ้าสาวที่ควรตื่นเต้นกับงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ของตน
กระทั่งในที่สุด วันที่ฉิงหนิงอวี่กลัวที่สุดก็มาถึง
เซี่ยเย้าเต๋อเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว เขาให้คนนำของกำนัลมากมายส่งมาที่จวนฉิง
“ว่าที่ลูกเขยช่างมีน้ำใจ ส่งของขวัญมาให้เยอะแยะเชียว” ฉิงฮูหยินกล่าวพลางยิ้มจนแก้มปริ
“ของดีๆ ทั้งนั้น หนิงอวี่รีบเข้ามาดูเร็วเข้า” ใต้เท้าฉิงเอ่ยเรียกบุตรสาวที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
ฉิงหนิงอวี่กวาดตามองหีบใส่ของที่ภายในบรรจุผ้าไหม ทองคำ เครื่องประดับและแจกันหยกดูมีราคา ริมฝีปากแดงกระตุกยิ้มเบาๆ จากนั้นเดินเข้ามาคุกเข่าหน้าบิดา
“ท่านพ่อ ท่านแม่ แค่ของเก่าเก็บนี้พวกท่านก็ดีใจเสียยกใหญ่แล้วหรือ”
“นะ...นี่เจ้าพูดอะไรออกมา”
ฉิงหนิงอวี่หันไปมองหน้ามารดา “ท่านแม่ ท่านไม่สังเกตเลยหรือว่าของพวกนี้หาใช่ของใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นของเก่าที่อาจผ่านการใช้งานมาแล้ว ไม่แน่ว่าอาจเป็นสมบัติเก่าของสกุลเซี่ย หรือหากให้คิดแง่ร้ายอาจเป็นของพระสนมเซี่ย”