เรื่องเหลวไหล! มันชักจะเหลวไหลเกินไปแล้ว มีบ่าวที่ไหนส่งดอกไม้ให้คุณหนูที่ตนชอบกัน! ไม่ต้องพูดถึงราคาที่สูงลิ่ว แค่ฐานะก็ไม่สมควรแล้ว หากมีใครรู้ไม่แคล้วได้ถูกโบยจนตายแน่
หรือ...หลี่เฉียงจะไม่ใช่ทาสหนุ่มธรรมดาอย่างที่ฉิงหนิงอวี่เข้าใจ!?
ความหวาดกลัวเริ่มเข้าเกาะกินความรู้สึกของหญิงสาวช้าๆ นางรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก แววตาดุดันทรงอำนาจที่ชายคนนั้นจ้องมาคล้ายจะสะกดนางให้ยอมศิโรราบต่อเขา มันทั้งบีบคั้นและแฝงความปรารถนาอยู่กลายๆ
เสียงแหบพร่าที่กระซิบอยู่ข้างหู ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดข้างพวงแก้มแดง ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเสียดสีอยู่กับร่างนุ่มนิ่มอย่างเพลิดเพลิน สองแขนแกร่งนั้นโอบรัดลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่ชุ่มเหงื่อ
‘อวี่เอ๋อร์ เป็นของข้าเถอะนะ’
ฉิงหนิงอวี่สะดุ้งเฮือก ใบหน้าเห่อร้อนด้วยความอับอายทันทีที่ภาพในอดีตหวนกลับเข้ามา ทั้งยังเป็นตอนที่กำลังร่วมรักอยู่กับหลี่เฉียง!
“น่าอายน่าอายที่สุด” นางพยายามสลัดภาพทุกอย่างออกจากหัว แต่ไม่อาจลืมความรู้สึกวาบหวามในตอนนั้นได้
ตั้งแต่แต่งงานอยู่กินกับสามีมาหลายปี ฉิงหนิงอวี่ไม่เคยได้รับการเติมเต็มความปรารถนาเท่ากับคืนนั้นมาก่อน หลี่เฉียงปรนเปรอนางอย่างสุขสม เขารู้ว่าจับตรงไหนหรือจูบตรงไหนถึงจะกระตุ้นความต้องการของหญิงสาวรวมทั้งปลุกปั่นอารมณ์นางจนสติแตกกระเจิงไม่เหลือชิ้นดี
“คุณหนู คุณชายเซี่ยมารอรับท่านแล้วเจ้าค่ะ” เจียอีกล่าวอย่างกระตือรือร้นพร้อมวิ่งเข้ามาในห้องนายสาว ช่วยนางแต่งตัวสักครู่ก็เดินนำออกมาที่โถงทางเดิน
เซี่ยเย้าเต๋อที่ยืนชมทิวทัศน์ของจวนฉิงอย่างพออกพอใจค่อยๆ หันมามองทางฉิงหนิงอวี่ช้าๆ เห็นนางสวมใส่ชุดสีสันเรียบง่าย เครื่องหน้าไม่แต่ง สวมเครื่องประดับน้อยชิ้น ก็พ่นลมหายใจด้วยความเบื่อหน่าย
“เจ้าออกจะสวย ทำไมถึงไม่รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวเสียหน่อยเล่า” เซี่ยเย้าเต๋อหันมองไปทางเจียอี กล่าวเสียงดุ “เจ้าควรดูแลนายของตัวเองให้ดีกว่านี้ไม่ใช่หรือไง!”
เจียอีตื่นกลัว รีบก้าวถอยหลังไปยืนอยู่ด้านหลังฉิงหนิงอวี่ทันที
“คุณชายเซี่ยรักษามารยาทด้วย ท่านมิควรตำหนิบ่าวของผู้อื่น” ฉิงหนิงอวี่รีบกล่าวปกป้องเจียอี
“แต่ไม่นานเราสองคนก็จะเกี่ยวดองกัน คนของเจ้าก็เหมือนคนของข้า” สายตาบุรุษเหลือบมองฉีกหนิงอวี่แล้วย่นหัวคิ้ว “เจ้าจะกลายเป็นภรรยาเอกของข้า แต่ทำข้าไม่กล้าควงเจ้าออกงาน สงสัยต้องหารือกับแม่เจ้าแล้วกระมัง”
ฉิงหนิงอวี่เชิดหน้าทำเป็นไม่สนใจคำพูดนั้นและก้าวยาวๆ ไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่
รถม้าของเซี่ยเย้าเต๋อทั้งเล็กและอุดอู้ แม้ภายนอกดูดีแต่ภายในแสนคับแคบและนั่งไม่สบายตัว
ยามรถม้าโคลงเคลง ฉิงหนิงอวี่ก็เซไปชนกับไหล่ของเซี่ยเย้าเต๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มยิ้มกริ่มคิดว่าฉิงหนิงอวี่กำลังให้ท่าตนอยู่ มือใหญ่จึงเอื้อมไปโอบไหล่นางอย่างไร้มารยาท
“คุณชายเซี่ย!” ฉิงหนิงอวี่ตวาดลั่น รีบขยับตัวถอยห่าง
“ทำไมเล่า ในเมื่ออีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกันแล้ว เหตุใดต้องหวงตัวด้วย”
คางเรียวถูกจับไว้แน่น ฉิงหนิงอวี่กัดฟันกรอดพยายามยื้อเต็มที “ท่านดูเหมือนบัณฑิตสูงส่ง แต่ไฉนการกระทำถึงหยาบโลนนัก!”
“เจ้าก็ดูเหมือนคุณหนูบอบบางอ่อนหวาน ไฉนถึงปากจัดนัก”
ระหว่างทั้งคู่กำลังยื้อยุดฉุดกันไปมา เสียงของคนรถก็ดังขึ้นบอกว่าถึงจุดหมายแล้ว ฉิงหนิงอวี่ไม่รอช้ารีบผละตัวออกและกระโดดลงจากรถอย่างเร็ว
“คุณหนูรีบร้อนไปไหนเจ้าคะ เดี๋ยวแข้งขาหักไปจะทำอย่างไร”
ใบหน้าฉิงหนิงอวี่บูดบึ้ง หากวิ่งหายไปจากตรงนี้ได้ นางคงทำไปแล้ว!
“อ้าว คุณหนูรองฉิงเองหรือ เดินทางมาตัวเองตั้งไกล เชิญเข้ามาข้างในก่อน มาๆ” เฒ่าแก่เจ้าของร้านรีบเดินออกมาต้อนรับลูกค้าชั้นหนึ่งด้วยรอยยิ้มกว้าง
เฒ่าแก่ซุ่ย เป็นเศรษฐีร้านขายผ้าที่ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็ถือว่ามีกินมีใช้ไม่ขาดมือ รูปร่างสันทัด อวบอ้วนเล็กน้อย ใบหน้ายิ้มแย้มใจดีสมกับที่ทำการค้า
ฉิงหนิงอวี่ถามถึงซุ่ยซิงจิงก่อนเป็นอันดับแรก ทำเฒ่าแก่ซุ่ยที่ถือแบบผ้าออกมาฉงนไปครู่หนึ่ง “เอ่อ...คุณหนูรองถามถึงบุตรสาวข้าน้อยทำไมหรือ”
“แค่อยากพบนางนะ นางเป็นคนรับปากจะลงมือตัดชุดแต่งงานให้ข้า จึงรู้สึกขอบคุณและอยากเลี้ยงข้าวสักมื้อ”
“งี้นี่เอง” เฒ่าแก่ซุ่ยหัวเราะร่า คิดว่าหากบุตรสาวได้รับการเอ็นดูจากฉิงหนิงอวี่ก็นับว่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภเข้าข้าง รีบกล่าวยอบุตรสาวทันที “ลูกข้าคนนี้ขี้อายนัก วันๆ เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในร้าน เรียนการเย็บปักไปเรื่อยเปื่อย ใครจะรู้ว่านางมีพรสวรรค์”
ฉิงหนิงอวี่ชำเลืองสายตาไปทางเซี่ยเย้าเต๋อที่เดินตามเข้ามา เขาเดินมาดึงผ้าสีแดงสามผืนออกจากมือของเฒ่าแก่ซุ่ย “มีแค่นี้หรือ มีผ้าแบบอื่นอีกหรือไม่”
“ท่านคงจะเป็นเจ้าบ่าวของคุณหนูรองสินะขอรับ เหมาะสมกันยิ่งนัก รอประเดี๋ยวๆ ข้าจะไปนำแบบผ้ามาเพิ่ม”
คล้อยหลังเฒ่าแก่ซุ่ยไม่นาน เซี่ยเย้าเต๋อก็เข้าประชิดตัวฉิงหนิงอวี่อีกครั้ง เขาสำรวจมองนางชัดๆ จึงพบว่าบุปผาที่ตนได้ถือครองนี้งดงามเพียงใด นิ้วหัวแม่มือลูบเบาๆ ที่แก้มแดงปลั่ง ปลายจมูกโด่งและริมฝีปากอมชมพู
“จะ...จะทำอะไร”
เซี่ยเย้าเต๋อยิ้มโปรยเสน่ห์ เขาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใช้เสน่ห์หล่อเหลามัดใจหญิงสาวค่อยๆ โน้มหน้าหมายจะจูบนาง