บทที่ 2 ปิ่นโต 3

1922 คำ
พอมาถึงห้องพักชั้นแปดของสามี เธอก็เดินตามเขาออกมาจากลิฟต์มายังห้องขนาดไม่ใหญ่มาก ในห้องมีโต๊ะทำงานและเตียงนอนขนาดห้าฟุต และมีครัวขนาดเล็กในห้อง แถมห้องยังสะอาดสะอ้านน่าอยู่ ข้าวของถูดจัดวางอย่างเป็นระเบียบจนกลัวว่าจะทำให้ห้องของเขารก “นี่เสื้อผ้าฉันและผ้าเช็ดตัว” สงครามนำเสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเองกับผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้ส่งให้ภรรยาตัวน้อยที่เดินตามหลังเข้าห้องมาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า “ขอบคุณค่ะ” เธอขอบคุณแล้วรับเสื้อผ้ากับกางเกงและผ้าเช็ดตัวมาถือไว้ในมือ แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวเดินไปยังห้องน้ำที่ประตูปิดอยู่ เสียงท้องของเธอก็ร้องดังขึ้น โครก! “อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้ทานมื้อเย็น?” เขาถามคนตัวเล็กที่ก้มหน้าหลบตาตัวเองและเธอก็พยักหน้าตอบ “งั้นไปกินข้าวด้วยกันก่อนค่อยไปอาบน้ำนอน” แล้วเขาก็พาเธอไปยังโต๊ะทานอาหารที่ระเบียงห้องของเขา โต๊ะที่ระเบียงห้องเป็นชุดขนาดเล็กสองที่นั่ง ตอนนี้นายแพทย์หนุ่มได้เปิดอาหารในปิ่นโตออก เหมือนว่าแม่ของเขาจะเตรียมมาดี ปิ่นโตห้าเถามีข้าวเปล่าสองเถา อีกสามเถาเป็นแกงจืดซี่โครงหมูใส่ฟัก กุ้งผัดพริกหยวกและไข่เจียวกรอบ “เดี๋ยวฉันไปหยิบจานกับช้อนมาให้ ในห้องไม่มีช้อนส้อมนะ มีแค่ช้อน” เขาบอกเธอก่อนจะลุกเดินไปหยิบช้อนมาให้เธอหนึ่งคันและของตัวเองหนึ่งคัน กับช้อนกลางมาใส่ในปิ่นโตทั้งสามเถา “ขอโทษนะคะ” เธอขอโทษเขาที่มาเป็นภาระให้เขา “ถ้ารู้ว่าตัวเองผิด ทีหลังก็อย่ามาที่นี่อีก และถ้ามาส่งปิ่นโตก็เอาปิ่นโตวางไว้ที่ห้องทำงานแล้วก็กลับ ไม่ต้องอยู่รอ เข้าใจไหม” “ค่ะ” เธอตอบเสียงเบาด้วยใจที่เจ็บร้าว ซ่า! สงครามยืนอยู่ใต้ฝักบัวมาได้สิบนาทีกว่าแล้ว ภาพของหญิงสาวตัวเล็ก ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ใส่เสื้อตัวเองก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง จนทำให้ต้องยืนสงบจิตใจใต้น้ำนานกว่าปกติ ทั้งๆ ที่เวลาดึกมากแล้วเขาจะรีบอาบน้ำให้เสร็จแล้วมานอนพักผ่อนเพื่อตื่นเช้าไปสู้กับงานในวันใหม่ แต่เหมือนว่าคืนนี้เขาจะนอนไม่หลับ ภรรยาที่ตัวเองไม่เคยเหลียวแลทิ้งขว้างให้อยู่บ้านกลับมาโผล่ที่แฟลตส่วนตัวของตัวเองอย่างไม่คาดคิดมาก่อนกำลังนอนอยู่ข้างนอกบนเตียงของตนเอง “เป็นอะไรของแกสงคราม” เขาพึมพำกับตัวเองใต้สายน้ำพร้อมเงยหน้าขึ้นให้น้ำไล่ความคิดว้าวุ่นในใจออกไปให้หมด ด้านคนที่อาบน้ำเสร็จออกมาก่อนและตอนนี้เป่าผมแห้งเรียบร้อยพร้อมจะนอนก็เหลือบตาไปเห็นแหวนแต่งงานตัวเองที่โต๊ะโคมไฟข้างหัวเตียง และที่วางข้างๆ กันเป็นกล่องเล็กๆ อีกกล่องจึงหยิบมาด ก่อนจะรีบวางไว้ที่เดิมเมื่ออ่านดูหน้ากล่องแล้วพบว่ามันคือ ‘ถุงยางอนามัย’ เขามีมันติดห้องและแน่นอนว่าเขาจะต้องใช้มัน “หรือว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว?” เธอถามตัวเองแล้วน้ำตาก็อาบคลอสองดวงตาจนต้องรีบยกมือขึ้นเช็ดทิ้งก่อนที่มันจะไหลอาบสองแก้มตัวเอง “ห้องนี้ เตียงนี้ คุณคงพาแฟนมาค้างบ่อยสินะ ถึงว่าคุณไม่ใส่แหวนแต่งงานของเราและไม่มีใครรู้ว่าคุณแต่งงาน” เธอพึมพำกับตัวเองแล้วลุกขึ้นลงจากเตียงไปหยิบเสื้อผ้าตัวเองที่เขาเอาไปเก็บไว้ในตะกร้าผ้าของเขาก่อนหน้านี้มากอดไว้แล้วสะพายกระเป๋า ใส่รองเท้าออกจากห้องไปทันทีและเสียงปิดประตูห้องก็ทำให้คนที่อาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกมาพอดีรีบวิ่งเปิดประตูตามออกไปอย่างอัตโนมัติ “มันดึกแล้วจะไปไหนแสนรัก?” คนที่เดินมาหยุดหน้าลิฟต์โดยสารหันไปมองเจ้าของคำถามที่กำลังเดินมาทางตนทันที “กะ...กลับค่ะ” “กลับ? จะไปทั้งสภาพนี้เนี่ยนะ กลับห้องกับฉันแสนรัก” แล้วเขาก็คว้าจับข้อมือเล็กของภรรยาเด็กของตัวเองเมื่อเดินมาถึงตัวแล้วออกแรงกระชากดึงพากลับห้องส่วนตัวของตัวเอง “แต่ฉันจะกลับค่ะ ปล่อยฉัน!” เธอบิดข้อมือจิกเท้ากับพื้น แต่ก็ไม่อาจต้านแรงของบุรุษแข็งแรงได้ “อะไรของเธอนักหนา กลับห้องกับฉัน เดี๋ยวคนอื่นก็ตื่นมาด่าเอาหรอก” เขาก้มหน้าบอกเธออย่างสุดทนแล้วดึงกระชากลากเธอกลับห้องพักของตัวเองด้วยความหงุดหงิด ปึก! เมื่อปิดประตูห้องสนิท เขาก็เหวี่ยงคนตัวเล็กไปยังเตียงนอนนุ่มจนเธอเสียหลักล้มไปกับเตียง “บอกฉันสิจะกลับบ้านทำไม และไม่รู้รึไงว่ามันเวลาเท่าไหร่แล้ว ทำตัวเป็นเด็กพูดไม่รู้เรื่องอยู่ได้” สองมือเท้าสะเอวหนาของตัวเองที่ยังเปียกโชกด้วยน้ำ เอวสอบของเขามีผ้าเช็ดตัวพันไว้หลวมๆ และนั่นทำให้คนตัวเล็กที่ล้มไปกับเตียงไม่กล้ามองมาทางร่างใหญ่ของบุรุษเจ้าของห้อง “ทำไมเงียบ! ตอบฉันสิจะกลับบ้านทำไม ฉันคิดว่าก่อนหน้านี้เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะแสนรัก” “อะ...เอ่อ...คือฉันไม่อยากทำให้คุณมีปัญหากับแฟนของคุณค่ะ” ท้ายที่สุดเธอก็ตอบเขาออกมาจนได้ “แฟน? ให้ตายเถอะ ฉันมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่แสนรัก” เขาก้าวเท้าหนักๆ เดินเข้าไปใกล้คนที่ลุกขึ้นมานั่งปลายเตียง “คะ...คือ...” จะให้บอกได้ยังไง ก็หลักฐานมันเห็นอยู่ชัดๆ และสงครามก็มองตามสายตาของภรรยาไปทางกล่องถุงยางอนามัยที่ตนเองวางไว้ที่โต๊ะโคมไฟและข้างๆ กันมีแหวนแต่งงานที่ถอดทิ้งไว้ตั้งแต่ออกจากบ้านมาวันนั้น “อ้อ...เห็นกล่องถุงยางอนามัยแล้วคิดว่าฉันอยู่กับแฟนสินะ รู้อะไรไหมแสนรัก ผู้ชายอย่างเราน่ะไม่ใช่แฟนก็ทำเรื่องแบบนั้นได้ และฉันก็เป็นชายชาตรีจะให้อดอยากมันก็กระไรอยู่ มันเป็นเรื่องปกติของผู้ชายเราน่ะ แต่สบายใจได้ ฉันไม่เคยพาใครมาที่นี่นอกจากเธอที่เป็นเมียแต่งของฉัน แต่ผู้หญิงพวกนั้นฉันพาเข้าโรงแรมเพราะมันสะดวกกว่ามาที่แฟลตโรงพยาบาล” มุมปากหนาของนายแพทย์หนุ่มยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อคิดแผนการอะไรดีๆ ออก และก็เร็วเท่าความคิด สงครามผลักร่างเล็กที่เพิ่งลุกขึ้นมานั่งได้ไม่นานล้มลงไปกับเตียงนอนนุ่มพร้อมกับตัวของเขาที่เปลือยท่อนบนเปียกโชกน้ำลงไปคร่อมทับแสนรักอย่างรวดเร็ว ตุ้บ! ว้าย! แสนรักร้องตกใจ สองมือเท้ายันดันหน้าอกแกร่งไว้ ก่อนหน้านี้เสื้อผ้าและกระเป๋าของเธอหลุดมือตั้งแต่ถูกเหวี่ยงมาบนเตียงครั้งแรกแล้ว “คะ...คุณจะทำอะไรคุณสงคราม” “ก็ไม่ทำอะไรหรอกแสนรัก ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองปล่อยให้เมียตัวเองนอนเหงาอยู่ที่บ้านเกือบเดือนได้ยังไง มองดูดีๆ ถ้าให้หลับหูหลับตา ‘เอา’ ก็พอได้อยู่หรอกแสนรัก” ทั้งๆ ที่ความจริงอยากบอกว่าเธอนั้น ‘สวย น่ารัก น่าปรารถนามาก’ แต่ก็นั่นแหละ เรื่องอะไรจะพูดความจริงออกมาล่ะว่าตอนนี้เขากำลังปรารถนาเจ้าหล่อน กลิ่นสบู่อ่อนๆ ที่เขาใช้ประจำติดอยู่บนตัวเธอทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก “หอม!” เขาก้มหน้าไปซุกซอกคอระหงของแม่คนตัวเล็กที่เบี่ยงหน้าหลบหนี เขาสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ติดบนตัวเธอและนั่นยิ่งทำให้เลือดในกายของเขามันร้อนจนปวดหนึบที่กลางร่าง จากจะแกล้งเจ้าหล่อน ตอนนี้เหมือนว่าคนที่โดนแกล้งจะเป็นตัวเองเสียมากกว่า “นะ...ไหนคุณบอกว่าจะไม่แตะต้องฉันยังไงล่ะ” “เราได้เซ็นสัญญากันไหมล่ะ ถ้าไม่ก็ถือว่าเป็นโมฆะแสนรัก” น้ำเสียงของนายแพทย์หนุ่มดังพร่าข้างโคนหูของสาวน้อยพร้อมกับเคลื่อนไล้ไซ้ปลายจมูกโด่งคมสันของตนเองมายังแอ่งชีพจรที่กำลังเคลื่อนไหวเร็วกว่าปกติของหญิงสาว ปลายจมูกโด่งของสงครามเคลื่อนไซ้ขึ้นมาหยุดจูบเน้นๆ ที่คางเล็กบุ๋มของเธอก่อนจะเคลื่อนมาจรดริมฝีปากอยู่กับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ตอนนี้สงครามไม่อาจหยุดความปรารถนาที่กำลังลุกโชนในอกของตนเองได้ จากที่คิดแค่จะแกล้งเย้าหยอกคนตัวเล็กใต้ร่างเล่น แต่กลับเป็นทรมานตัวเองแทนเสียเองและเขาต้องการเธออย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่วันเข้าหอเขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้ หรือเพราะว่าช่วงนี้ทำงานหนักไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองนานจึงทำให้โหยหาปรารถนาร้อนแนบเนื้อแบบนี้ “ยะ...อย่านะคุณสงคราม” มือน้อยผลักดันใบหน้าหล่อออกห่างเมื่อปากหนาของเขาทาบทับริมฝีปากอวบอิ่มของตัวเอง เธอพยายามบิดเบี่ยงหลบ แต่มือใหญ่หนานุ่มก็บีบล็อกคางเธอไว้ไม่ให้เบี่ยงหน้าหลบหนีริมฝีปากหนาอุ่นร้อนของคนตัวโต หึหึ สงครามขำในลำคอไม่ตอบคนตัวเล็ก ริมฝีปากหนากดบดจูบปากอวบอิ่มสีระเรื่อของภรรยาตัวน้อยใต้ร่างที่กำลังนอนสั่นกลัวตัวเองโดยไม่สนใจว่าตอนนี้สาวเจ้าจะสมยอมพร้อมใจไปกับตนเองรึเปล่า นายแพทย์หนุ่มเชื่อว่าเขาทำให้เธอคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย ปากหนาและเรียวลิ้นสากดุนดันกลีบปากของเธอทำให้เธอรู้สึกกลัวและตื่นเต้นในคราเดียวกันอย่างบอกไม่ถูก มันคือจูบแรกและครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดผู้ชายแบบนี้ แถมยังเป็นชายที่ตนเองเฝ้าฝันถึงมาตลอด หัวใจของสาวน้อยเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ สองมือน้อยที่เคยดันหน้าอกของเขาก็อ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน เมื่ออยู่ๆ สามีที่ทิ้งขว้างตัวเองจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว เธอก็ตื่นเต้นใจสั่นจนทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้จนหมดสติไป “อือ...เปิดปากสิแสนรัก” สงครามพึมพำบอกคนตัวเล็กโดยไม่ได้ละสายตาจากริมฝีปากสีระเรื่อน่าฟัดของเธอมาสบตา และเมื่อเห็นเธอเงียบไปมีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอกลับมาเป็นปกติทำให้สงครามต้องเงยหน้าละสายตาจากริมฝีปากสีระเรื่อมามองสบตาหญิงสาวและนั่นถึงทำให้รู้ว่าเธอหมดสติไปแล้ว “แสนรักตื่นสิ!” เขาตบแก้มเธอเบาๆ เพื่อปลุกให้ได้สติ เพราะตอนนี้เขาไม่อาจจะหยุดแค่นี้ได้จริงๆ “ให้ตายสิไอ้สงคราม!” ครั้งแรกที่คู่นอนเป็นลมหมดสติหลับคาเตียงแบบนี้ อยากจะบ้าตาย ตอนนี้เขาปวดหนึบจนควบคุมและให้มันหลับเองไม่ได้ มันต้องได้ปลดปล่อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม