ตอนที่ 15 เธอจากไปโดยไม่ลา

884 คำ
การแข่งขันรอบที่สองเริ่มขึ้น ชานนท์ก็กลับมาทำแต้มได้อีกครั้ง แม้จะยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมาก เพราะคำพูดของโค้ชทำให้เขามีสติขึ้นมาอีกครั้ง ใช่ เขาควรทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ให้ดีที่สุดก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ เขาค่อยไปถามรายละเอียดกับเจ้าตัวดูอีกทีน่าจะดีกว่า ในที่สุดการแข่งขันก็จบลง แม้ทีมของชานนท์จะตีตื้นขึ้นมาทำแต้มได้มากขึ้นในครึ่งหลัง แต่เพราะครึ่งแรกเขาแทบทำแต้มไม่ได้เลย แถมทำเสียไว้เยอะ เลยทำให้ทีมของเขาแพ้ แต่ก็ยังคงแพ้อย่างสูสี เพราะคะแนนห่างกันเพียง 2 แต้ม ถึงแม้ทีมของเขาจะแพ้ในแมตช์นี้ แต่คะแนนเก็บจากที่แข่งขันกันมาตลอด 6 เดือนที่ทีมเขาชนะมาโดยตลอด ส่งผลให้ทีมของเขาชนะอยู่ดี พอจบการแข่งขันเพื่อนๆ วิ่งเข้ามาโอบกอดเขาด้วยความดีใจ ที่ชานนท์สามารถทำแต้มพลิกกลับมาทำให้ทีมชนะได้ “โค้ชยังยืนยันคำเดิมนะ นนท์ยังเป็นความภาคภูมิใจของโค้ชเสมอ และโค้ชก็ดีใจมากที่ได้เห็นชานนท์โตเป็นผู้ใหญ่อีกขั้น” โค้ชหนุ่มชาวเกาหลีเดินเข้ามาตบบ่าเพื่อให้กำลังใจลูกศิษย์ของตัวเองอีกครั้ง เมื่อชานนท์กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ลำพัง “ขอบคุณครับโค้ช” ชานนท์กล่าวขึ้นด้วยความจริงใจ สายตาคมหันไปมองโค้ชที่บางครั้งก็เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพี่ด้วยความเคารพ ทำให้โค้ชหนุ่มยกยิ้มพร้อมพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกไป หลังจากที่โค้ชเดินออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของชานนท์ก็จางหายออกไปทันที เขารีบกดโทรศัพท์หาอารยาอย่างรวดเร็ว ในทันทีที่เขาเดินมาถึงที่เก็บของส่วนตัว ตู๊ด (หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณา…) ติ๊ด ตู๊ด (หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณา…) ติ๊ด ไม่ว่าชานนท์จะโทร. หาอารยากี่ครั้งก็ยังคงได้รับคำตอบแบบเดิมๆ ร่างสูงไม่รอช้า รีบเดินออกจากห้องพักสำหรับนักกีฬา มุ่งหน้าไปบ้านอารยาทันที ในขณะที่มือก็พยามยามกดโทร. หาเธอไม่หยุด เขาเลือกที่จะไม่ถามอะไรจากน้ำทิพย์เพิ่ม เพราะอยากได้ยินจากปากของหญิงสาวด้วยตัวเองเท่านั้น ชานนท์เดินทางมาถึงบ้านอารยาในเวลา 19.30 น เขามองเขาไปด้านในตัวบ้านก็รู้สึกว่ามันเงียบแปลกๆ แถมยังไม่เปิดไฟด้วย ชานนท์รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ เขาจึงรีบกดกริ่งเรียกคนในบ้าน ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ชานนท์ยืนกดกริ่งอยู่นานกว่าจะมีคนเดินออกมาจากในบ้าน “มาหาใครคะ” เสียงหญิงสาววัยกลางคนถามขึ้นเมื่อเห็นคนแปลกหน้ามายืนกดกริ่งหน้าบ้าน “ผมมาหาอายครับ” ร่างสูงตอบกลับน้ำเสียงสุภาพ เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาเคยมาบ้านอารยาอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้เลย “ที่นี่ไม่มีคนชื่ออายนะคะ” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้างงงวย “ทำไมจะไม่มี ก็นี่มันคือบ้านของอาย แล้วคุณเป็นใคร ทำไมมาอยู่บ้านอายได้ครับ” ชายหนุ่มวัยรุ่นถามหญิงวัยกลางตรงหน้าขึ้น พร้อมมองเข้าไปยังภายในบ้านที่เหมือนจะไม่มีคนอยู่ แถมยังดูเงียบๆ “ถ้าคุณหมายถึงเจ้าของบ้านคนเก่า ตอนนี้เขาย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันหมดแล้ว เห็นมีผู้ชายดูดีมาหาสองสามครั้ง หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ เขาก็รีบย้ายบ้านไปเลย” หญิงวัยกลางคนกล่าวถึงเจ้าของบ้านคนเก่า โดยการสันนิษฐานของตัวเอง “ป้าว่าคนที่มาน่าจะเป็นลูกเขยเขามั้ง เพราะบ้านนี้ลูกสาวสวยมาก แต่เห็นว่ายังเรียนไม่จบเลย ทำไมรีบร้อนนักก็ไม่รู้เด็กสมัยนี้” หญิงวัยกลางคนกล่าวเป็นตุเป็นตะเหมือนเธอรู้เรื่องจริงทุกอย่าง “ที่ป้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือครับ ป้าเห็นกับตาหรือครับว่าเขาไปด้วยกัน” ชานนท์ถามขึ้น เพราะเขาไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงวัยกลางคนพูดนัก “เปล่าาา! ป้าไม่ได้เห็นกับตาหรอก แค่สันนิษฐานเอาน่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วมันจะเป็นเรื่องอะไรได้ล่ะ นี่พวกป้าก็พากันสงสัยอยู่เลย” หญิงวัยกลางคนเอ่ยบอกคนตรงหน้าไปตามที่เธอคิด เพราะเธอเองก็อาศัยบ้านเช่าอยู่ในซอย การสอดส่องบ้านโน้นบ้านนี้ก็เป็นเรื่องปกติของพวกเธออยู่แล้ว เห็นอะไรก็ตีความไปตามที่ตัวเองเข้าใจ โดยไม่คิดหามูลเหตุอะไร และไม่สนใจว่าคำพูดของตนจะทำให้ใครเดือดร้อนหรือไม่ เอาแค่สนุกปากเป็นพอ “แล้วพ่อหนุ่มเป็นใครหรือจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนถามขึ้นเมื่อเห็นชานนท์นิ่งไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม