ชายวัยกลางคนมองดูภรรยาและลูกสาวด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่คิดโกรธภรรยาของเขาเลยสักนิด เพราะคิดว่าที่เธอพูดก็ถูก เขาเป็นคนผิดทั้งหมด ผิดเพียงผู้เดียวที่ทำให้ลูกและเมียตัวเองต้องลำบาก อัฐพลก้มหน้ายอมรับผิดทั้งหมด ทำให้อารยาที่เห็นสีหน้าและแววตาของผู้เป็นพ่อทุกอย่างอดห่วงไม่ได้ เธออยากอธิบายให้แม่เข้าใจพ่อบ้าง
“แต่แม่คะ...”
“อายพอเถอะลูก อย่าไปต่อว่าแม่เขาเลย แล้วตกลงคุณอยากให้ผมทำอย่างไร” อัฐพลเอ่ยห้ามอารยาขึ้นก่อนจะหันไปถามภรรยาที่กำลังยืนจ้องหน้าเขาอยู่ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฉันต้องการแบ่งเงินที่คุณได้มา ฉันกับลูกไม่ขอร่วมเดินทางไปกับคุณด้วย ในเมื่อคุณเป็นคนบอกเองว่ามันอันตรายและเสี่ยง แล้วอย่างนี้คุณจะให้ฉันกับลูกไปเสี่ยงด้วยทำไม” วิยะดาเอ่ยขึ้นในขณะที่อารยาเอาแต่ส่ายหน้าไปมา เพราะไม่เห็นด้วยกับแม่ของตน
“คุณมีเงินสดติดตัวมาเท่าไร เราเอามาแบ่งกัน หรือไม่ก็ให้ฉันกับลูกมากกว่า แล้วคุณก็หนีไปคนเดียว ส่วนฉันจะพาลูกกลับไปหาครอบครัวของฉัน” วิยะดาเอ่ยขึ้นเสียงดัง เธอกล่าวได้อย่างชัดถ้อยชัดคำโดยไม่มีความรู้สึกผิดในใจเลยสักนิด ไม่มีแม้แต่ความลังเลเลยในการตัดสินใจในครั้งนี้
ถ้าถามว่าเธอรักอัฐพลบ้างไหม เธอก็ตอบได้ว่ารัก แต่เธอแค่รักเขาน้อยกว่าตัวเอง วิยะดารักความสะดวกสบาย เธอชอบชีวิตหรูหรามากกว่าจะมาบูชาความรักแบบยอมกัดก้อนเกลือกินแบบนี้ อีกอย่างเธอก็จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากแม้อายุจะเข้าเลขสี่แล้ว ทว่าก็ยังสวยสะพรั่งเพราะดูแลตัวเองมาเป็นอย่างดี คอร์สความสวยความงามเธอจัดเต็มทุกคอร์ส แล้วอย่างนี้จะให้เธอยอมทนอยู่ในบ้านสวนลับตาคนได้อย่างไรกัน
“แม่!!! แม่พูดแบบนั้นออกมาได้อย่างไรคะ แม่จะทิ้งพ่อเหรอ แม่ทิ้งครอบครัวตัวเองได้ลงคอหรือคะ” อารยาเอ่ยขึ้นเสียงดังอีกครั้งเมื่อคำพูดของแม่เธอจบลง ก่อนที่เธอจะหันไปมองพ่อที่ตอนนี้น้ำตาคลอเบ้า แต่อัฐพลก็เลือกที่จะหันหน้าหนีเพื่อหลบสายตาของอารยาที่มองมาทางเขาสลับกับแม่ของเธอ
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อพ่อแกยังบอกเลยว่าใครๆ เขาก็ต้องเอาตัวรอดกันทั้งนั้น แล้วถ้าฉันจะทำบ้างมันจะผิดอะไร” วิยะดายังคงพูดในมุมมองของเธอ เธอไม่คิดว่าสิ่งที่เธอทำมันคือสิ่งที่ผิด ในเมื่อรู้ว่าหนทางข้างหน้ามันคือความลำบาก แล้วทำไมเธอต้องเดินไปด้วย สู้เธอหันหลังกลับไม่ดีกว่าเหรอ
“ผิดที่แม่เลือกจะทิ้งพ่อไปในยามที่พ่อต้องการแม่ไงคะ” อารยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อในความเห็นแก่ตัวของแม่ตัวเอง น้ำตาเธอไหลออกมาไม่หยุดเมื่อได้ยินคำพูดที่เห็นแก่ตัวออกมาจากปากของคนเป็นแม่
“อย่ามาน้ำเน่ากับฉันหน่อยเลย ถ้าแกไม่อยากไปด้วยกับฉันก็เรื่องของแก แต่แกไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉัน” วิยะดากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เมื่อถูกบุตรสาวเอาแต่ขัดเธอตลอดเวลา
“แม่! ทำไมแม่พูดได้อย่างหน้าไม่อายแบบนี้ แม่คิดบ้างไหมว่าพ่อจะรู้สึกอย่างไร อายไม่นึกมาก่อนนะคะว่าแม่จะเป็นคนอย่างนี้ไปได้” อารยาว่าแม่เธอด้วยความผิดหวังระคนเสียใจ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าคำพูดของแม่เธอจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้ ขนาดเธอฟังเธอยังเสียใจขนาดนี้ แล้วพ่อของเธอ ท่านจะเสียใจมากขนาดไหนที่ได้ยินคนที่เป็นคู่ชีวิตพูดออกมาโดยไม่เหลือเยื่อใยขนาดนั้น
“ฉันจะเป็นอย่างไรมันก็เรื่องของฉัน แกเป็นแค่ลูกไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์แม่อย่างฉัน หรือที่โรงเรียนแกเขาไม่สอน” วิยะดาต่อว่าอารยาเสียงดัง ทำให้อารยามองหน้าเธอด้วยสายตาผิดหวัง
“ตกลงว่าไงคุณอัฐ แบ่งเงินมาให้ฉันได้ไหม อย่างน้อยสักครึ่งหนึ่งก็ยังดี” วิยะดาไม่ได้สนใจแววตาตัดพ้อของอารยาเลยสักนิด เธอรีบหันไปถามผู้เป็นสามีเรื่องส่วนแบ่งของเธอ
“คุณคิดไว้แล้วใช่ไหมว่าจะไปจากผม” อัฐพลถามขึ้นเสียงเบา เขาไม่มีแม้เรี่ยวแรงที่จะพูดออกมา ถึงจะรู้คำตอบอยู่เต็มอก แต่ก็ยังอยากได้ยินมันให้ชัดเจนอีกครั้งจากปากของผู้ได้ชื่อว่าภรรยาสุดที่รักของเขา
“ใช่ ฉันคงทนอยู่บ้านหลังเล็กๆ แบบนี้ไม่ไหว คุณเองก็อย่าเห็นแก่ตัวนักเลย คุณจะลากฉันมาลำบากด้วยทำไม ถ้าคุณรักฉันจริง คุณก็ควรปล่อยฉันไปใช้ชีวิตในแบบของฉันสิ คุณจะลากฉันให้มาตกต่ำไปกับคุณทำไม” วิยะดาเอ่ยขึ้นก่อนจะมองหน้าอัฐพลด้วยแววตาจริงจังแน่วแน่
“ตกลง ผมจะแบ่งเงินให้คุณสิบล้าน” สิ้นคำพูดของวิยะดา อัฐพลก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล ถึงเขาจะรักภรรยามาก แต่ก็คงต้องปล่อยเธอไปเพราะที่วิยะดาพูดมันก็ชัดเจนในเจตนาของเธอแล้ว