ตอนที่ 10 พร้อมจะสู้ไปด้วยกัน #3

901 คำ
การมีปัญหากับกลุ่มมาเฟียไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขกันได้ง่ายๆ เหตุผลนี้อัฐพลก็รู้ดี เขาจึงเลือกพาครอบครัวหนีออกมาก่อน เพราะไม่รู้ว่าทางโน้นโกรธเขามากแค่ไหน และจะเล่นงานเขาหนักขนาดไหน ลำพังตัวเขาเองไม่เท่าไร แต่การที่ลูกกับเมียเขาต้องมาโดนเรื่องนี้ไปด้วย อัฐพลไม่ยอมเด็ดขาด เขารู้แค่ว่าต้องทำทุกทางให้ลูกกับเมียตัวเองปลอดภัยที่สุด อัฐพลจึงเลือกที่จะพาครอบครัวของเขาหนีโดยเร็วที่สุด โดยที่เขาได้ทิ้งหลักฐานต่างๆ รวมทั้งโทรศัพท์ตามสถานที่ที่เขาขับรถผ่าน เพราะถ้าพวกนั้นแกะรอยรอยตามมาจริง อย่างน้อยก็คงเสียเวลาไปตามหาพวกเขาตามจังหวัด ที่เขาได้ทิ้งโทรศัพท์ไว้ ทำให้เขามีเวลาในการหนีได้มากขึ้น “แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดีคะพ่อ ไม่มีใครช่วยเหลือเราได้บ้างเลยหรือคะ” อารยาถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นพ่อของตัวเองกำลังนั่งเหม่ออยู่ “ไม่มีใครเขากล้าต่อกรกับพวกมาเฟียหรอกลูก แค่รู้ว่าพ่อมีปัญหากับใคร ทุกคนก็หนีหายไปหมด แต่จะโทษพวกเขาก็ไม่ถูกหรอก เพราะใครๆ เขาก็ต้องเอาตัวรอดกันทั้งนั้น” อัฐพลกล่าวขึ้นตามความจริง เขาเข้าใจกับเรื่องนี้ดี ก่อนที่เขาจะหันไปบอกกับอารยาที่นั่งฟังอย่างตั้งใจอีกครั้ง “พ่อยังมีเงินเก็บหลงเหลืออยู่บ้างที่เป็นเงินสด พ่อแบ่งเงินส่วนหนึ่งให้คนรู้จักติดต่อซื้อที่แห่งนี้ไว้ให้ อายจะว่าอะไรไหมถ้าต้องอยู่ที่นี่ไปสักพักใหญ่ๆ โดยที่เราต้องไม่ติดต่ออะไรกับใครเลย รอให้พ่อเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้แล้วเสร็จเสียก่อน แล้วเราค่อยกลับกรุงเทพฯ กัน” อัฐพลเอ่ยบอกกับบุตรสาว แววตาสั่นคลอนด้วยความรู้สึกผิด เขารู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคือความผิดของเขาที่ทำให้ลูกและเมียต้องมาลำบากแบบนี้ “อีกนานไหมคะพ่อกว่าจะเคลียร์ปัญหาได้” อารยาถามขึ้น “พ่อเองก็ตอบลูกไม่ได้เช่นกัน อาจจะ 1 เดือน 1 ปี หรืออาจจะตลอดไปก็ได้ อายโอเคไหมลูกถ้าเป็นอย่างนั้น” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเสียงสั่น เขาไม่กล้าแม้จะสบตาลูกสาวตัวเองเสียด้วยซ้ำ “อายโอเคค่ะพ่อ พ่อไม่ต้องคิดมากนะคะ อายอยู่ที่นี่ได้ อายอยู่ได้ทุกที่ที่มีพ่อค่ะ เราจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะคะ” อารยาเอ่ยบอกพ่อของเธอน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมรอยยิ้มเพื่อให้กำลังใจพ่อตัวเอง เธอพยายามทำให้ท่านสบายใจมากที่สุด เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เธอทำได้ในเวลานี้ ถามว่าเธอรู้สึกอย่างที่พูดจริงไหม ตอบเลยไม่ เพราะเธอเองก็ทั้งสับสน ทั้งงงกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอในตอนนี้ มันเกิดขึ้นเร็วและรุนแรงมาก แต่ที่เธอเลือกที่จะเงียบ ไม่ถามเซ้าซี้หรือโวยวายอะไรก็เพราะเธอต้องการเซฟความรู้สึกของพ่อเธอเอาไว้ให้ได้มากที่สุด “ขอบใจมากลู... (พ่ออารยา) // แต่ฉันไม่โอเคด้วย (แม่อารยา) ” อารยาและพ่อหันไปมองตามเสียงพร้อมหัน ก่อนจะเห็นแม่เธอเดินออกจากห้องมา “ในเมื่อเรื่องนี้คุณเป็นคนก่อแต่เพียงผู้เดียว แล้วคุณจะลากเอาฉันกับลูกมาลำบากด้วยทำไม” วิยะดาเอ่ยขึ้นเสียงดังก่อนจะมองหน้าผู้เป็นสามีด้วยสายตาเย็นชา “แม่คะ แม่พูดแบบนั้นได้อย่างไร พ่อทำทุกอย่างก็เพื่อพวกเรานะคะ ที่พ่อต้องทำงานหนักทุกอย่างเพื่อหาเลี้ยงพวกเราให้อยู่อย่างสุขสบาย แล้วตอนนี้พ่อลำบาก เราต้องช่วยกันสิคะแม่” อารยาที่ได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงพ่อแบบนั้น ก็รีบแย้งขึ้นเพื่อหวังเตือนสติแม่ตัวเอง “ก็นั่นมันเป็นหน้าที่ของพ่อแกอยู่แล้วนี่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ในเมื่ออยากได้ฉันมาเป็นเมียก็ต้องหาเลี้ยงฉันสิ” หญิงวัยกลางคนที่สวยอย่างไร้ที่ติพูดขึ้นเสียงแข็งปนความไม่พอใจ “แม่! แม่พูดแบบนี้ได้อย่างไร แม่กำลังเห็นแก่ตัวนะคะ” คำพูดของเธอทำเอาบุตรสาวรับไม่ได้ อารยาเรียกแม่เธอเสียงดังขึ้น พร้อมมองดูผู้เป็นแม่ด้วยแววตาตัดพ้อ “แล้วยังไง บนโลกนี้มีใครบ้างที่เขาไม่เห็นแก่ตัวกัน และมีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องยอมใช้ชีวิตของตัวเองให้ลำบากไปกับคนอื่นด้วย” วิยะดาไม่ยอมแพ้เธอแย้งกลับทันควัน ในเมื่อสังคมที่เธออยู่มันหล่อหลอมให้เธอมีความคิดแบบนั้น “แม่! อายไม่คิดเลยนะคะว่าจะได้ยินคำนี้จากปากแม่” อารยาตัดพ้อแม่ของเธอด้วยความผิดหวัง “อย่ามาทำเป็นรับไม่ได้ในเมื่อฉันพูดความจริง” ทุกคำพูดของวิยะดามันเหมือนมีมีดนับล้านด้ามเสียบลงกลางอกของอัฐพล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม