CHAPTER 09
กระบี่...
อดีตแห่งความเลวร้ายที่ตูนไม่อยากไปเหยียบ ไม่อยากให้พูดถึง ไม่อยากให้อะไรเกี่ยวกับที่นั่นเข้ามาในความทรงจำอีกแต่ผมก็เลือกทำในทางตรงกันข้ามกับสิ่งที่เมียไม่ปรารถนา
“จะได้เจอคุณยายจริงๆ เหรอค่าแม่ตูนขา”
ผมชะงักกับเสียงเล็กของลูกสาวตัวอ้วนนั่งกอดแขนผู้เป็นแม่แน่นทั้งสองข้างบนตัก ในขณะผมทำหน้าที่ขับรถ พวกเราเดินทางด้วยเครื่องบินมาตั้งแต่เช้าจากนั้นก็เลือกขับรถมุ่งหน้าไปบ้านเกิดของตูน
“ได้เจอจริงๆ สิคะ”
เสียงตูนเอ่ยตอบลูกด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างฝืดเคืองเล็กน้อย มีความกังวลผสมดูได้จากฝ่ามือเล็กกอบกำเป็นมัดแน่น เธอเก็บความรู้สึกไม่ได้เอาไว้...
“เย้ๆ ต้องตาดีใจที่สุดเลยค่า”
กำปั้นเล็กๆ ชูขึ้นอย่างดีใจ รอยยิ้มรูปตาสระอิเกิดขึ้นอีกแล้ว
“ที่ดีใจเนี่ยได้เจอคุณยายหรือว่าดีใจที่ได้เล่นน้ำทะเลฮึลูก?”
“คิกๆ”
พอสิ้นคำถามของผมจากนั้นเสียงหัวเราะของต้องตาก็ดังขึ้น
“หัวเราะแบบนี้คิดอะไรลูก...” เสียงตูนเอ่ยถาม
“คิดทั้งสองอย่างค่า... แม่ตูนขา พ่อตามขา”
เจ้าเล่ห์ใช้ได้...
ผมส่ายหน้าให้กับความคิดของลูกสาวตัวน้อยของตัวเองที่ส่งความน่ารักน่าเอ็นดูออกมาแบบเต็มเปี่ยม แต่พ่อว่าเอียงไปทางเล่นน้ำทะเลมากกว่า
“งั้นหนูต้องไหว้คุณยายสวยๆ นะคะ ไหว้เหมือนที่แม่ตูนเคยสอนเข้าใจมั้ยลูก” คราวนี้เป็นเสียงของตูนเอ่ยขึ้นก่อนจะชี้ไปทางข้างต้องตาก็มองตานิ้วมือของผู้เป็นแม่ออกไป “บ้านคุณยายอยู่ด้านหน้าเอง”
ใช่...
อีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะถึง
ผมจำได้ดีว่ามันอยู่ตรงไหนของเมืองกระบี่
จำได้ว่ามาเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้า
ภายใน 5 ปี ต้องตาได้เจอกับผู้เป็นยายก็เมื่อสองปีก่อนเพียงครั้งเดียวและตอนนั้นก็เด็กพอสมควรแค่สองขวบ ผมมั่นใจว่าลูกไม่มีทางจำหน้าผู้เป็นยายได้แน่ จะเห็นก็แค่ผ่านรูปถ่ายที่ตูนเอาให้ดูกับน้ำเสียงผ่านทางโทรศัพท์
“ค่าแม่ตูน ต้องตาจะไหว้สวยๆ”
ตูนสอนลูกเรื่องมารยาทเสมอ
มีเพียงแค่ผมที่บางครั้งต้องสอนให้ลูกไม่ยอมคนบ้าง
ประโยคของต้องตาจบผมก็เลี้ยวรถเข้าไปเยือนบ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านในที่ดินทำเลทองเพราะอีกฟากเยื้องติดกับทะเลอันดามันสะท้อนสีครามเข้มพื้นที่กว้างใหญ่อลังการสมกับฐานนะเจ้าของบริษัทส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ของภาคใต้และติด 1ใน 3 ของประเทศ บ้านที่ร่มรื่นประดับไปด้วยต้นปาล์มตั้งแต่ทางเข้าประตูบ้านเรียงรายไปสิ้นสุดตรงลานจอดรถที่ตอนนี้มีรถจำนวนหลายคันจอดซ้อนกันอยู่ แค่เบี่ยงสายตาไปก็รับรู้แล้วว่าเจ้าบ้านกำลังมีแขกมาเยือน
แขกที่รู้ว่าผมกับเมียมา
“สวัสดีค่ะคุณตูน คุณตาม”
“สวัสดีจ๊ะ”
ตูนขานรับโดยที่ยังอุ้มลูกอยู่ในมือส่วนสายตานั้นพลางมองสังเกตไปที่รถหลานคันจอดอยู่ เธออาจรู้ดีกว่าผมว่าเป็นรถใคร
“ต้องตาลูกมาเดี๋ยวพ่ออุ้ม”
สาวใช้เข้ามาทำหน้าที่ยกกระเป๋าไป ผมจึงเข้าไปคว้าตัวอ้วนๆ ของต้องตามาไว้ในอ้อมกอดโดยที่มีลูกสมัครใจมาก มือป้อมอวบสอดเข้ามาคล้องลำคอผมแน่นแน่นอนว่าต้องตาไม่ชินกับสถานที่ก็มีนิสัยแบบนี้
กลัว... ประหม่า...
“เข้าไปกันเถอะตูน”
มืออีกข้างหนึ่งของผมโอบกอดร่างเล็กของตูนเข้ามาแนบชิดร่างของตัวเอง ผมรู้ว่าเธอไม่อยากเข้าไปสักนิดแต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำตาม พอเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โซนห้องรับแขกเท้าผมกับตูนก็ต่างชะงักหยุด
“มันจะมาจริงเหรอ หายหน้าหายตาออกไปอยู่กับผัวเป็นปีๆ ไม่คิดกลับมาดูดำดูดีครอบครัวหรือโผล่หน้ามาให้เห็น”
“แน่สิ ไม่แน่ผัวมันนั่นแหละตัวดีไม่ให้มา”
ผมไม่ยอมให้ลูกฟังอะไรแย่ๆ
แบบนี้นานจึงก้าวเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วย
“สวัสดีครับคุณแม่ “สิ้นสุดเสียงสายตาหลายคู่ก็จับจ้องมาที่ผมกับตูนทันที แววตาเกลียดชังปนความตะลึงเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่จากนั้นก็หายไปกลายเป็นรอยยิ้มที่เคลือบด้วยยาพิษ “ขอโทษด้วยนะครับที่พวกเราทั้งสามคนมาช้าจนทำให้ทุกคนคิดว่าไม่มากันแล้ว”
“สวัสดีค่ะแม่”
“ตูน ลูก...”
ใช่นี่คือเสียงของแม่ยายผม ท่านส่งยิ้มออกมาให้กับพวกเราแต่ตูนยังยืนตัวแข็งนิ่งเหมือนน้ำแข็ง สายตาเธอส่งไปให้คนรอบข้างผู้เป็นแม่
“แปลกนะคะ.... ไม่เชื่อว่าตูนจะมาแต่กลับมานั่งรอกันถึงบ้าน”
เมียผมไม่ยอมหรอก
ต้องมียกสอง สาม สี่ตามมาจนถึงกลับบ้านนั่นแหละ
ตาม ภูมิรพี: TALK END
คนพวกนี้ตั้งใจมาสมน้ำหน้าแม่ต่างหาก ทำไมฉันจะไม่รู้ว่านิสัยของญาติฝ่ายพ่อตัวเองทั้งหลายเป็นยังไง ชิงดีชิงเด่นกันขนาดไหน
แต่แล้วเป็นฉันเองที่ต้องชะงักเมื่อมีมือเล็กอวบยื่นเข้ามาคว้าเส้นผมตรงไหล่ม้วนไปมา ดวงตากลมสีนิลสวยจับจ้องมองใบหน้าฉันพร้อมกระพริบตาถี่ๆ ถัดกันสองสามครั้งทั้งที่ก่อนหน้านี้แอบซุกซ่อนใบหน้ากลมตรงซอกคอพี่ตามนี่นา
“แม่ตูนขาต้องตาหิว”
โอ้ย... ลูกฉัน
อาจเป็นโชคดีของพวกนั้นก็ได้ที่มีนางฟ้าตัวน้อยใจดีเข้ามาหักเหความสนใจไปได้ แน่ละว่าฉันต้องเลือกสนใจลูกตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
“งั้นสวัสดีคุณยายก่อนนะคะ”
ว่าแล้วพี่ตามก็ย่อตัววางร่างอ้วนกลมของต้องตาให้ยืนแตะพื้นโดยที่หลังยังพิงผู้เป็นพ่ออยู่ส่วนดวงตาเล็กจับจ้องมองไปตรงหน้าผู้ซึ่งเป็นแม่ของฉัน เป็นยายของต้องตา
“สวัสดีค่าคุณยาย”
พอเริ่มปรับตัวได้ริมฝีปากเล็กก็ยิ้มแฉ่งอวดฟันขาวๆ
“ไหว้พระเถอะหลานยาย มาให้ยายหอมทีลูก”
ต้องตาหันใบหน้ากลับมาเป็นเชิงถามพี่ตามพอเห็นผู้เป็นพ่อหยักศีรษะอนุญาตเธอก็ไม่วายพุ่งตัวเข้าไปหาอ้อมกอดของผู้เป็นยาย
อ้อมกอดที่แม้แต่ฉันก็ยังโหยหาเลย
“คิดถึงคุณยายที่สุดเลยค่า ต้องตารักคุณยาย”
ที่สุดเลยลูกฉัน
สามารถทำให้ทุกคนหลงรักง่าย
แค่ได้ยินเสียงลูกกับผู้เป็นยายแสดงความรักแก่กันฉันก็ดีใจนะ ดีใจมากที่ได้เห็นแบบนี้และก็ดีใจยิ่งกว่าอะไรเมื่อต้องตาลูกรักไม่ได้พุ่งตัวไปหาคนอื่นที่ไม่เคยนับญาติอะไรกับตัวเอง
“ยายก็รักต้องตาลูก ไม่ได้เจอนานตัวกลมเชียว” แม่ฉันหอมต้องตาทั้งซ้ายขวาอุ้มขึ้นไปนั่งบนตักก่อนที่สายตาคู่นั้นจะมองมาหยุดตรงฉันกับพี่ตาม “ตูนกับตาตามก็นั่งก่อนลูก”
ฉันตั้งใจจะยืนค้ำหัวคนพวกนี้แต่มือใหญ่ของพี่ตามกับดึงรั้งฉันเข้าไปนั่งด้วย ตรงหน้ามีผู้หญิงสองคนแต่งตัวยิ่งกว่าคุณหญิงคุณนายที่มียศใหญ่ทั้งที่ไม่ใช่ สองคนนี้คือผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวคนกลางและคนเล็กของพ่อ
ไม่มีทางที่จะไหว้แน่...
“ต้องตาลูก”
“ขา.... พ่อตาม”
อย่านะพี่ตาม
อย่าเด็ดขาด
ฉันพยายามหันไปมองส่งสายตาห้ามเด็ดขาดกับสิ่งที่พี่ตามกำลังจะสั่งให้ต้องตาทำ รู้ไหมว่าถึงแม้จะอยู่ใกล้มันกับเหมือนว่าฉันอยู่ไกลจากตัวพี่ตามมาก
“ไหว้คุณยายทั้งสองด้วยลูก” พอเห็นต้องตาพนมมืออวบเข้าหากันจากนั้นก็ทำความเคารพโดยไร้เสียงพูดฉันก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยแต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ทำเหมือนต้องตาแน่ ฉันไม่ไหว้ยอมเป็นเด็กใจแตกไม่มีมารยาทดีกว่า “เมื่อกี้พวกเรารีบไปหน่อย สวัสดีอีกครั้งนะครับ”
พอเห็นพี่ตามไหว้ มารยาทดีมากผัวฉันแต่สายตาของผู้หญิงสองคนนั้นกลับมองมาทางฉันอย่างคาดหวังอะไรบางอย่าง
“ต้องตาลูกไหนบอกแม่ว่าหิวไงจ๊ะ ให้พ่อตามขาพาไปทานขนมก่อนมั้ย?”
“พ่อตามขา... พาไปหน่อย” ร้อยเอาร้อย พันเอาพันลูกอ้อนจากลูกสาวมีเหรอที่พี่ตามจะปฏิเสธได้ เผลอแป๊บเดียวลูกสาวของฉันก็อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อกำลังจะมุ่งหน้าไปห้องครัว “เดี๋ยวต้องตาเอาขนมมาฝากคุณยายนะค่า”
“ยัยตูนสอนลูกมาดีนะ คุณน้องเกตดูสิประจบพี่ตาลใหญ่เลย”