15.45 นาฬิกา
“กรุณากรอกชื่อและที่อยู่ด้วยค่ะ” น้ำเสียงใสอธิบายลูกค้าสาวเสียงหวาน หญิงสาวเลื่อนเอกสารในการขอเช่าห้องพักให้แก่สาวน้อยหน้าหวาน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหวานซึ้ง โดยปกติทางรีสอร์ทไม่มีการกรอกรายละเอียดอะไรมากมายนัก หากลูกค้ามาพักเป็นรายคืน แต่ถ้าหากลูกค้ามาขอเช่าห้องเป็นรายเดือน ทางรีสอร์ทจำเป็นต้องให้ลูกค้ากรอกข้อมูลอะไรเอาไว้เป็นหลักฐานนิดหน่อย เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของลูกค้า
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พนักงานสาวยืนกุญแจพร้อมกับเรียกพนักงานชาย ที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งให้มาช่วยลูกค้าสาวชาวต่างชาติขนกระเป๋าไปส่งยังห้องพัก
หญิงสาวมองจนลูกค้าสาวเดินลับไปจากสายตา จากนั้นเธอก็ก้มลงมามองเอกสารที่ลูกค้าสาวเป็นคนกรอกด้วยความประหลาดใจ เพราะนามสกุลของลูกค้าสาวรายนี้มันเหมือนกับนามสกุลของเจ้านายสาวของเธอไม่มีผิด หรือว่าพวกเขาจะเป็นญาติกัน “นาดา อัมฟาล อัล ราเฟล นามสกุลเดียวกับคุณเลิฟเลยนี่นา ญาติฝ่ายสามีของคุณเลิฟหรือเปล่า”
“มีอะไรหรือคุณหนึ่ง” เมื่อเห็นประชาสัมพันธ์สาวเอาแต่จ้อง กระดาษสีขาวที่อยู่ในมือ
“ลูกค้ารายนี้ นามสกุลเหมือนกับคุณเลิฟเลยค่ะคุณอัสมิน” ‘หนึ่ง’ หรือ ‘หนึ่งฤทัย’ ประชาสัมพันธ์คนเก่งของรีสอร์ทนรีกานต์บอกเพื่อนสนิทของเจ้านายสาวออกไป
“ไหนขอฉันดูสิ”
อัสมินจ้องมองประวัติของลูกค้าด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยได้ยินว่าตระกูลนี้มีลูกหลานชื่อนี้เลยสักคน แล้วลูกค้าสาวรายนี้เป็นใครกัน เหตุใดจึงใช้นามสกุลอัมฟาล อัล ราเฟลกัน สายตาคู่คมจ้องมองชื่อของลูกค้าสาวอย่างสงสัย ‘มิส...นาดา อัมฟาล อัล ราเฟล ’
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะคุณอัสมิน”
หนึ่งฤทัยเอ่ยถามคุณอัสมินด้วยความสงสัย ก็จะอะไรเสียอีก ทั้งสีหน้าและสายตาของที่ชายหนุ่มที่จ้องมองข้อมูลของลูกค้า นั่นดูน่ากลัวไม่น้อย ไม่รู้ว่าเธอตาฝาดไปเองหรือเปล่า? หรือว่าสิ่งที่เธอเป็นมันเป็นความจริง ถ้าหากมันเป็นอย่างที่เธอคิดล่ะก็ผู้ชายคนนี้ก็เหมือนกับซาตานดีๆ นี่เอง
อัสมินไม่ได้ตอบคำถามอะไรแก่ประชาสัมพันธ์สาว ชายหนุ่มก้มลงมามองเอกสารในมือ ก่อนจะวางเอกสารลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ อาจเพราะภายในใจของเขากำลังคิดแผนการที่จะจัดการเหยื่อตัวน้อยๆ ที่อยู่ในห้องพักของรีสอร์ทนรีกานต์อยู่นั้นเอง
“เธอไม่รอดฉันแน่ นาดา อัมฟาล อัล ราเฟล” อัสมินพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องพักของตัวเอง
//////////
นาดาเดินมาถึงห้องพัก สิ่งเธอที่เธอทำก็คือโทรศัพท์ไปหาพี่ชายที่ดูไบทันที เรื่องที่จะเล่าให้พี่ชายฟัง เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นข่าวดีของคนทั้งตระกูลอัมฟาล อัล ราเฟลเลยทีเดียว ไม่นานเจ้าของเบอร์ก็กดรับสายของเธอ
(ว่าไงนาดา ตอนนี้อยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่กลับบ้าน)
“นาดาอย่าเมืองไทยค่ะพี่ควาริม”
(เมืองไทย)
“ค่ะ ทายสิค่ะว่านาดามาเจอใครที่เมืองไทย นาดาว่าพี่ควาริม ทายไม่ถูกอย่างแน่นอน”นาดาตอบพี่ชายเสียงหวาน
(แล้วนาดาไปเจอใครมาล่ะ ให้พี่ตอบพี่ก็คงตอบไม่ถูกหรอก)
ควาริมตอบกลับด้วยความเหนื่อยล้า เพราะปัญหาของเขาเองก็ยังแก้ไม่ได้ แล้วเขาจะไปตอบปัญหาของใครได้ เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เขาให้นักสืบและลูกน้องตามสืบหานรีกานต์ที่เมือง แต่ก็ดูเหมือนจะไร้วี่แวว
“โอเคค่ะ ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวนาดาจะบอกพี่ควาริมเอง” หากญาติผู้พี่ของเธอรู้เรื่องของพี่สะใภ้กับหลาน สงสัยชายหนุ่มคงต้องดีใจจนแทบเต้นทีเดียว
(ก็บอกมาสิ พี่กำลังยุ่งๆ ด้วยนะเนี่ย)
“นาดาเจอคุณอัสซามินค่ะ”
(อะไรนะ!) ควาริมถึงกับถามกลับญาติผู้น้องอย่างตกใจ เมื่อกี้นาดาบอกเขาว่า เจออัสซามินเหรอ เขาไม่ได้ฟังผิดไปหรอกนะ
“ไหนลองเล่ามาสินาดา ว่าเราไปเจออัสซามินที่ไหน” น้ำเสียงทุ้มดูจะตื่นเต้นไม่น้อยกับข่าวของอดีตคนสนิท
“นาดาเจอคุณอัสซามินที่กระบี่ค่ะ แล้วก็มีมายากับมีร่าด้วยนะคะ”
(อะไรอีกนาดา เล่ามาให้หมดสิ อย่ามาชักช้าได้ไหม พี่ยิ่งร้อนใจอยู่)
“นาดาเจอเด็กตัวเล็กๆ สองคนด้วยค่ะ ถ้าจำไม่ผิดนาดาได้ยิน คุณอัสซามินเรียกเด็กสองคนนั้นว่า ‘นายน้อย’ ไม่รู้ว่าเด็กสองคนนั้นจะเป็นลูกชายของพี่เลิฟหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ พี่เลิฟมีลูกแฝด”
(ละ...ลูกเหรอ นาดา) หัวใจของควาริมมันเต้นจนผิดจังหวะ มันแทบจะกระโดนออกมาอยู่ข้างนอกแล้ว ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าเด็กสองคนนั้นต้องเป็นลูกชายของเขา เขากับนรีกานต์มีลูกด้วยกัน มิน่าล่ะอัสซามินถึงต้องไปขอร้องให้มีร่ากับมายาเดินทางไปเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อน ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง
“ค่ะ พี่ควาริมมีลูกชายสองคน เป็นฝาแฝดกัน แต่นาดาไม่รู้หรอกค่ะว่าหลานนาดาชื่ออะไร แต่ที่แน่ๆ น่าดีมากๆ นี่ถ้าคุณลุงกับคุณป้ารู้เรื่องนี้เข้า พวกท่านคงจะดีใจน่าดู ที่จู่ๆ ก็มีหลานโผล่มาทีเดียวถึงสองคนเลย”
(แล้วนาดาเจออัสซามินที่ไหน)
“ที่กระบี่ค่ะ นาดาพักอยู่ที่รีสอร์ทนรีกานต์”
“รีสอร์ทนรีกานต์” เขาไม่เคยรู้เลยว่านรีกานต์ไปเปิดรีสอร์ทอยู่ที่เมืองไทยด้วยหรือ ควาริมนึกไปถึงใบหน้าสวยคม กับดวงตาคู่สวยที่มักจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ เวลาที่เขาออกคำสั่งกับเธอ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเปลี่ยนนิสัย อารมณ์ร้อนและเอาแต่ใจตัวเองลงบ้างหรือยัง “ถ้าพี่ควาริมถึงกระบี่ อย่าลืมโทรศัพท์มาหานาดาก็แล้วกัน แล้วนาดาจะบอกว่ารีสอร์ทของคุณพี่สะใภ้อยู่ที่ไหน แค่นี้ก่อนนะคะ นาดาจะไปอาบน้ำแล้ว”
(ขอบใจมากนะนาดา ที่โทรมาบอกพี่)
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะพี่ควาริม เรื่องแค่นี้เอง แค่นี้ก่อนนะคะ นาดาร้อนจะแย่แล้ว จะไปอาบน้ำก่อนนะคะ” นาดาตอบญาติผู้พี่ด้วยรอยยิ้ม
“โอเคจ้ะ...ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ พี่เป็นห่วง”
ควาริมบอกอย่างเป็นห่วง เพราะนาดาไม่เคยได้ออกไปไหนคนเดียว หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิต นาดาก็อาศัยอยู่ในโรงเรียนประจำมาตั้งแต่เด็ก เพราะเธอไม่ชอบมาอยู่กับพวกเขานั่นเอง อาจเพราะไม่ได้สนิทสนมกันมาก่อน ญาติผู้น้องคนนี้ขออยู่โรงเรียนประจำแทนคฤหาสน์อัมฟาล อัล ราเฟล เมื่อวางสายจากนาดา เขาก็ตัดสินใจโทรศัพท์หาคนสนิทเพื่อสั่งให้จัดการจัดเสื้อผ้าและเตรียมจองตั๋วให้เขาไปเมืองไทย จากนั้นเขาก็โทรศัพท์ไปหาพี่ชายที่มาดริดทันที เพื่อแจ้งข่าวเรื่องของนรีกานต์และลูกชายทั้งสองของเขา
///////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...