Galaxy 9 : เหตุผลที่ใจสั่น
“เรน ไอ้เรน!!”
“หะ...ห๊ะ” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปมองไอ้หมูแดงที่ตะโกนเรียกฉันเสียงดังลั่นโรงอาหารจนคนอื่น ๆ เริ่มหันมามองอย่างตำหนิ
“แกได้ฟังที่ฉันพูดไหมเนี่ย!!”
“เออ ๆ ฟังอยู่” ฉันโกหกไอ้หมูแดงทั้งที่ความจริงแล้วฉันไม่ได้ฟังที่มันพูดเลยเพราะมัวแต่คิดถึงสัมผัสเบา ๆ ที่ริมฝีปากแล้วเสียงทุ้ม ๆ ที่กระซิบข้างหู
“คืนนี้รอฉันด้วยนะ”
ฉันพยักหน้าตอบอย่างเลื่อนลอยเหมือนคนไม่มีสติ เพราะยังคงตกตะลึงกับเรื่องที่ตัวเองโดนจูบไม่หาย แม้จะไม่ใช่จูบที่ลึกซึ้งอะไร แต่มันก็ชวนให้ใจสั่นไม่น้อยเหมือนกัน
“แล้วตกลงว่าไง ได้เบอร์พี่กาแล็กซีไหม”
เสียงพูดของไอ้หมูแดงเหมือนกับอากาศธาตุที่ผ่านเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
“ไอ้เรน!!”
“แกจะตะโกนทำไมเนี่ย!”
ฉันยกมือปิดหูเพราะเสียงของไอ้หมูแดงที่ดังจนรู้สึกแสบแก้วหูไปหมด พูดดี ๆ ก็ได้ไหม จะตะโกนให้เจ็บคอเพื่อ!
“แล้วตกลงได้เบอร์มาแล้วใช่ไหม”
ครั้งนี้เป็นไอ้โฟร์ที่เอ่ยถามฉัน
“ดะ...ได้เห๊ย ไม่ ๆ ฉันยังไม่ได้”
ฉันเกือบหลุดปากบอกไอ้โฟร์เรื่องเบอร์ที่ซีแลคเป็นคนเมมไว้ให้ฉัน แล้ว ทำไมฉันต้องทำตามคำพูดของซีแลคที่ว่าจะไม่บอกใครด้วยเนี่ยย
“สรุปได้หรือไม่ได้ แกนี่แปลก ๆ นะ”
ไอ้โฟร์ถามย้ำเพื่อความมั่นใจแล้วมองฉันด้วยสายตาจับผิด
“ไม่ได้....คือฉันหาพี่เขาไม่เจอ”
ฉันยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่เริ่มซึมขึ้นมาตามผมหน้าม้า เขาว่ากันว่าถ้าคนเราได้โกหกหนึ่งครั้งมันก็จะมีครั้งต่อ ๆ ไปนี่คงจะจริงสินะ
“แล้วที่นี้จะเอาไงต่อ”
ไอ้โฟมถามขึ้นมาบ้าง เรื่องนี้ฉันก็ไม่ได้เครียดเท่าไหร่หรอก พวกรุ่นพี่เขาคงไม่ลงโทษอะไรรุนแรงขนาดนั้นหรอกมั้ง
“ฉันว่าจะยอมโดนลงโทษ ขี้เกียจตามล่ารายชื่อแล้วเหมือนกัน”
แค่เรื่องรายชื่อมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรกับฉันเลยเมื่อเทียบกับเรื่องของซีแลค...
“พวกแก..." ฉันเรียกพวกเพื่อน ๆ ที่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์จนพวกมันเงยหน้าขึ้นมามองฉันอย่างสงสัย
“คนเราจะใจสั่นมาก ๆ มันเป็นเพราะอะไร."
ฉันถามออกไปพร้อมกับพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง ทำไมถึงใจสั่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ๆ .....คิดเท่าไหร่ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที.....ทำไมอยู่ ๆ พี่ถึงมีอิทพลกับความรู้สึกฉันขนาดนี้นะ
“โรคหัวใจมั้ง หรือไม่ก็กำลังมีความรัก” ไอ้โฟร์ตอบฉันแล้วก้มหน้าเล่นเกมในโทรศัพท์ต่อ
มีความรักงั้นเหรอ....มันจะเป็นไปได้ยังไง แค่คิดก็ตลกแล้ว
“เรนเลิกเรียนแล้วนะ”
“โอเคเดี๋ยวพี่ไปรับ”
ฉันยืนรอเคนที่หน้าคณะตัวเอง วันนี้รู้สึกเหมือนฝนจะตกเพราะท้องฟ้ามืดเร็วกว่าปกติทั้งที่ตอนนี้พึ่ง 5 โมงกว่า ๆ ยืนรอไม่นานรถสปอร์ตสีดำที่คุ้นเคยก็ขับมาจอดอยู่ตรงหน้า พร้อมกับเสียงของเคนที่ตะโกนบอกให้ฉันรีบขึ้นรถเพราะฝนกำลังทำท่าจะตกลงมาจริง ๆ
“หน้าร้อนแท้ ๆ แต่ฝนตกได้ยังไง”
เคนบ่นขึ้นมาเบา ๆ เพราะรู้ว่าฉันไม่ชอบหน้าฝน ไม่ใช่เพราะกลัวเสียงฟ้าร้อง แต่เพราะไม่ชอบให้ตัวเองเปียกตั้งหาก
“คงเป็นฝนหลงฤดู” ฉันพูดพร้อมกับปรับเบาะเอียงลงแล้วหลับตาลงช้า ๆ ฟังเสียงฝนที่ตกพร่ำ ๆ อยู่ด้านนอก
“วันนี้เพื่อนพี่จะมานอนด้วยนะ”
“อื่ม” น้ำเสียงใส ๆ เอ่ยขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ลืมตา ฉันรู้อยู่แล้วเพราะซีแลคเป็นคนบอกฉันเองตอนที่อยู่ลานจอดรถ พูดถึงลานจอดรถทำไมอยู่ ๆ ใจฉันมันถึงสั่นขึ้นมาอีกจนได้ ทั้งที่หยุดสั่นไปแล้วแท้ ๆ
“เรนขึ้นไปอาบน้ำก่อนเถอะ” เคนบอกฉัน
“เคนก็ด้วยนะ” ฉันก็บอกกลับ
“เป็นห่วงเหรอ” เคนพูดขึ้นมายิ้ม ๆ
แม้เราจะเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ แต่ฉันไม่ค่อยแสดงความรักให้พี่ชายคนนี้เท่าไหร่หรอก อย่างมากก็แค่พูดอ้อม ๆ ทั้งที่จริง ๆ แล้วฉันก็รักเคนมากเหมือนกัน
“คิดไปเองหรือเปล่า”
แม้ปากจะพูดไปแบบนั้น แต่เคนคงจะรู้ว่าฉันก็เป็นห่วงเขาไม่น้อยกว่าที่เขาเป็นห่วงฉันเหมือนกัน ในครอบครัวฉันสนิทกับเคนที่สุดแล้วเพราะพี่ชายฉันคนนี้จะคอยตามใจฉันตลอดเวลา โดนแม่ดุทีไรก็จะออกรับหน้าแทนฉันอยู่เสมอ พูดถึงแม่แล้วคิดถึงจัง....ตอนนี้ที่เชียงใหม่จะเป็นยังไงบ้างนะ แม่ฉันเป็นคนเชียงใหม่ ส่วนพ่อฉันเป็นคนอิตาลี ตอนแรกพ่อจะให้แม่ย้ายไปอยู่ที่อิตาลีด้วยกัน แต่แม่ไม่ยอม สุดท้ายทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่โดยมีฉันกับพี่ชายเป็นโซ่ทองคล้องใจ
ฉันเดินเข้ามาในห้องตัวเองแล้วทิ้งตัวลงเตียงอย่างเหนื่อยล้าชีวิตนักศึกษานี่ก็ไม่ง่ายเหมือนกันนะ ฉันจำได้เลยว่าตอนเรียนอยู่ม.ปลายฉันภาวนาให้ตัวเองเรียนจบไว ๆ เพราะอยากใช้ชีวิตอิสระแบบเคนดูบ้าง พอเรียนจนม.ปลาย ฉันสอบติดที่เดียวกับเคน ตอนแรกจะขออยู่คอนโดคนเดียว แต่เคนไม่ยอม ทั้งที่เมื่อก่อนตัวเองได้อยู่คอนโดแท้ ๆ พอมีฉันมาเรียนด้วยเลยขอให้แม่ซื้อเป็นบ้าน เพื่อจะได้มาอยู่ดูความประพฤติฉัน คนที่ควรถูกคุมความประพฤติคือเคนตั้งหากไม่ใช่ฉัน!!
สายน้ำเย็น ๆ ไหลผ่านร่างกายลงสู่พื้น ฉันชอบเวลาที่ตัวเองได้ยืนอยู่ใต้สายน้ำแบบนี้ ไม่รู้ว่าแปลกหรือเปล่าทั้งที่ตัวเองชอบยืนแบบนี้นาน ๆ แต่กลับไม่ชอบฝนเอาเสียเลย ใช้เวลาพอสมควรกับการอาบน้ำฉันเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงฝนที่ได้ยินทำให้รู้แล้วมันคงไม่หยุดง่าย ๆ แน่
“ซีแลคจะมาหรือยังนะ”
ฉันใช้ผ้าเช็ดฉันตัวเองแล้วบ่นถึงคนที่บอกให้ฉันรอ
“ยังไม่นอนอีกเหรอเรน”
“เรนลงมากินน้ำอะ”
“เสร็จแล้วก็รีบขึ้นไปนอนนะ”
ฉันพยักหน้าตอบเคนที่เดินขึ้นบันไดไป ที่จริงคือฉันไม่ได้ลงมากินน้ำหรอก....แค่ลงมาดูว่าซีแลคมาหรือยังเท่านั้นเอง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะสนใจผู้ชายคนนั้นไปทำไมทั้งทีชอบเมิน แถมยังพูดจาไม่เข้าหูฉันตั้งหลายครั้ง
“รอฉันอยู่เหรอเด็กน้อย”
กลิ่นน้ำหอมแบบที่ไม่เหมือนใครหรืออาจจะเป็นกลิ่นเฉพาะของเจ้าตัวทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมอง
“ฉะ...ฉันแค่ลงมากินน้ำ”
“งั้นเหรอ...."
ร่างสูงเสยผมที่เปียกชื้นจากน้ำฝนขึ้น....อ่าา....ซีแลคเปียกฝนนี่น่า....ไปทำยังไงถึงได้เปียกทั้งตัวแบบนี้นะ
“พี่ไปอาบน้ำก่อนไหม.”
ฉันถามด้วยความเป็นห่วง ตัวเปียกขนาดนี้ถ้าไม่รีบอาบน้ำสระผมคงได้เป็นหวัดแน่ ๆ
“อืม”
ฉันเดินนำซีแลคขึ้นมาบนห้อง ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดตัวไปให้ แต่ดูท่าแล้วใครบางคนคงอยากอาบน้ำจนตัวสั่น เพราะเล่นถอดเสื้อทั้งที่ฉันยังยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าฉันไม่ยกมือห้ามไว้คงได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเป็นแน่ คนอะไรหุ่นดีเป็นบ้า!! แล้วทำไมฉันต้องหน้าร้อนด้วยเนี่ยย
“ดะ...เดี๋ยวฉันไปยืมชุดเคนมาให้”
ฉันรีบเดินหันหลังให้ซีแลคที่เอาแต่ยิ้มขำกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของฉัน ว่าแต่เมื่อกี้ซีแลคยิ้มเหรอ....ฉันใช้มือลูบหน้าตัวเองเพราะอาการร้อนที่หน้ามันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบระเบิดออกมา ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ไอ้บ้าเอ๊ยยย!! ฉันทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดที่ไม่สามารถกำจัดอารมณ์ว้าวุ่นในใจของตัวเองได้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เรนเข้าไปนะเคน”
“เข้ามาสิ”
ฉันเปิดประตูเข้ามาในห้องของพี่ชายตัวเอง ซึ่งสภาพห้องของเคนต่างจากฉันลิบลับ ห้องเคนส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยแผ่นซีดีแผ่นเกมแล้วก็พวกโมเดลรถ ส่วนห้องฉันจะออกแนวโล่ง ๆ นอกจากกรอบรูปกับพวกเฟอร์นิเจอร์ทั่วไปก็ไม่มีอะไรแล้ว
“เพื่อนเคนมาแล้วนะ”
“อ้าวเหรองั้น เรนบอกให้มันไปนอนห้องรับแขกแล้วกัน”
เคนตอบฉันทั้งที่มือยังคงกดจอยเกม เป็นเพื่อนที่ดีจริง ๆ ไม่คิดจะออกไปต้อนรับหรือพูดคุยกันเลยเหรอ นี่แหละ.พี่ชายฉันเอง
“อืม...แล้วเสื้อผ้า”
“ไปหยิบเอาในตู้เลย แล้วก็นะ อย่าไปยุ่งกับไอ้กาแล็กซีมันมากล่ะ”
ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอเคน! ทั้งที่ตัวเองเอาแต่เล่นเกมระวังไว้เถอะเรนจะโทรฟ้องแม่ว่าเคนติดเกมจนไม่สนใจน้อง!!
“รู้แล้ว ๆ”
ฉันตอบส่ง ๆ แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าจากตู้เคนไม่รอให้เคนได้บ่นอะไรต่อฉันก็รีบเดินออกมาจากห้องทิ้งให้เจ้าตัวเขาสนใจแต่เกมต่อไป
“ช้าจังนะ”
“เห๊ย!!”
ฉันร้องออกมาอย่างตกใจที่เปิดประตูเข้ามาแล้วเจอซีแลคยืนมองอยู่ในสภาพที่มีแค่ผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวเท่านั้น
“ตกใจอะไรขนาดนั้น”
“ปะ...เปล่า.”
ทำไมเวลาอยู่กับซีแลคฉันถึงกลายเป็นคนพูดติดอ่างทุกทีแถมหัวใจยังทำงานหนักกว่าปกติอีกด้วย!!
“นี่ใช่ไหมเสื้อผ้าฉัน” ร่างสูงเดินเข้ามารับเสื้อผ้าในมือฉันไปสวมใส่
“เอ่อ...ถ้าพี่แต่งตัวเสร็จเดี๋ยวฉันพาไปห้องรับแขกนะ”
ฉันพยายามพูดให้เสียงปกติที่สุดแล้วกรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิดเพื่อไม่ให้ตัวเองนึกถึงร่างกายที่เปื่อยเปล่าของคนตรงหน้า
“นอนห้องนี้ไม่ได้เหรอ”
“มะ...ไม่ได้”
“เสียงสั่นนะ กลัวฉันเหรอไง”
“ปะ...เปล่า.”
“งั้นฉันจะนอนห้องนี้”
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบอะไรซีแลคก็เดินไปล้มตัวนอนที่เตียงของฉันทั้ง ๆ ที่ฉันยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ถามจริงเถอะสรุปนี่มันห้องใคร.!!
“มานอนสิจะยืนตรงนั้นอีกนานไหม”
“เอาแต่ใจที่สุด!”
ฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เพราะกลัวคนที่นอนอยู่บนเตียงจะได้ยิน
“บ่นอะไรฉันอีก”
“ปะ...เปล่า.!!”
ฉันตอบเสียงตะกุกตะกักที่โดนจับได้ว่าตัวเองกำลังบ่นคนเอาแต่ใจอยู่
“ฝันดีเด็กน้อย”
เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูทำให้ฉันพยายามฝืนตัวเองให้รีบ ๆ นอนเพราะไม่งั้นคงได้หัวใจวายตายก่อนแน่ ไออุ่นจากคนข้าง ๆ ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะซุกหน้าลงกับอกแกร่ง....ถึงหมอนข้างจะแข็งไปหน่อยแต่ก็อุ่นใช้ได้เลยนะ
_________________________________