“ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับอาหารเช้า อืม... อร่อยมากๆ ค่ะ ผักก็สด ผลไม้ก็กรอบอร่อย ชักอยากจะให้พี่ตรัยมาทำอาหารให้กินทุกวันแล้วสิคะ”
เธอพูดแล้วอมยิ้ม คำพูดของเธอทำให้คนที่ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารให้ตั้งแต่เช้าหัวใจพองโต แค่คนกินมีความสุข คนทำก็มีความสุขตามไปด้วย
“ถ้าน้องพราวต้องการ อยากให้พี่ทำให้กินตลอดชีวิต พี่ยินดีนะครับ” เขาพูดจริงจังจนเธออ้ำอึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะเอาจริง แต่มันทำให้เธอเขินยิ่งนัก
“ไม่เอาหรอกค่ะ ต่อไปพี่ตรัยต้องมีแฟน มาทำอาหารให้พราวกินแบบนี้เดี๋ยวแฟนหึงเอา” เธอเบี่ยงประเด็น แต่ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว
“พี่ก็จะไม่ยอมมีแฟนไง” เขาพูดมีนัย เพื่อสื่อให้เธอเข้าใจความรู้สึกลึกๆ ของตัวเอง พราวมุกเองก็ไม่ใช่คนโง่ แถมยังโตจนบรรลุนิติภาวะเรียบร้อยแล้ว เธอย่อมรู้ความหมายของผู้ชายที่เข้ามาหาดีว่าต้องการสื่ออะไรให้เธอได้รับรู้
“ทำไมล่ะคะ พี่ตรัยชอบล้อเล่นเรื่อยเลย” หัวใจของเธอเต้นแรงอีกแล้ว ยิ่งสบตาของพี่ชายข้างบ้านแล้วรู้สึกหวิวๆ ชอบกล มันซ่านในหัวใจ เหมือนกำลังโดนเขาเกี้ยว และเขาก็รุกหนักน่าดู ถึงรู้ว่าถามไปแล้วจะเข้าตัว แต่เธอยังอยากถาม
“พี่ไม่เคยล้อเล่น พี่จริงจังและจริงใจ ถ้าพี่ไม่มีแฟน จะได้ทำอาหารให้พราวกินตลอดชีวิตยังไงครับ” เขาไม่มีแฟนเป็นผู้หญิงคนอื่น แต่ถ้าเขาจะมีแฟน เขาขอเธอเป็นแฟนเขาแค่คนเดียวเท่านั้น
“เอ่อ...” พราวมุกถึงกับไปไม่เป็นเมื่อเขาพูดแบบนี้
“อนาคตมันไม่แน่นอนหรอกค่ะ บางทีเราอาจจะอยากให้เป็นแบบนี้ แต่มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้นะคะ” เธอพูดเผื่อเอาไว้ เพราะไม่เคยยึดติดกับอะไรในชีวิตนัก อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด หลายสิ่งที่เข้ามาในชีวิต เราไม่สามารถกำหนดมันได้
“สำหรับพี่แล้ว อนาคตคือปัจจุบันที่พี่กำลังทำอยู่ครับ ถ้าพี่รักผู้หญิง คนไหน พี่จะยังมั่นคงซื่อสัตย์กับเธอคนนั้นคนเดียว ปัจจุบันทำสิ่งใด ก็ส่งผลถึงอนาคตแบบนั้น” ตรัยไม่เคยปล่อยให้ชีวิตปล่อยไปตามเวรตามกรรมหรือตามชะตา ชะตาชีวิตของเราคือสิ่งที่เรากำหนดให้มันเป็นไป เราทำสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น
“แหม... ใครเป็นผู้หญิงคนนั้น โชคดีจังเลยนะคะเพราะพี่จะตรัยรักเดียวใจเดียว และซื่อสัตย์กับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้ชายไม่เจ้าชู้หายากออกค่ะ ที่พราวเจอๆ มา เจ้าชู้กันทั้งนั้น แม้กระทั่งเพื่อนๆ ที่พราวรู้จัก” เขาไม่มีเรื่องผู้หญิงคนอื่นจริงๆ ยิ่งพักหลังๆ มานี้ เขาตั้งใจทำงาน เรียกว่าขยันเอามากๆ เธอเองยังเห็น พายัพเองก็เถอะ พี่ชายพูดเรื่องตรัยออกบ่อย เรียกว่าวันไหน ถ้าไม่ได้พูดถึง ถือว่ากลายเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับเธอไปแล้ว
“แล้วพราวอยากเป็นผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าล่ะครับ” ตรัยเอ่ยถาม ถ้าจะบอกว่าเขาถามตรงมากก็คงจะใช่ เขาถามเธอต่อหน้า ทำเธอถึงกับไปไม่เป็น
“เอ่อ... พราวว่าเรารีบกินกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไปทำงานสาย” พราวมุก หน้าแดงเมื่อโดนถามตรงๆ เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง เบี่ยงเบนประเด็นทันที แต่เพราะรีบก้มหน้าก้มตากิน จึงสำลักจนได้
“แค่กๆๆ”
“น้ำครับ อย่ารีบสิ ไม่มีใครแย่งเสียหน่อย กว่าจะถึงเวลางานอีกเป็นชั่วโมงนะครับ” ตรัยหยิบแก้วน้ำมาส่งให้พราวมุก ก่อนจะลูบหลังให้เบาๆ อย่างเอ็นดู พราวมุกดื่มน้ำเข้าไปจนโล่งคอ รู้สึกสบายขึ้นจึงวางแก้วน้ำลง
“ขอโทษค่ะ พราวนี่ทำอะไรขายหน้าตลอดเลย” พราวมุกพูดแก้เก้อ อายจนแก้มแดง เธอลูบปากไปมาเหมือนเด็กๆ ตรัยยิ้มเอ็นดู เขาดึงมือเธอออก แล้วซับปากให้อย่างอ่อนโยน
พราวมุกเงยหน้ามองใบหน้าของเขาที่ขยับเข้ามาใกล้ชิดแล้วหัวใจ เต้นแรง เขาดูใส่ใจเช็ดปากให้เธอ แต่เธอน่ะสิ ใส่ใจดูโครงหน้าหล่อเหลาของเขา แถมยังเผลอไปมองปากแดงๆ ของเขาอย่างเผลอไผล
“พี่ไม่เคยเห็นพราวทำอะไรขายหน้า แต่ทำอะไรน่ารักไปหมดต่างหากครับ” เขาบอกเธอ นิ้วโป้งลูบไล้เบาๆ ที่ริมฝีปากอิ่มสวย พราวมุกถึงกับสะท้านกับสัมผัสใกล้ชิดที่เขาแตะสัมผัสเธอ ก่อนจะรีบกะพริบตา ดึงสติกลับมาโดยเร็ว เมื่อเขาทำท่าจะก้มหน้าลงมาแนบริมฝีปากกับปากนุ่ม
“เอ่อ...” พราวมุกก้มหน้างุดเมื่อสิ่งที่คิดเริ่มกระจ่างขึ้น ตรัยรุกจีบเธอ ไม่ใช่จีบเล่นๆ แต่สีหน้าแววตาของเขาเอาจริงมาก จนเธอนึกหวั่น
ตรัยไม่ได้รุกรานหักหาญน้ำใจ เมื่อหญิงสาวเบี่ยงหลบ เขาก็ผละออกห่างอย่างอ้อยอิ่ง จะทำยังไงดียายพราวมุก พี่ชายก็ไม่อยู่เสียด้วย ไม่มีใครคอยขัดขวาง พราวมุกคิดอยู่ในใจจนวุ่นวายไปหมด!!!
“น้องพราวครับ อิ่มหรือยังครับ” ตรัยถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คะ? พี่ตรัยว่าอะไรนะคะ” พราวมุกใบหน้าเหลอหลา เพราะเธอเอาแต่ ใจลอย
“พี่ถามว่าอิ่มหรือยังครับ” น้ำเสียงของเขานุ่มชวนฟัง ร่างกายของเขาดูอบอุ่นเพียงได้แนบชิด ไอความร้อนและพลังบางอย่างทำให้เธอใจสั่นระรัว ยิ่งกลิ่นกายของตรัยหอมสะอาดสดชื่น กลิ่นโคโลญของเขาทำให้เธอรู้สึกหลงใหล ทุกอย่างที่รวมเป็นเขา ช่างดึงดูดเธอเข้าหาเหมือนต้องมนตร์สะกด
“อะ... อิ่มแล้วค่ะ”
“งั้นไปทำงานกัน” เขาจับมือเธอดึงออกจากบ้าน คนถูกดึงก้มมองมือตัวเองที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่แล้วอมยิ้ม มือของเขาอบอุ่น กลิ่นกายของเขาหอมจัง
ไม่ได้ๆ เราจะฟุ้งซ่านไม่ได้นะ สติสตังดึงกลับมาเดี๋ยวนี้ พี่ตรัยก็แค่ดูแลเราเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น… แต่... เขาทำท่าเหมือนจีบเธออยู่นะ?
“คิดอะไรอยู่ครับพราว” คนถูกถามสะดุ้ง รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ปะ... เปล่าค่ะ” เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอมองเขาอยู่นาน จึงรีบเสมองไปทางอื่น
น่าอายเสียจริงพราวมุกเอ๊ย มองผู้ชายตาเป็นมัน เธอนึกด่าตัวเองในใจ แต่ไม่ได้สังเกตว่าผู้ชายข้างๆ อยากให้มองแค่ไหน ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเหมือนจะยิ้ม ถ้าพราวมุกสังเกตดีๆ นั่นแปลว่าเขากำลังอารมณ์ดี
ขับรถมาถึงบริษัท ตรัยทักทายพนักงานทุกคนด้วยรอยยิ้ม พราวมุกยกมือไหว้พี่ๆ ที่ทำงาน เพราะสนิทคุ้นเคยกันดี ตั้งแต่สมัยฝึกงาน
จริงๆ แล้วพราวมุกคุ้นชินกับที่นี่เป็นอย่างดีเพราะตามพี่ชายเข้ามาตั้งแต่ยังเด็กๆ ตอนที่พี่ชายเธอเปิดบริษัทใหม่ๆ ทุกคนจึงเหมือนญาติพี่น้องกัน แถมที่ออฟฟิศยังเฮฮากันน่าดู
พราวมุกได้ทำงานกับตรัย ซึ่งเธอมาแทนเลขาฯ คนเก่าของเขาที่ลาคลอด เขาจึงเป็นคนช่วยสอนงานให้เธออย่างใกล้ชิดว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง การทำงานกับตรัยทำให้เธอรู้สึกเพลินจนลืมเวลา
“เที่ยงแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะครับพราว”
“วันนี้พี่ตรัยจะพาไปกินอะไรคะ” เธอเก็บเอกสารแล้วเงยหน้าขึ้นถามเขายิ้มๆ
“อยากกินอะไรล่ะ” เขาเอ่ยถาม มือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีสบายๆ แต่ทำให้คนมองถึงกับอมยิ้ม ตรัยเป็นผู้ชายสูงสมาร์ต เขามีบุคลิกความเป็นผู้นำและผู้บริหาร พี่ชายของเธอเสียอีกออกแนวลุยๆ คล่องแคล่ว ห่ามๆ หล่อแบบเถื่อนๆ แถมยังพูดจาตรงไปตรงมา แตกต่างกับตรัยที่พูดจาสุภาพและอบอุ่น
“อะไรก็ได้ค่ะ”
“ไปครับ เดี๋ยวพาไปกินร้านอาหารอร่อยแถวนี้”
“แถวนี้เหรอคะ แถวนี้ก็มีร้านเจ้ติ๋ว กินส้มต้มไก่ย่าง” เธอพูดแล้วยิ้ม
“ไม่ใช่ครับ”
“อ้าว... งั้นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้ไก่”
“ไม่ใช่อีกนั่นแหละครับ ร้านใหม่เพิ่งมาเปิด อาหารอร่อยมากครับ”
“อาหารแนวไหนคะ” เธอเอ่ยถาม
“อาหารไทยครับ รสชาติโอเคมากๆ” ตรัยพาเธอออกมานอกออฟฟิศ เขาดึงหมวกติดมือมาด้วย
“สวมเอาไว้นะครับ อากาศร้อน”
“ขอบคุณค่ะ” พราวมุกทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้รับการเอาใจใส่จากเขา ตรัยเป็นคนอ่อนโยน และเขาก็มักดูแลเธออย่างดีแบบนี้เสมอ แต่ที่ไม่ค่อยปกติระหว่างนี้ก็คือสายตาสื่อความหมายของเขา
“มาครับ ตามพี่มา” เขาจับมือเธอให้เดินตาม พราวมุกอยากจะดึงมือหนี แต่มันอบอุ่นจนต้องเผลอกุมมือเขากลับ