ทัวร์เมืองเกอเรเมด้วยบอลลูนสิ้นสุดลงแล้ว แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้หลังจากการนำนักท่องเที่ยวขึ้นบอลลูนบินสู่ท้องฟ้าและแตะลงสู่พื้นดินด้วยความปลอดภัย คือการเปิดแชมเปญเพื่อดื่มฉลอง รวมทั้งการแจกใบประกาศให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่า...ครั้งหนึ่งในชีวิต พวกเขาได้มาขึ้นบอลลูนชมความงดงามอันน่าอัศจรรย์ในเมืองเกอเรเม ประเทศตุรกี...
“กัปตัน พวกเราขอถ่ายรูปด้วยครับ”
“ด้วยความยินดีครับ”
กัปตันคาลมิลแย้มยิ้มกว้างกับคำร้องขอของนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ซึ่งอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดหลังจากดื่มแชมเปญแล้ว คือการถ่ายภาพร่วมกัน และถ่ายภาพกับกัปตันผู้หล่อเหลาบาดใจสาวๆ อย่างกัปตันคาลมิล
นักท่องเที่ยวที่มีถึงยี่สิบคนต่างก็รุมถ่ายภาพกับกัปตันคนหล่อ ซึ่งคาลมิลไม่มีเบื่อ ไม่มีแสดงอารมณ์หงุดหงิดใจให้เห็น กับการที่นักท่องเที่ยวสาวหลายๆ คน ต่างก็ถ่ายภาพร่วมกับเขารัวเป็นสิบๆ ภาพ
เมื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพร่วมกับเขาจนเป็นที่พอใจแล้ว กัปตันคาลมิลก็เอ่ยขอบคุณนักท่องเที่ยวและกล่าวลาเป็นการทิ้งท้าย
“ผมต้องขอบคุณทุกท่านมากครับ ที่เลือกใช้บริการบอลลูนของเดอะควีนบอลลูน ผมหวังว่าจะได้รับใช้ทุกท่านในโปรแกรมทัวร์อื่นๆ ของเรา ที่จะพาทุกท่านเที่ยวชมให้ทั่วเมืองเกอเรเมและเมืองใกล้เคียง หากมีข้อผิดพลาดอย่างไร ทุกท่านสามารถบอกกับผมได้โดยตรง หรือบอกกับไกด์ของเราได้เลยครับ สุดท้าย...ผมขอให้ทุกท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ พนักงานขับรถของเราจะส่งทุกท่านถึงหน้าโรงแรมเลยครับ”
“ขอบคุณกัปตันมาก เป็นทริปที่ประทับใจที่สุด”
ไม่ใช่มีแค่นักท่องเที่ยวชาวจีนเท่านั้นที่เดินมาจับมือขอบคุณกัปตันคาลมิล นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่ได้รับความประทับใจในทริปนี้ไม่มีลืม ต่างก็เดินมาจับมือ บ้างก็สวมกอดกัปตันเป็นการกล่าวลา ก่อนจะเดินไปขึ้นรถตู้ของบริษัททัวร์ ที่จะส่งพวกเขาถึงหน้าโรงแรมโดยสวัสดิภาพ
คาลมิลคลี่ยิ้มกว้างขณะโบกมือส่งนักท่องเที่ยวทุกคน กระทั่งรถตู้ของบริษัทเคลื่อนตัวออกจากบริเวณที่บอลลูนลงจอดแล้ว ก็เดินไปช่วยลูกน้อง ซึ่งทุกคนกำลังช่วยกันเก็บบอลลูนเพื่อนำไปตรวจสภาพและทำความสะอาดบอลลูนในโรงเก็บบอลลูนอีกครั้ง
แต่เมื่อเห็นพนักงานกิตติมศักดิ์นั่นก็คือบิดาของตนเองนั่นเอง คาลมิลก็อดต่อว่าบิดาเสียงขุ่นด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“คุณพ่อ ทำไมถึงมาช่วยลูกน้องเก็บบอลลูน ทำไมไม่อยู่ที่โรงแรมละครับ”
ไอเดอร์ ผู้เป็นบิดา ซึ่งกำลังช่วยลูกน้องเก็บบอลลูนอยู่ ได้หันมาคลี่ยิ้มให้ พร้อมกับเอ่ยตอบโดยไม่สนใจน้ำเสียงที่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงของกัปตันผู้หล่อเหลา
“ทำโวยวายไปได้ คาลมิล พ่อแค่ช่วยเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอกน่า ครั้นจะให้พ่ออยู่แต่ในโรงแรมพ่อก็เบื่อแย่ ขอออกมาสูดอากาศ มาดูนักท่องเที่ยวบ้างเถอะ”
“บอกว่าช่วยเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อสักครู่ผมแอบเห็นคุณพ่อยกโต๊ะที่ตั้งแก้วแชมเปญด้วย โต๊ะใบนั้นหนักเอาการนะครับคุณพ่อ”
คาลมิลขึงตาขณะต่อว่าบิดา เขาไม่อยากให้บิดาต้องลงมือลงแรงทำงานหนัก เพราะมีลูกน้องหลายคนคอยทำงานเหล่านี้ให้อยู่แล้ว
“เออน่า...โต๊ะใบนี้มันไม่ได้หนักมากหรอก”
ไอเดอร์โบกมือว่อน พลางบอกให้ลูกชายเลิกบ่นเป็นหมีกินผึ้งกับการทำงานของตน
“เลิกบ่นได้แล้ว พ่อไม่ได้แก่มากมายจนยกโต๊ะ ยกแก้วไม่ไหว พ่ออายุแค่หกสิบต้นๆ ยังหนุ่มยังแน่นอยู่นะเว้ย! ไอ้กัปตัน”
คาลมิลแอบกลอกตา แม้จะเป็นจริงดั่งที่บิดาพูดว่าท่านยังแข็งแรงอยู่มากแม้วัยจะล่วงเข้าสู่วัยชราในตอนต้นแล้ว แต่เขาก็อยากให้บิดาพักผ่อนสบายๆ หรืออยู่ดูแลแขกในโรงแรมซะมากกว่า
“ก็ได้ครับ ผมไม่บ่นแล้วครับ แต่ผมจะรอดูว่าคืนนี้จะมีใครบ่นว่าปวดหลัง ปวดเอว และเรียกหาพนักงานนวดให้ไปนวดคลายปวดเมื่อยหรือเปล่า”
คาลมิลเอ่ยติดกลั้วเสียงหัวเราะในตอนท้าย กล้าเอาหัวเป็นประกันว่าบิดาต้องให้พนักงานนวดประจำโรงแรมไปนวดคลายเส้นให้ท่านอย่างแน่นอน
“ไอ้กัปตัน มันรู้ทันพ่อจริงๆ”
ไอเดอร์หันไปบ่นอุบกับลูกน้องซึ่งกำลังช่วยกันเก็บบอลลูนอยู่ และต่างก็พากันหัวเราะร่วนกับการปะทะคารมของพ่อลูกคู่นี้
คาลมิลได้ยินคำบ่นของบิดา ก็แสร้งพูดลอยๆ ว่า “เดี๋ยววันนี้ผมจะอนุญาตให้พนักงานนวดทุกคนลาหยุดพักผ่อนได้ แล้วให้กลับมาทำงานในอีกสองวันข้างหน้า”
“ไอ้กัปตันคาลมิล!” ผู้เป็นบิดาเค้นเรียกลูกชายเสียงดัง ทั้งโกรธทั้งขำที่ลูกชายคิดแกล้งท่าน
ทางด้านของคาลมิลแหงนหน้าหัวเราะร่วนที่แกล้งบิดาได้ ทว่า...ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่อาจใจร้ายกับท่านได้ลงคอ เพราะรู้ว่าบิดามีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย และมักจะให้พนักงานนวดในโรงแรม นวดรักษาอาการปวดเมื่อยให้ท่านสัปดาห์ละครั้ง
ส่วนพนักงานนวดนั้นก็มีทั้งชาวไทย และชาวรัสเซียที่ได้เข้ามาทำงานเป็นพนักงานนวดในโรงแรมของเขา
และก่อนคาลมิลกับบิดาจะงัดข้อกันไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น เมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาก็เห็นมีข้อความหลายข้อความที่ส่งมาจากแอปพลิเคชันตัวหนึ่ง พอกดเข้าไปอ่านก็คลี่ยิ้มออกมาได้ และรีบตอบข้อความของต้นทางอย่างรวดเร็ว
การสนทนาผ่านข้อความบนแอปพลิเคชันกินเวลาถึงยี่สิบนาทีด้วยกัน แต่ดูเหมือนจะสื่อสารกันได้ไม่ทันใจ คาลมิลจึงตัดสินใจโทร.หาต้นทางเพื่อพูดคุยกันซะเลย
“สวัสดีครับ ผมกัปตันคาลมิลนะครับ ผมอยากโทร.มาคุยกับคุณโดยตรงมากกว่ารอคุณตอบข้อความของผมนะครับ”
“สวัสดีครับ กัปตัน ผมคิดว่าดีเหมือนกันครับที่เราจะพูดคุยกันตรงๆ เลย ตามที่ผมส่งข้อความมาหากัปตันเมื่อสักครู่ ผมมีลูกทัวร์มาสามสิบคน จะใช้บริการจากบริษัททัวร์ของกัปตันแบบครบวงจร กัปตันพอจะมีส่วนลดให้ผมได้บ้างไหมครับ”
“ได้ครับ ผมลดให้คุณสิบเปอร์เซ็นต์ทั้งค่าโรงแรม อาหาร และทัวร์ในเมืองเกอเรเม ยกเว้นค่าขึ้นบอลลูน ที่ผมไม่สามารถลดให้ได้ครับ”
คาลมิลเอ่ยตอบต้นทาง ซึ่งได้แนะนำตัวกับเขาผ่านข้อความว่าเป็นไกด์อิสระที่ต้องการพานักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองเกอเรเมเป็นเวลาสามวันด้วยกัน