1 เดือนต่อมา
เอวาที่พึ่งลงเครื่องมามองหาร่างสูงของโรมัน ที่บอกว่าจะมารับเธอด้วยตัวเองแต่กลับไร้วี่แวว ตากลมโตมองไปรอบๆเมื่ออากาศร้อนจนเธอตัดสินใจหันหลังเพื่อจะเดินกลับเข้าไปด้านใน
“เอวา...เอวาใช่ไหม?”
เสียงเรียกชื่อทำให้เอวาหันกลับมามองอย่างแปลกใจ ก่อนจะเจอร่างเล็กที่ยืนท้องกลมมองมาที่เธออยู่
“หือ?...เมียพี่โรมเหรอ?...”
“ค่ะ ฉันมารับคุณ พอดีโรมต้องเข้าประชุมด่วนฉันเลยอาสามาแทน จำฉันได้ใช่ไหม?”
“ท้องโตขนาดนี้จะมาทำไม ไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย เธอเป็นหมอนี่ ควรจะรู้สิ”
ธาร หรือ ธารา ที่กำลังท้องโตใกล้คลอดถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเธอไม่เคยถูกชะตากับเอวาเลยจริงๆ เจอกันกี่ครั้งเอวาก็ต่อว่าเธอตลอด
“หรืออยากนั่งแท็กซี่กลับ”
ธาราบอกออกมาอย่างเริ่มรู้สึกโมโห
“ไหนล่ะรถ”
แต่เอวาไม่สนใจ ชะเง้อมองหารถ ซึ่งจอดอยู่ทางออกพอดี พอธาราชี้บอกเธอรีบลากกระเป๋าเดินตรงไปเมื่อเธอร้อนจนเหงื่อไหลเต็มตัวแล้ว
ส่วนธาราได้แต่ส่ายหัวให้กับเอวา เมื่อก่อนหน้านี้เธอยังรู้สึกสงสารที่เอวาต้องเสียบิดาไปแถมยังไม่มีญาติมิตรที่ไหน เธอดีใจที่โรมันไม่คิดทิ้งขว้างหรือไม่สนใจเอวาแต่ตอนนี้เธอกำลังคิดว่าเธออาจคิดผิด ก่อนจะเดินตามไปขึ้นรถ เมื่อมีคนขับรถขับมาให้
“ตอนไหนจะคลอด?”
พอได้เจอแอร์เย็นๆ เอวาก็เริ่มชวนคุย
“อีก 2 เดือน”
ธาราบอกออกมาด้วยเสียงน้ำเสียงที่ห้วน เมื่อเอวาไม่เคารพเธอ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเคารพเพราะเอวานั้นอายุน้อยกว่าเธอเกือบรอบ
“อึดอัดไหม?”
“ห๊ะ? เอ่อ อืม ถ้าไม่ดิ้นก็พอทนได้ แต่ถ้าดิ้นก็เจ็บท้อง”
เอวามองท้องธาราอย่างรู้สึกขยาด เธอคงมีลูกไม่ได้เมื่อดูธาราแล้วคงทรมานน่าดู
“แล้วทำไมพี่โรมไม่มาล่ะ เห็นบอกจะมาเอง”
“มีประชุมด่วนเข้ามาน่ะ”
“อ้อ...แล้ว...เธอจะย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอ ฉันว่าที่ไร่นั่นน่าอยู่กว่าอีก”
“ก็ไปๆมาๆ ถ้าเธอสนใจก็ไปพักที่นั่นได้นะ หรืออยากไปอยู่ก็ได้เหมือนกัน”
เอวาหันไปมองธาราด้วยสายตาสั่นระริก เมื่อคนไร้ญาติขาดมิตรแบบเธอกลับมีคนเสนอให้ไปอยู่ด้วย เธอเลยอดที่จะหวั่นไหวไม่ได้
“ไม่ล่ะ...มันไกล ยุงก็เยอะด้วย”
“แต่พ่อกับแม่ฉันถามหาเธอบ่อยๆนะ ถ้าว่างก็บินไปหาพวกท่านได้”
และยิ่งธาราพูด เอวาก็ยิ่งอยากร้องไห้ เธอหันหน้าออกไปมองนอกกระจกเพื่อกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลรินจนธาราที่พอเข้าใจหันไปอีกทาง ก่อนหน้านี้โรมันเล่าเรื่องราวของเอวาให้เธอฟังว่าที่จริงแล้วเอวาเป็นคนอ่อนโยนและอ่อนไหวไปกับทุกอย่าง การเติบโตโดยไม่มีแม่และพ่อก็งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาให้ทำให้เอวาสร้างตัวตนอันแข็งกระด้างขึ้นมาปกป้องตัวเอง แต่ถ้ารักใครแล้วเอวาพร้อมยกให้ทั้งหัวใจเหมือนอย่างที่เปิดใจให้กับโรมัน
ไม่นานธาราก็พาเอวามาที่คอนโด ซึ่งโรมันซื้อเพิ่มอีกห้องที่อยู่คนละฝั่งไว้ให้กับเอวา เมื่อไม่อยากให้ไปอยู่ไกลตาจนเกินไปเพราะเป็นห่วงและธาราก็เห็นด้วยกับโรมัน
“เอวาอยากจัดห้องใหม่”
พอเดินเข้ามา สิ่งแรกที่เอวาพูดคือต้องการตกแต่งห้องใหม่ทั้งๆที่ห้องก็ดูสะอาดเรียบหรูอยู่แล้วแท้ๆ
“ก็...ตามใจเลย ยังไงนี่ก็ห้องของเธออยู่แล้ว”
“ช่วยติดต่อพนักงานของที่นี่ให้กับเอวาหน่อยนะ เอาเป็นพรุ่งนี้เลย”
“อื้อ งั้นพักเถอะ นั่งเครื่องมาตั้งไกล”
และธาราก็ขอตัวเดินกลับออกมา เมื่อเธอเองก็ต้องการพักผ่อนเหมือนกัน ส่วนเอวา มองห้องอันกว้างขวางอย่างรู้สึกเศร้า เมื่อตอนนี้เธอเหลือตัวคนเดียวแล้วจริงๆ เธอเดินไปล้มตัวลงบนที่นอนที่อยู่อีกห้อง ก่อนจะหลับลงด้วยความเหนื่อยล้า
“ไอ้ราม! นี่แกชวนฉันออกมาดื่มแต่กลับไม่พูดอะไรเลยเหรอวะ แปลกๆนะเดี๋ยวนี้ อกหักเหรอ?”
“อกหักบ้านแกสิ!”
“อ่าว ก็ตั้งแต่กลับมาจากงานแต่งของไอ้โรมแกก็เงียบแปลกๆ หรือว่าแกยังชอบยัยแว่นอยู่เลยเสียใจวะ”
“แกเลิกพูดแบบนั้นสักทีไอ้นี่...นั่นเมียเพื่อนนะเว้ย”
“อ่าว ใครจะไปรู้...”
ทางด้านรามินทร์ วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยเลยชวน ศิวะ เพื่อนสนิทออกมาดื่มแต่กลับเอาแต่นั่งเงียบจนศิวะต้องคิดไปแบบนั้น เมื่อรามินทร์และโรมันดันชอบผู้หญิงคนเดียวกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่โรมันได้เธอไปครอบครอง
“ไปล่ะ”
“อ่าวไอ้นี่! ไอ้ราม! อะไรของมันวะ”
คนที่ถูกชวนมาถึงกับมองตามหลังไปอย่างมึนงงและไม่เข้าใจ เมื่อเขาพึ่งมาถึงยังไม่ได้ดื่มเลยสักหยดแต่คนชวนกลับลุกเดินจากไปอย่างไม่คิดหันหลังกลับมามอง
ส่วนรามินทร์ เขาหงุดหงิดไปหมดทุกอย่าง ยิ่งมาถูกสะกิดแผลเรื่องของผู้หญิงที่เขาเคยหลงรักมันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นไปอีก
“ราม! อ๊าย! ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่ ว่าแต่กำลังจะกลับเหรอคะ?”
เดินออกมาไม่ทันไรก็เจอเข้ากับอดีตคู่ขา รามินทร์แทบอยากเดินกลับเข้าไปในร้านแต่ก็คงไม่ทันแล้ว
“พอดีมีธุระ”
“อะไรกันคะ ไปต่อกับซาร่าก่อนสิคะ นานแล้วนะคะที่เราไม่ได้สนุกกัน...”
สาวสวยบอกขึ้นอย่างเชิญชวน เมื่อเธอยังจำบทรักอันร้อนแรงของเขาได้ไม่เคยลืม ส่วนรามินทร์ก็มองเธออย่างชั่งใจ เมื่อนานเท่าไหร่แล้วที่เขาหลงลืมเรื่องบนเตียงหลังจากถูกเอวาลากขึ้นเตียงครั้งล่าสุดไป และสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปตามแรงจับจูงของเธอจนได้
“อ่าว ไอ้เพื่อนเวร! นึกว่ามันอกหักรักคุด ที่ไหนได้ดูมันทำ”
ศิวะที่หันไปเจอรามินทร์เดินควงสาวสวยกลับเข้ามาถึงกับหมั่นไส้ ส่วนรามินทร์ก็มองมาที่ศิวะอย่างต้องการความช่วยเหลือ แต่ศิวะทำเป็นไม่สนใจหันกลับไปสนใจเหล้าตรงหน้าแทน
“พออยู่ได้ไหม? หรืออยากอยู่บ้าน”
ทางด้านโรมันที่พึ่งกลับมาจากที่ทำงานเลยแวะมาดูเอวาที่ห้อง
“ค่ะ อยู่แบบนี้ดีกว่า ดูแลง่ายด้วย”
เอวาที่พึ่งตื่นเพราะได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าห้องหลังจากได้นอนไปนานพอสมควร
“เห็นว่าจะแต่งห้องใหม่”
“ค่ะ เอวาไม่ชอบห้องเรียบๆแบบนี้ ได้ใช่ไหมคะ?”
“ได้สิ ห้องนี้ก็ชื่อของเรานั่นแหละ ของขวัญให้น้องสาวคนแรกจากพี่ชายไง”
“.................”
และเอวาก็เดินน้ำตาคลอไปกอดโรมัน เมื่อตอนนี้โรมันอยู่ในฐานะพี่ชาย เธอจะกอดเขาเท่าไหร่เขาก็จะไม่ห้ามอีกแล้ว
“พรุ่งนี้ของน่าจะถึงไทย ยังไงพี่จะให้ธารมาช่วยดูอีกแรง”
“ไม่เอาหรอก ท้องอยู่ไม่ควรทำอะไรนะคะ”
“แค่มาช่วยดู และเป็นเพื่อน เห็นบ่นว่าเหงา เผื่อต้องออกไปเดินซื้อของแก้เบื่อกัน”
“โอเคค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้น เอวารีบตอบตกลงทันที ส่วนโรมันเขาแค่อยากให้ธารามาอยู่เป็นเพื่อนเอวา เพราะการย้ายมาอยู่ที่นี่อาจต้องปรับตัวหลายอย่าง ถ้าได้ธาราคอยช่วยเอวาอาจไม่เหงาและมีเพื่อนด้วย
พอคุยกันเสร็จ โรมันก็ขอตัวกลับห้อง เมื่อดึกมากแล้ว และอีกอย่างเขาก็คิดถึงลูก คิดถึงเมียจนแทบไม่อยากไปทำงานเลยก็ว่าได้
ส่วนเอวา พอได้ตื่นเธอก็ไม่อยากนอนต่อ เธอเดินดูรอบๆห้องอีกครั้งพร้อมกับเริ่มจนบันทึกในหัวเกี่ยวกับการตกแต่งห้องใหม่ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างกำลังถูกสร้างขึ้นในจินตนาการของเธอ และนี่ก็คือพรสวรรค์ที่เธอได้มาจากมารดาผู้ช่วงลับ เพราะ คุณพิมพา มารดาชาวไทยนั้นเป็นสถาปนิกชื่อดังของอังกฤษ แต่ด้วยร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงทำให้ต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร