บทที่9

4501 คำ
ผ่านไปครู่หนึ่งสภาพของ’ นายท่าน’ ที่ปรากฏต่อหน้าติงฮ่าวและฟางปี้เหลียนนั้นกลับช่างน่าอนาถอย่างยิ่ง ทว่าจะน่าอนาถเพียงใดพวกเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความขบขันลงท้องเท่านั้น “มิต้องตามหมอแน่นะเจ้าค่ะ?” จางเยว่เซียงนั้นที่ยังแตกตื่นเอ่ยถามคนที่นอนหงายหนุนตักของนางอยู่ด้วยความกังวลที่เจ้าบ่าวของตนเองนั้นเลือดกำเดาพุ่งออกมาราวกับน้ำพุเมื่อครู่ไม่หาย อากาศที่แคว้นฉู่นี้ต่อให้ช่วงนี้เป็นฤดูฝนแต่ก็หนาวจนคนที่มาจากยุคที่อยู่ได้ด้วยความปรับอากาศยังรู้สึกเย็นสบายไม่ต้องเปิดหน้าต่างนอนเลยสักคืน แต่บางทีหนานเฉิงกั๋วกงผู้นี้เขาคงเป็นโรคร้อนในเป็นแน่จึงเลือดกำเดาออกง่ายเช่นนี้ “ไม่ต้องหรอกพวกเจ้าก็ไปนอนกันได้แล้วข้านอนพักสักครู่ก็หายดีแล้ว” ขืนต้องไปตามหมอกันกลางดึกด้วยสาเหตุผู้เป็นเจ้าบ่าวนั้นเลือดกำเดาไหลเห็นทีชื่อเสียงเลวร้ายที่สะสมมาถึงสิบปีคงได้มลายหายไปจนสิ้นเป็นแน่ สวีฉีเฟิ่งคิดในใจด้วยความทดท้อไม่หายเพราะเพียงต้องขายหน้าท่านพ่อบ้านใหญ่กับอีกหนึ่งสาวใช้กับหนึ่งคนสนิทนี้เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ใดกันแล้ว “ขอรับนายท่าน อาเหลียนอาฮ่าวตามข้ามา” ซูจิ้งเหยาเรียกคนรับใช้ชายและหญิงทั้งสองให้ติดตามตนเองออกไปเพราะเขานั้นก็เป็นบุรุษผู้หนึ่งอาการของนายท่านสวีนั้นมิได้ร้ายแรงหากคืนนี้นั้นเขาได้ระบายธาตุหยางออกไปเสียบ้าง ก็คาดว่าพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปย่อมไม่มีปัญหาหายสนิทอย่างแน่นอน “น้องเซียงมานี่” ผ่านไปครู่ใหญ่คนที่นอนหงายนิ่งๆ ก็เรียกคนตัวเล็ก นั่งคุกเข่าอยู่ไม่ไกล ให้นางขยับเข้ามาใกล้อีกนิด ซึ่งจางเยว่เซียงก็ขยับเข้าไปไม่มีเกี่ยงงอนเพราะคิดไปเองฝ่ายเดียวว่าอีกฝ่ายคงต้องการสิ่งใดหวังว่าจะใช้ตนเองไปหยิบให้กระมังไม่ได้รู้เลยว่าบัดนี้สิ่งที่สวีฉีเฟิ่งต้องการที่สุดนั่นคือตัวของนางนั่นเอง “ก้มลงมาอีกหน่อย” นิ้วชี้เรียวยาวกระดิกเรียกหาให้นางขยับปีนขึ้นไปนั่งใกล้ชิดอีกทั้งที่หากจะใกล้อีกเกรงว่านางจะต้องปีนขึ้นไปบนกายของ’ นายท่าน’ สวีแล้ว ดังนั้นจางเยว่เซียงนางจึงขยับเพียงกายส่วนบนและใบหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกของนางนั้นจะทิ่มลงไปที่ปลายคางของอีกฝ่ายแล้ว ...ช่าง’ ใกล้’ จนนางใจคอไม่ดีแล้วนะกั๋วกง... “อุ๊ย!” แต่แล้วกายอวบอั๋นนั้นก็มีอันเสียหลักถูกกระชากต้นคอเล็กจนนาง’ ปีน’ ขึ้นไปกองอยู่บนหน้าอกของบุรุษตัวโตแล้วจริงๆดวงตาเรียวสวยเบิกโพลงเพราะตกใจนั้นเกินแปดส่วน แต่พอตั้งสติได้เรียวปากอวบอิ่มของนางก็ถูกอีกฝ่ายยึดครองไปเสียแล้ว ถึงอดีตนางคือนักแสดงคนหนึ่งเป็นนางร้ายที่อาจดูเปลืองเนื้อเปลืองตัวกว่าเหล่านางเอก แต่จูบจริงลึกซึ้งเช่นนี้นางกลับยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน ความรู้สึกแรกที่ปลายลิ้นอุ่นบุกรุกเข้าไปในปากของนางคืออาการชาวูบวาบไปจนถึงปลายเท้า ‘ที่แท้จะ..จะ.. จูบ มันเป็นเช่นนี้หรอกหรือ?’ อดีตนางร้ายเงินล้านคิดอย่างรางเลือนเต็มทีแล้ว ยิ่งเขาเริ่มจุมพิตลึกล้ำราวกับจะสูบเอาดวงวิญญาณของนางกลืนกินลงท้องไปเช่นนี้จางเยว่เซียงก็ยิ่งไปต่อไม่ถูกเสียกิริยานางร้ายที่สั่งสมมาถึงสี่ปีไปทันที ทางด้านคนที่หลอกล่อเจ้าสาวมา’ กิน’ จนสำเร็จก็อุทานรำพึงภายในอกลั่นว่าจุมพิตนี้ช่าง ‘หวาน’ จนกลืนกิน นางครั้งเดียวดูจะหยุดไม่ได้แล้วเป็นแน่ ‘นี่หรือไม่ ที่พวกตาเฒ่าในราชสำนักทั้งหลายถึงชอบกินเด็กสาวกันยิ่งนัก เพราะรสชาติของสาวน้อยหอมหวานเกินจะต้านเช่นนี้นี่เอง’ สวีฉีเฟิ่งนั้นนอกจากกิจการโรงเตี๊ยมและบ่อนการพนันแล้วยังมีหอโคมเขียวในกำมืออีกหลายแห่งเรียกว่ากิจการสีเทาไปจนถึงดำเขานั้นครอบครองมันเอาไว้แทบจะทั้งหมดในต้าเหลียงแห่งนี้ เพียงแต่เขาไม่เคยแตะต้องคนหรือสิ่งของที่ตนเองคิดว่าต้องใช้ร่วมกับผู้อื่นก็เท่านั้นเอง “อื้อ!” ร่างเล็กประท้วงเมื่อนางเริ่มจะหมดลมหายใจ ชายหนุ่มจึงถอนจุมพิตออกจากริมฝีปากอวบอิ่มที่บัดนี้ถึงกับบวมเจ่อไปแล้วที่แสนจะหวานซ่านทรวงอย่าบอกใคร จนเขาคิดว่าเรียวปากนี้ต้องเป็นของเขาเพียงผู้เดียวไปตราบจนสิ้นลมหายใจเลยทีเดียวเพราะนิสัยของนายท่านสวีรุ่นที่สิบสามนี้เกลียดที่สุดก็คือการต้องมาแบ่งหรือครอบครองสิ่งใดร่วมกับคนอื่น เมื่อถอนจุมพิตลึกซึ้งแรกในสองชีวิตจากริมฝีปากกั๋วกงหนุ่มเขาก็ไม่ปล่อยเวลาหรือโอกาสให้เสียไปเปล่าประโยชน์เรียวปากอุ่นกดจุมพิตแตะแต้มลงไปเรื่อยๆ จนเจอดอกปทุมมาลย์ฝาแฝดทั้งสองดอกอวบอัดยั่วยวนตายั่วยวนใจเขาตั้งแต่เมื่อครู่ใหญ่ก็จูบฟัดอย่างไม่เกรงใจผู้เป็นเจ้าของเลยแม้แต่น้อย ...ให้ตายเถอะ!... เมื่อครู่ที่เขามองผ่านชุดนอนสมควรตายของเหล่าซูผู้นั้นก็คิดว่ายิ่งใหญ่มากแล้ว ทว่าพอได้สัมผัสจริงกลับล้นหลามฝ่ามือของเขาเกือบโอบประคองเอาไว้ได้ไม่หมดเลยทีเดียว เพราะหนึ่งเต้าทรวงนั้นเต็มไม้เต็มมือของเขาอย่างยิ่งแต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่เกินไปมากนักเมื่อเขาโอบประคองให้ดีจึงพบว่าเจ้าปทุมมาลย์ฝาแฝดคู่นี้คล้ายกับสวรรค์นั้นสร้างมาเพื่ออุ้งมือของเขาโดยเฉพาะก็มิปาน ยิ่งนวดคลึงสวีฉีเฟิ่งกลับยิ่งพึงใจกับความทั้งนุ่มทั้งเด้งสู้มือราวแป้งนุ่ม กั๋วกงหนุ่มที่เพิ่งจะขายหน้าใหญ่หลวงไปเมื่อครู่ก่อนจึงไม่สนใจอันใดอีกแล้ว เมื่อมือแกร่งนั้นทั้งบีบทั้งขยี้ยอดปทุมถันอย่างพยายามล่อหลอกให้เด็กสาวไม่ประสีประสาในความคิดของเขา ให้นางหลงตื่นเตลิดเพริศแพร้วไปกับไฟสวาทที่เขาจุดแล้วก้าวนำทางให้นางนั้นคล้อยตาม ทั้งมือและปากต่างช่วยกันปรนเปรอกายอรชรกลึงอย่างหิวกระหายจนคนตัวเล็กถึงกับหายใจไม่ทัน เพราะต่อให้นางนั้นมีทฤษฎีนั้นแน่นจนเต็มหัวแต่ในภาคปฏิบัติแล้วอดีตนางร้ายข้ามภพเช่นนางนั้นก็เป็นเพียงสาวร่างน้อยไม่ประสีประสานางหนึ่งเท่านั้นเองดังนั้นแล้วจะเป็นตะวันฉายหรือจางเยว่เซียงก็ล้วนไม่เคยเจอะเคยเจอมาทั้งสิ้น ยิ่งเรียวปากร้ายกาจนวดเฟ้นเต้าทรวงอวบอิ่มเกินตัวทั้งสองข้างไปมานางก็ยิ่งหลงใหลไปกับอารมณ์วาบหวามที่ถูกฉุดกระชากโดยเจ้าบ่าวที่นอนสิ้นสภาพไปเมื่อครู่นั้นราวกับภาพดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น “อ๊ะ อ๊า...” ยิ่งปลายลิ้นร้อนตวัดดูดดื่มที่เม็ดทับทิมน้อยทั้งสองนางก็เผลอหลุดเสียงร้องที่ตนเองนั้นก็ยังแทบจดจำเสียงแปลกประหลาดของตนมิได้เลย เพราะมันแปลกแปร่งหูชอบกลส่วนกายน้อยนั้นก็บิดเป็นเกลียวไปด้วยความเสียวซ่านส่ายไปมาบนเบาะนวมหนาด้านหน้าเตียงหลังโตเพราะความทรมานที่ก้ำกึ่งระหว่างความหวานผสานไปด้วยรสขมเล็กน้อยจนนางยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้หมด ซึ่งสวีฉีเฟิ่งเองนั้นเมื่อปลดเจ้า’ ชุดนอนสมควรตาย’ ไปจากกายนุ่มจึงได้เห็นสัดส่วนเย้ายวนตาชัดเจนประจักษ์แจ้งนั้นพลันต้องกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอเพราะมิคาดว่าสาวน้อยวัยสิบเจ็ดปีนางจะมี’ อันใด’ ยิ่งใหญ่เกินตัวไปไกลเห็นว่านางนั้นตัวเล็กนิดเดียวแต่ส่วนที่ควรใหญ่ นางนั้นกลับขนมันมาเสียล้นหลามจริงๆ จนเขาเห็นแล้วยังอดนึกห่วงใยแทนนางเสียไม่ได้ว่าเอวเล็กคอดกิ่วถึงเพียงนี้นางจะรับน้ำหนักภูเขาถังไถ่ซานคู่แฝดนั้นไหวไปได้เช่นไรทุกวัน “เจ้าพร้อมจะเข้าหอแล้วหรือไม่” สวีฉีเฟิ่งนั้นวนเวียน’ ป้อน’ จุมพิตเร่าร้อนอย่างเต็มอารมณ์วาบหวามให้แก่จางเยว่เซียงจนสติสตังของนางขาดหายไปไม่มีเหลือดังนั้นพอถูกเขาตั้งคำถาม นางถึงกับพยักหน้าหงึกหงักไม่ฟังจนแน่ชัดไม่ได้คิดทบทวนกว่าจะนึกได้ว่าตนเองตอบตกลงก็สายไปเสียแล้วอับอายไม่ทันแล้วจริงๆ “เดี๋ยวก่อน…เอ่อ…ช้าก่อนพี่เฟิ่ง!” ก็ไม่เถียงว่าอดีตตนเองเคยเสียชาติเกิดเป็นหญิงมาแล้วหนึ่งครั้งที่มี’ ของดี’ แต่ไม่เคยได้ใช้ แต่การจะถูก’ ใช้’ ใช้ชาตินี้มันจะดีแน่หรือ? มันจะเจ็บเหมือนที่นางเคยได้ยินได้ฟังมาหรือไม่? หากเจ็บปวดมาก นางคงรับไม่ไหวหรอกขนาดมีดบาดนางยังถึงกับแหกปากร้องตะโกนเหมือนโดนมีดเล่มใหญ่นั้นโดนแทงร่างจนพรุนแล้วหาก’ ครั้งแรก’ มันเจ็บจนเห็นดาวเห็นเดือนจริงนางจะทนไหวหรือไร? เมื่อสวีฉีเฟิ่งนั้นแลเห็นเจ้าสาวคนงามนางพยายามจะต่อต้าน มีหรือที่คนต้องการร่างน้อยเจียนคลั่งเขาจะยินยอม เช่นนั้นคนที่มากประสบการณ์มีหรือจะช้าอยู่ได้จึงงัดไม้เด็ดลีลาทั้งหลายหมื่นกระบวนท่าเลยถูกนำมาใช้กับ’ หนานเฉิงกั๋วกงฟูเหริน’ ทันที คราวนี้มือหนึ่งรวบมือน้อยสองข้างกดไว้เหนือหัว ส่วนเรียวปากอุ่นนั้นก็ระดมจุมพิตไปตามใบหน้างดงามไม่หยุด ส่วนมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่นั้นก็ทำหน้าที่เสาะหาแหล่งที่อยู่ของบุปผานางอันงดงามของสตรีใต้ร่างให้พบ เพื่อจะปรนเปรอให้สาวน้อยหัวหมุนจนลืมตัวเผลอไผลไปกับรสสวาทของเขาอีกครั้ง เมื่อเขาพบเจอเป้าหมายซึ่งเป็นเนินนางอวบอูมพอเหมาะมือของจางเยว่เซียงเข้าก็ไม่รอช้า นิ้วมือเรียวยาวนุ่มนิ่มทว่ากลับร้ายกาจนั้นก็กรีดลงไปกลางกลีบของบุปผางดงามด้วยกิริยาค่อยเป็นค่อยไปหากแต่ก็หนักแน่นในทุกจังหวะจนลงลึกไปพบกับเกสรนางจึงบดขยี้คลึงเคล้นจากแผ่วเบาแล้วจึงค่อยขยับจังหวะขึ้นไปเป็นลำดับ “อื้อๆ อื้อๆ” ร่างน้อยที่หวาดกลัวกับ’ ครั้งแรก’ ถึงกับสติหลุดตื่นเตลิดในทันทีเมื่อนางนั้นรู้สึกได้ถึงความวาบหวามและเสียวซ่านที่ค่อยๆ ตีหมุนวนจากกึ่งกลางร่างไปสู่ท้องน้อย จนนางต้องปล่อยเสียงครางออกมาอย่างสุดที่จะทานทน เมื่อเห็นร่างน้อยคล้อยตามจึงถามซ้ำอีกครั้ง “เช่นนี้เราพร้อมจะเข้าหอกันได้แล้วหรือไม่?” สวีฉีเฟิ่งถามคนใต้ร่างอีกครั้งเพราะสำหรับเขาแล้วจางเยว่เซียงคือเจ้าสาวและนางคือสตรีของ’ นายท่านสวี’ ครั้งนางจะต้องยินยอมพร้อมใจยอมเป็นของเขาด้วยการยอมรับจากปากของนางเองเขาจึงจะพึงพอใจส่วนการหลอกล่อให้นางยอมเป็นของเขานั้นไม่ได้นับว่าน่าชิงชังแต่เขานับว่าตนเองมีปัญญามากจึงชักนำสตรีของตนเองให้คล้อยตามได้ ความเสียวซ่านผสานอ่อนโดยนั้นค่อยๆ ล่อลวงคนด้อยประสบการณ์ให้ก้าวผ่านวัย’ เด็กสาวเข้าสู่วัยสาวเต็มกายเขาอดทนพาสาวน้อยไปจนปลายสุดสายรุ้งได้เป็นครั้งแรก แล้วความปวดร้าวที่แกนกลางร่างที่มันขยายใหญ่จนแทบระเบิดเพราะความต้องการที่มากล้นออกมาให้ขายหน้าก็มิอาจทานทนไปได้มากกว่านี้อีกต่อไป ...อา... เขาทนไม่ไหวแล้ว ต้องเดี๋ยวนี้ ต้องตอนนี้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงระเบิดออกมาแน่ๆ!... สวีฉีเฟิ่งขยับลุกขึ้นไปนั่งคุกเข่าตรงกึ่งกลาง แล้วแยกเรียวขาที่ขาวเนียนนุ่มมือจนเขาสัญญากับตัวเองว่ารอบต่อไป เขาจะ’ กิน’ นางทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่ปลายเท้าเรียวแน่ พอกายสูงใหญ่นั้นถอยห่างออกไปคนใต้ร่างแกร่งนั้นถึงจะหลงวนไปกับไฟสวาทที่เจ้าบ่าวของตนจุดชนวนให้จนโหมไหม้ไปทั่วกายอรชรนั้นแล้ว แต่ความเขินอายนั้นยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม หญิงสาวพยายามที่จะหนีบเรียวขาเสลาทั้งคู่เอาไว้สุดกำลัง แต่แรงมดหรือจะสู้พลังช้างสารเช่นสวีฉีเฟิ่งไปได้ ดังนั้นในที่สุดขาเรียวสองข้างก็ถูกจับแยกออกมาเกี่ยวไว้ที่เอวสอบ สวีฉีเฟิ่งนั้นเขาพอจะรู้ว่านางยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเพียงใดจากที่ใช้นิ้วร้ายทดสอบมาแล้ว ถึงจะมีน้ำหวานแต่ความคับแน่นกับความใหญ่โตของเขาและขนาดกายของนางและช่องทางคับแคบนั้นต่างกันเกินไปนั้นเกรงว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ของเขาในราตรีเข้าหอระหว่างนางและเขาเสียแล้วเป็นแน่ เพราะสาวน้อยของเขานางคงจะต้องเจ็บปวดมากอย่างแน่นอนกับการหลอมรวมเป็นหนึ่งเช่นสามีภรรยาทั่วไป แต่ทำอย่างไรได้ ก็มันใหญ่ของมันเองนี่นา ปกติก็ภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของตนเองอยู่หรอก แต่ในยามนี้เขาอยากมีขนาดที่เล็กลงกว่านี้สักเท่าหนึ่ง คนร่างเล็กนี้จะได้ไม่บอบช้ำมากนัก ...นางเป็นของข้า เช่นนั้นจะต้องถนอมนางให้ถึงที่สุด!... เตือนตนเองเช่นนั้นแล้วสวีฉีเฟิ่งนั้นจึงค่อยๆ ส่งตัวตนอันยิ่งใหญ่ของตนเองเข้าไปหาร่องรักคับแน่นด้วยกิริยาเนิบช้าและใจเย็นอดทนอย่างถึงที่สุด ทางฝ่ายคนอยาก’ เสียตัว’ มาตลอดก็ชักใจไม่สู้เพราะความเจ็บค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่กายอรชรนั้นจึงเริ่มกระถดตัวหนีเพราะความเจ็บที่มาเยือนทีละน้อย เพียงท่อนลำนั้นแทรกลึกเข้ามาได้เพียงส่วนปลายเท่านั้นกั๋วกงหนุ่มนั้นรู้ทางว่านางจะต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว จึงจับยึดเอวเล็กคอดกิ่วเอาไว้เสียแน่น “อ๊ะ! เจ็บๆ เจ็บๆ ปล่อยข้าเถิดนะ ไม่เอาแล้ว พอแล้ว กลัวแล้ว มันเจ็บ ฮือๆ” คนตัวเล็กดิ้นรนวอนขออย่างน่าสงสาร น้ำตาที่ไม่เคยไหลง่ายๆ ตอนนี้ไหลนองเต็มสองแก้มที่เริ่มแดงจัดด้วยความเจ็บ สวีฉีเฟิ่งเห็นท่าทางนางจะอดทนไม่ไหวหากเขายังไปเนิบช้าเช่นนี้เขาจึงไม่อ้อยอิ่งอยู่อีกต่อไป สุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะเดินหน้าทีเดียวให้สุดทางปล่อยให้นางเจ็บเพียงครั้งเดียวรวดเร็วไปเลยย่อมดีกว่า พรวด!...กึก!!... “กรี๊ด!!!” คนตัวเล็กร้องลั่นจนสุดเสียงนี่หรือคือการมีเพศสัมพันธ์ที่เพื่อนๆ หลายคนเอามาคุยกัน ว่าดีมีแต่เรื่องเล่าวาบหวิวสุขสมมีแต่คำเล่าอ้างถึงแต่ความสุขระหว่างชายหญิง ‘ไอ้พวกบ้าเอ๊ยอย่าให้แม่กลับไปได้เชียวจะตบเรียงตัวให้หัวหลุดเลย!’ คนอยากเสีย’ ซิง’ ด่าข้ามภพอาฆาตข้ามชาติก็วันนี้ที่บาดเจ็บคาดว่าจะสาหัสแล้วช่วงล่างของนาง “ฮือ...ไม่เอาเจ็บจะตายแล้ว ไม่เข้าแล้วหอนั้นน่ะข้าไม่เข้าแล้ว เรามาหย่ากัน!” คนตัวเล็กนั้นทั้งพยายามดิ้นรนจิกข่วนตามตัวคนร่างหนาที่อยู่ด้านบนไม่พอยังถึงขนาดเอ่ยปากชวนสามีหย่าขาดตั้งแต่ราตรีแรกของการแต่งงานอีกด้วย สวีฉีเฟิ่งไม่รู้จะขบขันนางหรือร้องไห้สงสารตนเองดีที่ตบแต่งกับสตรีไม่เอาไหนใต้ร่าง ส่วนคนบาดเจ็บ’ สาหัส’ นั้นไม่สนใจอันได้ทั้งสิ้นนางยังคงกางนิ้วทั้งสิบ’ ข่วน’ ชนิดดุเดือดกว่านางเสือดาวดุดันเพียงคาดหวังให้ชายหนุ่มถอดถอนตัวตนใหญ่โตออกไปเสียที เพราะกลางร่างของนางนั้นคล้ายกับถูกมีดคมกรีดแยกร่างออกเป็นสองส่วนอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว “ชู่ว์ๆ ...คนดี เดี๋ยวมันจะดีขึ้น อยู่นิ่งๆ นะน้องเซียง” สวีฉีเฟิ่งพยายามปลุกปลอบคนใต้ร่างให้นางสงบลงสักเล็กน้อยก็ยังดีเพราะบัดนี้ทั้งหน้าอกรวมไปถึงลำคอ แผ่นหลัง หรือแม้แต่แขนแกร่งทั้งสองข้างนั้นแสบสันไปหมดจากฤทธิ์กรงเล็บพิฆาตที่ร้ายกาจกว่าเจ้าเสืออ้วนของเขาทั้งสองตัวเสียอีก เขาเองนั้นมิได้นอนใจที่’ ของส่วนตัว’ ของเขาดูเจ็บปวดและทรมานแทบขาดใจเช่นนี้ถึงร่องรักของนางจะทรมานเขาให้ทรมานไปด้วยความต้องการแทบขาดใจเพียงใดแต่สวีฉีเฟิ่งเขาก็ยังคงใจเย็นเป็นธารน้ำแข็งโดยการยังอ้อยอิ่งแช่ตัวตนไว้ในร่างน้อยนิ่งนานไม่ขยับอันใดทั้งสิ้นแล้วเริ่มมอบจุมพิตอ่อนหวานเริ่มจากการจูบซับน้ำตาที่ไหลออกมาทางหางตา จุมพิตช้าๆ จุมพิตนางอย่างนิ่มนวลจากหน้าผาก คิ้ว จมูก สุดท้ายจบลงที่เรียวปากอวบอิ่มสีสดราวสีของผลอิงเถา ที่ในยามนี้นั้นบวมเจ่อน้อยๆ กดจุมพิตนางอย่างอ่อนโยนชนิดที่ไม่เคยจุมพิตสตรีใดเช่นนี้ตั้งแต่เขาเริ่มมีสัมพันธ์สวาทกับสตรีมาก่อนเพราะสตรีเหล่านั้นพวกนางหาใช่’ คนของเขา’ ทั้งสิ้นนั้นเอง มือก็ทำหน้าที่เคล้นคลึงเนิบช้านั้นวนเวียนไปที่ปลายยอดปทุมถันสีสดเพื่อปลุกอารมณ์พิศวาสของนางให้กลับมาอีกครั้ง “เจ็บเจ้าค่ะ ท่านยังไม่เสร็จอีกหรือ?” คนเจ็บปวดนั้นพยายามพูดจาอ้อนวอนคนด้านบนให้ปล่อยนางออกไปสักคราโดยไม่คิดอันใดทั้งสิ้นว่าที่กล่าวออกไปนั้นมันเป็นการ’ หยามหมิ่น’ เกียรติบุรุษเพียงใดและนางไม่สนใจด้วยว่าผู้ฟังด้านบนเขาฟังแล้วสวีฉีเฟิ่งจะโมโหนางจนหน้ามืดหน้าแดงเพียงใดเพราะจางเยว่เซียงนางนั้น คิดไปว่าเพียงเขาสอดใส่ก็สมควรเสร็จสิ้นพึงใจแล้วเท่านั้น “เด็กน้อยข้ามิได้แล้วสิ้นสภาพขาดน้ำยาถึงเพียงนั้น” เขากระซิบตอบคนใต้ร่างกลับไปด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหดอย่างที่สุด “แต่ข้าเจ็บจะตายแล้วนะ!!!” คนด้านล่างก็ตะโกนเถียงออกมาด้วยน้ำตาคลอเบ้าเช่นกัน “ไม่มีสตรีใดตายด้วยสาเหตุจากคืนเข้าหอสักนางเลยนะน้องเซียง วางใจข้าเถิดว่าครั้งต่อไปและต่อไปเจ้าจะสุขล้นจนเรียกร้องเอากับข้าทุกราตรี” ...ความมั่นหน้ามั่นหนังนี้ท่านได้แต่ใดมาเล่าสามีข้า? .... ฟังเขากล่าวจบคนที่เคยปากร้ายฝังสายเลือดก็อยากจะใช้ปากร้ายๆ นั้นด่าทอความ’ มั่นหน้ามั่นหนัง’ ของอีกฝ่ายอย่างยิ่ง แต่นางก็พลันถูกฤทธิ์ร้ายของเรียวปากร้ายกับปลายลิ้นอุ่นกับปลายนิ้วของคนตัวหนักซึ่งกำลังทำหน้าที่ชื่นชมดอกบัวแรกผลิของนางอย่างหลงใหลในความหวานหอมละมุนลิ้นละมุนปากจนอยากกลืนกินซ้ำๆ ย้ำไปทั้งราตรีนี้ ส่วนมืออีกข้างก็ส่งปลายนิ้วร้ายกาจลงไปควานหาเกสรนางจนพบเจอ แล้วบดบี้ขยี้เคล้นคลึงจากแผ่วเบาและเริ่มเพิ่มน้ำหนักลงไปอีก แล้วเมื่อสาวน้อยใต้ร่างนางเริ่มขยับสะโพกน้อยส่ายไปมา พร้อมทั้งเริ่มมีธารน้ำหวานหลั่งไหลออกมาจนเขาแน่ใจแล้วว่าจะมากพอให้ตนเองขยับเดินหน้าต่อไปเขาจึงค่อยๆ ขยับสะโพกสอบเข้าออกเนิบช้า “อื้อ...” เสียงครางในลำคอที่เล็ดลอดออกมา ทำให้รู้ว่าคนใต้ร่างนางนั้นเริ่มคล้อยตามเขาบ้างแล้ว “น้องเซียง ดีขึ้นแล้วหรือไม่? ยังเจ็บมากหรือไม่เล่า?” เจอคำถามตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมสาวน้อยก็ให้รู้สึกใบหน้าร้อนวูบวาบดังคนมีไข้สูงคาดว่าหากมีแสงสว่างกว่านี้ใบหน้าของตนเองนั้นคงแดงไม่น้อยแล้วเป็นแน่เมื่อเจอคำถามทึ่มทื่อและตรงไปตรงมาของผู้เป็นสามีเช่นนี้ แต่ความเสียวซ่านที่ถูกบดขยี้เกสรนางกลางร่างก็ทำเอาสาวน้อยที่ไม่เคยพบเจอความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เลยถึงกับครางฮืออย่างสุขสมปนทรมานไม่น้อยแยกแยะไม่ถูกไปหมด ในขณะที่หญิงสาวกำลังเริ่มเรียนรู้ความสุขระหว่างชายหญิง ก็หลงเตลิดเพริศแพร้วไปกับสามีหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว ถึงจะยังมีความเจ็บปวดคับแน่นอยู่มากด้วยขนาดที่ต่างกัน แต่สวีฉีเฟิ่งนั้นก็รู้จักที่จะทะนุถนอมร่างน้อยของนางอย่างดี ถึงอดีตเขาไม่เคยคิดทำกับสตรีใดมาก่อนแต่กับนาง...จางเยว่เซียงคือข้อยกเว้นเพราะนางคือ...สตรีของเขา!... จังหวะรักที่ขยับโยกไหวเร่งเร็วรี่นั้นทำให้เขานั้นเริ่มจะทรมานแทบขาดใจกับความคับแน่นตึงซึ่งบีบรัดจากช่องทางรักของสาวน้อย ....อา... เขาไม่เคยสุขสมผสานความทรมานแทบขาดใจเช่นนี้มาก่อนเลย ซึ่งหากเขาขยับโยกเร็วแรงกว่านี้อีกนิดได้ขายหน้าคนตัวน้อยใต้ร่างเสียเป็นแน่ กั๋วกงหนุ่มจึงใช้ประสบการณ์ที่มากกว่าพาภรรยาสาวแล้วส่งนางให้ไปเหยียบสายรุ้งยังดินแดนเซียนเสียก่อนจึงค่อยก้าวตามนางไปในท้ายที่สุด ร่างน้อยก็เกร็งสะท้านสั่นไหว พร้อมกับกัดหัวไหล่แกร่งเข้าจมเขี้ยว นิ้วมือทั้งสิบก็จิกข่วนไปที่แผ่นหลังและที่เอวสอบจนชายหนุ่มรู้สึกถึงความแสบสันคาดว่าจนมีร่องรอยราวกับไปกอดปล้ำอาบน้ำกับเสือร้ายสองตัวของตนแล้วเป็นแน่ แต่เหนืออื่นใดเขากำลังจะพังทลายเพราะการบีบรัดคับแน่นที่บีบตัวตนเขาให้ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากดตัวตนย้ำๆ สามสี่ครั้งเขาก็ทะลักทลายออกมาจนหมดตัวตนติดตามนางไปยังแดนเซียนไม่ห่าง ก่อนที่ร่างหนานั้นจะซบใบหน้าชื้นเหงื่อลงไปด้านข้างซอกคอขาวผ่องและหอมกรุ่นที่ตอนนี้มีรอยจ้ำแดงจากฝีมือเขาไปทั่วลำคอจนถึงเนินหน้าอก ส่วนคนที่เพิ่งเคยผ่านครั้งแรกถึงกับหลับใหลไปทันทีซึ่งอาจจะเพราะนางนั้นทั้งวันเหน็ดเหนื่อยมาไม่น้อยเจ้าบ่าวเช่นเขาจึงพอจะอภัยให้คนที่มาทอดทิ้งกันได้แค่เพียงสุขสมไปแล้วหนึ่งครั้งเท่านั้น! สวีฉีเฟิ่งนอนตะแคงมองไปที่ดวงหน้าเล็กที่มีเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักรับกันอย่างลงตัว นางอาจไม่ได้งดงามแค่เพียงครั้งแรกที่ได้พบเห็น แต่ยิ่งมองเขากลับยิ่งไม่มีเบื่อ ยิ่งมองนานเขายิ่งคล้ายจะรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะหลงใหลใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูราวเด็กน้อยนี้มากขึ้นและมากขึ้นทุกครั้งที่ได้มองเห็นเข้าเสียแล้ว กว่าหนึ่งเค่อกว่าที่เขาจะลุกขึ้นมาสวมเสื้อคลุมแล้วมองหาอ่างทองเหลืองและผ้าสะอาดมาเช็ดตัวให้หญิงสาวที่หลับไปอย่างง่ายดาย แต่ในห้องนี้กลับไม่มีอะไรที่เขาต้องการเลยสักอย่าง จึงเปิดประตูห้องหอออกไปแล้วเรียกหาสาวใช้หรือบ่าวชายสักคนมาหาของที่เขาต้องการแต่พลันนั้นหางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเงาวูบไหวแสนจะคุ้นตาเข้าเสียก่อน “ซั่วเจา” เรียกออกไปเงานั้นก็พุ่งเข้ามาดังเขารอเวลาเช่นนี้มานานแล้ว “นายท่าน” กายสูงใหญ่ไม่แตกต่างกับผู้เป็นนาย พุ่งเข้ามาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของสวีฉีเฟิ่ง แล้วส่งจดหมายให้แก่เขา กั๋วกงหนุ่มที่มีเบื้องหลังและภาระอันยิ่งใหญ่รับขึ้นมาแต่ยังไม่เปิดอ่านในทันที “เจ้าสั่งใครสักคนให้นำอ่างใส่น้ำกับผ้าสะอาดมาให้ข้าสักหนึ่งชุดแล้วเจ้าไปรอข้าที่ห้องหนังสืออีกครู่หนึ่งข้าจะตามไปคุยธุระด้วย” “ขอรับนายท่าน” ซั่วเจารับคำสั่งแล้วก็จากไปรอผู้เป็นนายอย่างรู้สึกเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายไม่น้อยเพราะนี่คือราตรีวิวาห์ที่เจ้าบ่าวสมควรจะสุขสมอยู่กับกายอ่อนนุ่มของเจ้าสาวแต่คนเช่นหนานเฉิงกั๋วกงจะต้องทิ้งเจ้าสาวแล้วอาจจะต้องไปอยู่ให้ห้องหนังสือกับเขาไปอีกหลายชั่วยาม ซึ่งพอได้น้ำกับผ้า สวีฉีเฟิ่งก็ดูแลเช็ดทำความสะอาดให้ภรรยาแล้วสวมอาภรณ์ที่เป็นเสื้อคลุมของเขาแทนเจ้าชุดสวมนอนของนางที่เขานั้น’ สังหาร’ มันจนสิ้นชีพนอนเป็นเศษผ้าอยู่บนพื้นไปเรียบร้อย แล้วจึงอุ้มกายบอบบางขึ้นไปนอนบนเตียงให้สบายแทนนอนบนเบาะนุ่มหน้าเตียง “น้องเซียง...น้องเซียง” ดวงตาเรียวสวยขยับเปิดขึ้นช้าๆ ความง่วงงุนงงยังมีถึงแปดส่วนแต่จางเยว่เซียงนั้นก็ยังขยับริมฝีปากขานรับอีกฝ่ายเสียงเบา” เจ้าค่ะ?” หัวนิ้วโป้งของสวีฉีฟิ่งจึงแตะลูบไล้ไปตรงมุมปากอวบอิ่มที่ยังบวมเล็กน้อยอย่างเอ็นดูคนง่วงนอนเต็มที่ “นอนคนเดียวไปก่อนนะพี่เฟิ่งต้องไปตรวจเอกสารสำคัญ” อย่างน้อยเขาก็สมควรจะบอกแก่นางให้รู้แจ้งว่าตนเองจะหายไปที่ใด เผื่อว่านางอาจตื่นมากลางดึกคงรู้สึกแย่ไม่น้อยที่คืนแรกของการแต่งงานแล้วตื่นมาต้องพบว่าสามีของตนหายไปที่ใดก็สุดที่จะรู้ได้ “เจ้าค่ะ” นางยิ้มให้เขาหลังจากรับปากด้วยเสียงหวานน่าเอ็นดู “เด็กดี...เช่นนั้นก็หลับเสีย” เขาก้มลงไปกดจุมพิตที่เปลือกตาทั้งสองข้าง จางเยว่เซียงจึงปิดตาลงแล้วหลับลงไปพร้อมกับรู้สึกอบอุ่นกับฝ่ามือแกร่งที่ลูบไปบนศีรษะของตนเองอย่างแผ่วเบาทว่าสม่ำเสมอ พอเห็นว่านางหายใจเข้าและออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอแล้ว กายสูงใหญ่จึงกระชับเหน็บชายผ้าห่มให้นางอีกครั้งจนดูว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงจากไปด้วยกิริยาระมัดระวังไม่ให้มีเสียงรบกวนคนหลับสนิทไปแล้ว...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม