EP4.2 ll นอนด้วยได้ไหมครับ [2]

1415 คำ
ฉันเงียบแล้วจ้องจุนอยู่พักนึงก่อนจะยกธงขาวยอมแพ้ “ช่างเถอะ เดี๋ยวเจนโทรบอกพ่อกับแม่ก่อนว่าจุนมาที่นี่ เรื่องอื่นไว้ค่อยตกลงกันทีหลัง” ฉันปวดหัวและขี้เกียจจะเถียงกับจุนประจวบกับความแรดในสันดานก็พลุ่งพล่านขึ้นมานิดๆ คนหล่อมาหาถึงบ้าน จะไล่กลับเลยก็สงสาร ขอเต๊าะหน่อยละกัน “เปิดรั้วให้หน่อยครับ ผมจะเข้าไปจอดรถ” จุนย้ำฉันอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะเบะปากแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆ “จ้า เดี๋ยวเปิดให้จ้า” แหม ยังไม่ทันจะแต่งงาน สั่งฉันยังกับผัวเลยนะจุน! [อะไรเจน โทรมาดึกๆ ดื่นๆ] เสียงแม่ฉันงัวเงียและหงุดหงิดไปในคราวเดียวกันตอนที่ฉันปล่อยให้อีตาจุนเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน ดีนะ ที่ฉันให้แม่บ้านมาทำความสะอาดเมื่อเช้า ไม่งั้นเขาต้องรู้ซึ้งถึงความซกมกฉันแน่ๆ “ก็ว่าที่ลูกเขยแม่น่ะสิ มาบ้านเจน บอกขอนอนด้วย” [หา จุนน่ะเหรอ] “เออออออ จุนนั่นแหละ” [เอ้า แกอย่าไปปล้ำเค้านะ] “แหม ถ้าแม่ไม่มาห้ามหนูที่บ้าน ระวังเหอะ หนูจะทำนะ” ฉันแกล้งแซวปลายสายก่อนจะสะดุ้งโหยง เมื่อเสียงใครบางคนดังแทรกเข้ามา “ทำอะไรเหรอครับ” “ว้าย แม่ตก” ฉันร้องตกใจก่อนที่มือไม้จะอ่อนแรงเหมือนนักแสดงช่องหลากสีเวลาเจอผู้หล่อๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำให้มือถือในมือฉันร่วงลงกับพื้นดังตุบ! เออ แม่ตกจริงๆ นั่นแหละ จุนย่นคิ้วก่อนจะก้มลงหยิบมือถือให้แล้วยื่นคืนฉัน “อ่า แม่เจนเองน่ะ แกอยากคุยกับจุน จุนคุยกับแกหน่อย ถ้าแม่อนุญาตเราจะคิดอีกที” ฉันยื่นคำขาด ให้ผู้ใหญ่เป็นคนตัดสิน ขืนฉันให้เขานอนที่นี่เดี๋ยวดูใจง่าย ให้แม่เคลียร์ละกัน ลูกเขยที่เค้าอยากได้นิ! แต่จริงๆ ฉันก็อยากได้อยู่นะ... เงียบไว้ เดี๋ยวเค้ารู้หมดว่าเราแรด “อ้อ... ครับ” จุนนิ่งไปแป๊ปนึงก่อนจะหยิบมือถือมาแนบหูแล้วคุยกับแม่เสียงเบา ไม่รู้เขาพูดอะไรกันเพราะจุนเดินไปคุยแถวๆ ห้องครัว ส่วนฉันอยู่ตรงห้องนั่งเล่น จะเดินตามไปฟังก็ไม่ใช่เรื่องไง พอจุนคุยเสร็จก็เดินกลับมาแล้วยื่นมือคืนให้ จากรอยยิ้มสดใสนั่นแสดงว่าแม่ต้องอนุญาตแน่ๆ แหม ไม่ใช่ว่าแม่อยากจะรีบมีหลานอีกคนหรอกนะ เปิดทางให้ลูกเขยแกจริงเชียว “คุณแม่ท่านอนุญาตแล้วครับ แต่บอกให้ผมนอนห้องรับแขก” ก็แหงสิ... จะให้มานอนห้องฉันได้ไง กางเกงในก็ตากไว้เกะกะ อายตายชัก “เฮ้อ ถ้าแม่ไม่ว่าอะไรก็ช่วยไม่ได้” ฉันแสร้งทำเป็นจำใจยอมรับผล แม้รู้ว่าแม่จะอนุญาตแน่ๆ เพราะแม่น่ะอยากให้ฉันแต่งกับเขาจะตาย สวัสดิภาพลูกสาวน่ะไม่ค่อยห่วงหรอก ที่แกห่วง แกคงห่วงว่าลูกจะไม่มีผัวเนี่ย... ดูแต่โอปป้าจนสเป็คผู้ชายที่ตั้งไว้สูงยังกับตึกใบหยก “แล้วไง จะมาง้อไม่ใช่เหรอ ไหนล่ะของฝากเรา” “ตัวผมไงครับ” “ไม่ลงทุนเลยนะจุน” ฉันเบ้หน้าแต่ก็แอบเขินตอนที่เขาพูดเสียงเรียบ พูดชวนให้ฉันเขินแต่หน้าตายยังกับขอนไม้ ไม่รู้ควรเขินดีมั้ยเนี่ย “อยากให้ง้อยังไงล่ะครับ” “ทำไรได้บ้างอ่ะ” ฉันแกล้งทำหน้ายียวนแล้วอ่อยไปด้วย แต่ดูเหมือนจุนจะไม่เก็ต เขาทำหน้าคิดอยู่พักนึง “ก็หลายอย่างนะครับ อยากให้ทำอะไรล่ะครับ” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของจุนโคตรจะไม่น่าไว้ใจ ฉันมองคนตัวสูงด้วยสายตาประเมินเลเวลเสือร้ายในตัว อืม น่าจะเยอะอยู่ ฉันรู้ ฉันอ่านมาเยอะ “เราไม่ได้สนิทกับจุนน่ะ เราไม่รู้หรอกว่าจุนทำอะไรได้บ้าง” ฉันเปิดช่องให้เขาอ่อยแต่ก็แกล้งทำเป็นใสซื่อ ไม่แน่ใจว่าเล่นกับไฟแล้วจะโดนลวกรึเปล่า... แต่ถ้าเขาเป็นไฟ ฉันก็เป็นน้ำมันชั้นดีเลยแหละ พร้อมโดนเผาจ้ะ รู้รึยัง เราพร้อมโดนเผานะ จุนเงียบไปแล้วมองหน้าให้ฉันอึดอัดเล่นๆ เขามองยังกับเห็นแกนสมองของฉันแล้ว นัยน์ตาสีอ่อนนั่นเลื่อนไปที่โซฟาก่อนจะค่อยๆ เดินไปทิ้งตัวลงนั่ง “เจนทำงานบ้านเป็นมั้ยครับ?” เขานั่งลงก่อนจะตบที่ว่างข้างๆ สามทีเชิญชวนฉันไปนั่งด้วย ฉันยืนกอดอกอยู่มุมหนึ่ง ไม่ได้เดินเข้าไปในทันที เดี๋ยวดูดี๊ด๊าเกิน... “ถามทำไม” “ก็เจนบอกว่าอยากรู้อะไรให้ถามนี่ครับ” เออ ก็จริง “ก็ทำได้นะ เราทำเป็นหมดนั่นแหละ” ฉันตอบสวยๆ แต่ตอบไม่หมด ฉันทำเป็นทุกอย่างก็จริง แต่ฉันจะทำมั้ยนี่สิ... ก็คนมันขี้เกียจนี่นา ผู้หญิงไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานบ้านทุกคน บางคนก็เกิดมาเพื่อนอน เช่นฉันเอง “ตอนนี้ทำงานอะไรครับ?” “เจนเพิ่งเรียนจบไม่กี่เดือน ตอนนี้เลยยังรับแปลงานฟรีแลนซ์อยู่” ฉันตอบ ที่จริงก็แอบอายนะ พอบอกว่าฟรีแลนซ์แล้วคนอื่นชอบมองว่าฉันตกงาน แต่ฉันไม่ได้ตกงาน ฉันแค่ชอบความอิสระ และอยากจะเลือกงานที่ฉันอยากทำ มันอาจจะดูไม่มั่นคง แต่รายรับมันก็มากกว่าที่ฉันทำงานบริษัท... แค่รายละเอียดการทำงานมันแตกต่างกันนิดหน่อย “เรียนจบอะไรมานะ” “อักษร” “อ้อ...” เขาพยักหน้าแล้วก็ตบที่ว่างข้างๆ เขาอีกสามที “ไม่นั่งเหรอครับ?” ฉันมองจุนก่อนจะค่อยๆ เดินไป แต่ไม่ไปนั่งข้างๆ เขา ถึงเขาจะหล่อแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเคลมฉันได้ในวันเดียวนะ ฉันหวงตัว (เพื่อความกุลสตรี) ดังนั้นฉันจะนั่งโซฟาใกล้ๆ ก็พอ “นั่งไกลแบบนั้น กลัวผมเหรอ?” เขาเอียงคอมองตอนที่ฉันนั่งโซฟาข้างๆ เพราะทุกอย่างมันเงียบเกิน ฉันอึดอัดก็เลยหยิบรีโมททีวีขึ้นมาเปิดให้มีเสียงบ้าง “เจนอายุ 22 ใช่มั้ยครับ?” “อื้ม” “เป็นน้อง?” “จะให้เรียกพี่มั้ยล่ะ?” ฉันมองเขา แต่เพราะฉันเข้าใจว่าเราไล่เลี่ยกันเลยไม่ได้เรียกพี่มาตั้งแต่แรก พอจะให้เรียกพี่ มันก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่ถือ” พอคนจริงจังพูดแบบนั้น ฉันเลยตกใจนิดหน่อย นึกว่าจะเป็นพวกถือทุกอย่างที่ถือได้ซะอีก เขาลูบคางตัวเองเล็กน้อย “ส่วนสูง น้ำหนัก สัดส่วนเท่าไหร่เหรอครับ” “นี่จะคัดนางงามหรือไง ดูถามเข้า” ฉันจิ๊จ๊ะ “ผมยังบอกเจนเลยนี่ครับ... ในฟอร์มน่ะ” “160 น้ำหนัก 44 สัดส่วน 34-23-35 พอใจยัง” “หน้าอกนี่บวกเพิ่มรึเปล่าครับ ไม่น่าถึง” “เดี๋ยวเหอะ” ฉันถลึงตาทำให้เขายิ้มนิดนึง “ชอบผู้ชายแบบไหนครับ?” “ก็...” ฉันเว้นวรรคไปนิดนึงแกล้งทำเป็นคิด “ถ้าหน้าตาก็ไม่ตายตัวเท่าไหร่ ถ้านิสัยก็ชอบคนพึ่งพาได้” “ขอคำนิยามของคำว่า ‘พึ่งพาได้’ ของเจนหน่อยครับ อย่างละเอียด” จุนเน้นประโยคสุดท้ายแล้วทำท่าคาดหวังว่าจะฟังฉันบรรยายสรรพคุณผู้ชายที่ฉันชอบ แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรมากไปกับคำนี้นิ “ความหมายก็ตรงตัวนี่” “พึ่งพาในเชิงไหนครับ ทางการเงิน ทางใจ หรือทางกายครับ” ทางกายนี่มันอะไรฮะ... “เราอยากได้อยู่กับคนที่ไม่ทิ้งเราไปไหนในวันที่เราแย่ และมีความสุขกับเราตอนที่ทุกอย่างมันดี ไม่หนีปัญหา และเป็นผู้นำครอบครัวได้” “อ้อ... ครับ” เขาตอบเหมือนเข้าใจ ซึ่งฉันไม่แน่ใจนักว่าเขาเก็ตจริงหรือแค่ตอบไปงั้นๆ “ก็เหมือนผู้หญิงทั่วไป” จุนพูดอย่างนั้นแต่ฉันไม่แน่ใจนักว่านั่นชมรึด่า เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้นมาอีก “คิดว่าจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองคืออะไรครับ ทำไมผมต้องอยากได้คุณเป็นภรรยา”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม