“หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูก”
ไม่ให้อภัยหรอก จะเรื่องขี้ปะติ๋วหรือเรื่องใหญ่ก็ไม่ให้อภัยทั้งนั้น
“มีชีวิตคู่ที่ยืนยาว ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร”
ใครเขาจะอยากมีชีวิตคู่ยืนยาวกับตำรวจกัน
“มีหลานให้แม่อุ้มเร็ว ๆ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองนะ”
ถ้าแม่อยากมีหลานไปสู่ขอพี่เอื้อให้พี่ช้างยังจะง่ายกว่า
“เจ้าสาว เอาแต่ขมุบขมิบปาก นินทาแม่หรือ”
“โธ่แม่จ๋า ลูกที่ไหนจะนินทาแม่” หนูนารีบประจบ ออดอ้อนจนใบบัวใจอ่อนยวบ “หนูนาแค่ขอบคุณแม่ที่อวยพรต่างหาก”
“ขอบคุณแล้วก็ฟังด้วยนะ จากนี้ไปลูกไม่ใช่เด็กสาวตัวเปล่าที่จะซุกซนเอาแต่ใจได้แล้ว ทำอะไรนึกถึงหน้าสารวัตรเขาบ้าง อย่างไรผัวเราก็เป็นถึงตำรวจยศสูง อย่าทำให้ผัวขายขี้หน้า”
อีกแล้ว
ทั้งย่าอ่อนและแม่ใบบัวเอาแต่เน้นย้ำให้เธอระวังกิริยาเพราะมีผัวเป็นถึงตำรวจยศใหญ่ ไม่รู้จะอะไรนักหนากับยศถาบรรดาศักดิ์จอมปลอมพวกนั้น ไม่ใช่ตำรวจพวกนี้หรือที่เคยเกือบทำลายหมู่บ้านกอบัวจนไม่เหลือซาก เคยเกือบฆ่าพ่อของเธอ เคยเกือบฆ่าลุงสองและเคยเกือบฆ่าชาวบ้านอีกมากมาย ไม่ใช่ตำรวจพวกนี้หรือที่ใช้อำนาจรีดไถเงินทองจากชาวบ้าน สร้างความเดือดร้อนจนพ่อเธอต้องกลายเป็นโจร ออกปล้นเพื่อช่วยเหลือคนยากไร้ ไม่ใช่ตำรวจพวกนี้หรือที่ทำให้ช่วงชีวิตหนึ่งของพี่ช้างไม่ได้อยู่กับพ่อ
ถึงจะเกิดไม่ทัน แต่พ่อกับแม่ไม่เคยปิดบังเรื่องนี้กับลูก ๆ ช้างที่ตอนนั้นพอจะรู้ความบ้างก็เคยเล่าให้หนูนาฟังว่าตัวเองคิดถึงพ่อที่ต้องติดคุกเพียงใด หากไม่มีพวกตำรวจเลว ๆ ครอบครัวของเธอคงไม่ต้องแยกจากกันแบบนี้
หนูนาเกลียดตำรวจ ตั้งแต่เริ่มรู้ความเธอก็รังเกียจอาชีพนี้เสมอมา โดยเฉพาะพวกตำรวจยศใหญ่ ๆ ที่ใช้เส้นสายเข้ามานอนกินเงินเดือนไปวัน ๆ ไม่เคยทำอะไรเพื่อชาวบ้านผู้จ่ายภาษีเลย
“หนูนา” ใบบัวสะกิดลูกสาว “พ่อกับแม่ไปแล้วนะลูก”
“ห๊า ดะ เดี๋ยวสิจ๊ะ อวยพรเสร็จแล้วหรือ”
“ลูกไม่ได้ฟังพ่อกับแม่เลยหรือ” ใบบัวเลิกคิ้วสูง เธอกับราชันอวยพรรวมถึงพร่ำสอนลูกสาวและลูกเขยไปตั้งเยอะ แต่ลูกสาวกลับทำหน้าทำตาเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“หนูนาเหม่อนิดหน่อยจ้ะ”
“จริง ๆ เลยลูกคนนี้”
“แม่กับพ่อพูดอีกรอบได้ไหมจ๊ะ เอาแบบยาว ๆ ยิ่งยาวเท่าไหร่ก็ยิ่งดี หนูนาอยากได้คำแนะนำเยอะ ๆ”
หนูนาร้องขอตาปริบ ๆ มัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องจนรู้ตัวอีกทีก็ต้องอยู่กับผัวตำรวจตามลำพังแล้ว แม้จะเคยผ่านคืนที่ร้อนแรงมาด้วยกันแต่ตอนนั้นสติเธอไม่ค่อยคงที่ ภาพตัดไปตัดมาขาด ๆ หาย ๆ ไม่ค่อยชัดเจน ดังนั้นถ้านับจริง ๆ นี่จะเป็นคืนแรกที่ได้นอนร่วมห้องกับสารวัตรศิลา
“คุณน้าทั้งสองไม่ต้องพูดซ้ำหรอกครับ ผมจำได้ทุกอย่าง ไว้ผมจะบอกหนูนาเอง”
“เอาแบบนั้นหรือจ๊ะ”
“ครับ”
“แม่จ๋า แต่ว่า...”
“วันนี้คุณน้าทั้งสองเหนื่อยมากมายแล้ว เราไม่ควรรบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน” สารวัตรหนุ่มจ้องตากวางที่แสนดื้อดึงอย่างไม่ยอมอ่อนให้ “ให้พวกท่านไปพักผ่อนได้แล้วหนูนา”
ใบบัวสบตาราชัน คิ้วเข้มของคู่ชีวิตขมวดแน่น ในขณะที่คนเป็นเมียเอาแต่แย้มยิ้ม
“อย่างนั้นน้าฝากน้องด้วยนะพ่อศิลา”
“ครับ”
“พ่อจ๋า”
ลูกสาวเมื่อรู้ว่าแม่คงช่วยอะไรไม่ได้แล้วจึงหันมาออดอ้อนพ่อแทน ราชันมีสีหน้าตึงเครียดเพราะหวงลูก อดีตจอมโจรยอมรับโดยไม่อายว่าตนเองทำใจไม่ได้ ลูกที่เฝ้าถนอมมาตั้งแต่ตัวแดง ๆ จะต้องจากอกไปอยู่กับชายอื่น จะมีชายใดดูแลลูกได้ดีเท่าพ่อคนนี้
“หนูนา...”
“ไปกันเถิดพี่ราชัน ลูก ๆ คงอยากใช้เวลาร่วมกันตามลำพังแล้ว”
ราชันแม้จะรู้สึกใจหายที่ต้องปล่อยให้ลูกเป็นของชายอื่น แต่เมื่อมือน้อยเอื้อมมาจับแล้วออกแรงกระตุกเบา ๆ คนตัวใหญ่ก็ยินยอมเดินตามใบบัวไปอย่างง่ายดายเหมือนร่างกายไร้น้ำหนัก
“พ่อ แม่”
หนูนาคอตก เมื่อพ่อที่เป็นเหมือนตัวช่วยสุดท้ายเดินตามแม่ต้อย ๆ สุดท้ายแม้จะรักลูกแค่ไหนแต่ก็สู้แม่ไม่ได้อยู่ดี
ราชันยังคงคลั่งรักเมียเหมือนเดิม และเหมือนจะมากกว่าเดิมขึ้นทุกวัน
สุดท้ายห้องหอก็เหลือเพียงบ่าวสาวมือใหม่ ศิลาไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปเปล่า ๆ เขาลุกขึ้นแล้วถามเสียงเรียบ
“จะอาบน้ำก่อน หรือให้ผมอาบก่อน”
“ฉันอาบก่อน เหนียวตัวจะแย่... โอ้ย! ซี๊ดดด” หนูนาร้องเสียงดังน้ำตาซึม เธอพยายามลุกขึ้นยืนแต่เพราะนั่งนานไปทำให้ขาเป็นตะคริว ศิลาเห็นแบบนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้
“ไหวไหม”
“ไหว อย่ามาแตะ โอ้ย! เจ็บ!”
“ผมช่วย”
“ไม่ต้อง!” หนูนาตวาดแหว ใบหน้ายับยุ่งเพราะเจ็บขาเหลือเกิน แต่เธอไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากตำรวจ “นายไปอาบน้ำก่อน ฉันขอนั่งพักสักพัก”
“แต่...”
“ไปซี่” พูดพลางบุ้ยปากไปที่ประตูห้องน้ำ “ห้องน้ำอยู่ทางนั้น เชิญ”
“อืม”
ศิลาเหนื่อยเกินจะโต้เถียงต่อ เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำของภรรยาอย่างว่าง่าย วันนี้งานถูกจัดขึ้นที่บ้านเจ้าสาว เรือนหอก็เป็นห้องนอนของเจ้าสาวเอง พรุ่งนี้สาย ๆ พวกเขาถึงจะเดินทางเข้าตัวเมือง เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างจริงจังที่บ้านพักตำรวจของศิลา
หลังจากนี้คงมีแต่เรื่องวุ่น ๆ ไม่หยุด
ศิลาคิดขณะที่ตักน้ำราดตัว สายน้ำสะอาดไหลผ่านร่างกายบึกบึนเพราะผ่านการฝึกมาเป็นอย่างหนัก ตัวของสารวัตรหนุ่มเล็กกว่าช้างเล็กน้อย แต่กล้ามเนื้อดูจะมีมากกว่าเพราะทำงานหนัก หกก้อนบนหน้าท้องนี้ศิลาก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันมี แต่พอต้องซ้อมมาก ๆ มันก็ขึ้นมาเองและไม่หายไปอีกเลย
มือแกร่งลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อ ไล่ตั้งแต่ช่วงลำคอ หน้าอก แขน และขา ผ่านจุดสำคัญไปก่อนจะวกกลับมาทำความสะอาดมัน
.
.
ซ่า
หนูนาที่เริ่มเดินไหวมองบานประตูที่ปิดสนิท ได้ยินแต่เสียงตักน้ำซ่า ๆ ไม่หยุด สารวัตรเข้าไปอาบน้ำนานจนตะคริวเธอหายแล้ว แต่มันนานเกินไปหรือเปล่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายที่อาบน้ำนานขนาดนี้มาก่อน ขนาดปื๊ดยังใช้เวลาน้อยกว่า
“ลูกคุณหนู”
หนูนาเบะปากกับประตูบานนั้น ก่อนจะเดินกระย่องกระแย่งไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเอาชุดใส่นอนย้วย ๆ ตัวโปรดมาถือไว้พร้อมผ้าถุง เมื่อหันกลับมาอีกทีบานประตูห้องน้ำก็เปิดออกแล้ว
“โห” เจ้าสาวที่ยังอยู่ในชุดเจ้าสาวเต็มยศร้องอุทาน ปากจิ้มลิ้มห่อเป็นวงกลม ดวงตากวางประกายระยิบระยับ “น่ากินมาก”
“อะไรนะ”
“ท้องนั่น...”
สารวัตรหนุ่มนิ่งค้างไป ก่อนจะก้มลงมองตามสายตาคู่นั้นด้วยความไม่เข้าใจ
หน้าท้องเขามีอะไร หรือภรรยากำลังหวาดกลัวร่องรอยแผลเป็นที่เขามี ก็เขาเป็นตำรวจ ทั้งยังลงพื้นที่กับลูกน้องทุกครั้ง ก็ต้องมีบาดเจ็บบ้างเป็นเรื่องปกติ
“คุณ”
“อะไร”
“น้ำลายคุณยืด”
“ห๊า!” หนูนารีบยกมือขึ้นเช็ดมุมปาก ให้ตาย เธอกำลังน้ำลายยืดจริง ๆ “มันร้อน ใช่! มันร้อน ฉันอยากอาบน้ำจนน้ำลายไหลเลยเนี่ย นายนั่นแหละอาบน้ำชักช้า”
น่าอาย น่าอายที่สุด
หนูนาก่นด่าตัวเองในใจ เก็บอาการหน่อยสิ ถึงหุ่นสารวัตรจะน่ากินมากแค่ไหนแต่นั่นตำรวจนะ ตำรวจที่เธอเกลียดนักหนาไม่ใช่หรือ
แต่ก็เป็นตำรวจที่เป็นผัวไม่ใช่หรือ อีกเสียงในใจแย้งขึ้นจนคนกลางสับสน หนูนาสะบัดหัวแรง ๆ แล้วรีบเดินไปที่ห้องน้ำ หวังว่าอาบน้ำแล้วจะช่วยให้ความคิดบ้าบอพวกนี้หายไปได้
“คุณ!”
“อะ อ๋อ ยุง ฉันตบยุงให้น่ะ” หนูนายกมือที่ว่างเปล่าขึ้นโบกให้อีกคนดู “ฉันไปอาบน้ำละ”
พูดจบก็รีบเข้าไปในห้องน้ำทันที หนูนาลูบอกตัวเองให้ใจเย็นลง เมื่อกี้ใจร้อนจนเผลอเอามือไปจับก้อนกล้ามเนื้อหน้าท้องสารวัตรเข้า ดีนะที่อ้างได้ว่าตบยุง
แต่พอจับแล้วรู้สึกดีจัง
“ฉันไม่ผิดนะ ใครใช้ให้หุ่นน่ากินเล่า”
มิน่าเล่า คืนนั้นถึงได้ทำกันตั้งสี่รอบ หนูนาเริ่มจำได้ลาง ๆ แล้วว่าสารวัตรศิลาเด็ดดวงแค่ไหน หุ่นล่ำกำยำ แถมยังรุนแรงดุเดือดถึงใจแต่กลับไม่เจ็บปวด ทำตั้งสี่รอบแต่ยังไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนให้เห็นเลย เธอเสียอีกที่ทนไม่ไหวหลับตาอกเขาก่อน
อยากทำแบบนั้นอีก ตอนนี้เป็นผัวเมียกันแล้วจะทำเยอะแค่ไหนก็ได้ด้วย
ดูท่าการแต่งงานครั้งนี้คงไม่เสียเปล่า สามเดือนนี้เธอจะตักตวงให้คุ้ม ตอนแรกเธอนึกรังเกียจไม่อยากให้ตำรวจแบบนั้นมาแตะต้องอีก ตั้งใจว่าจะต่างคนต่างอยู่ไม่ข้องเกี่ยวกันจนถึงวันหย่า แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนใจแล้ว ในเมื่อแต่งงานกันแล้วก็ต้องได้กิน ใช่ว่าไม่เคยเสียเมื่อไหร่ หวงตัวไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้หาความสุขซาบซ่านใส่ตัวดีกว่า
เริ่มจากคืนนี้เลยแล้วกัน
.
.
ทุเรศ!
ไอ้ตำรวจทุเรศ!!
หนูนากระฟัดกระเฟียดเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตากวางมองคนที่นอนหลับไปแล้วผ่านกระจกอย่างเคียดแค้น ทั้งโกรธทั้งโมโห อยากจะจับมาเขย่า ๆ แล้วถามว่ากล้าดีอย่างไร
กล้าดีอย่างไรมาหลับก่อนกันแบบนี้!
“หึ้ย ไม่ได้เรื่อง”
หนูนาป้ายครีมลงบนหน้าแรง ๆ มุมโต๊ะเครื่องแป้งเห็นคนที่นอนหันหลังให้ชัดเจน ยิ่งเห็นก็ยิ่งเคือง มีอย่างที่ไหนมาหลับในคืนแต่งงานแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหลับยังมาเดินอวดหุ่นให้เธอน้ำลายหกแท้ ๆ
ยั่วให้อยากแล้วก็จากไป ก็เธอบอกแล้วว่าตำรวจนิสัยไม่ดีทุกคน!
หนูนาทิ้งตัวลงบนเตียงแรง ๆ หวังว่าสารวัตรจะตื่น แต่เขากลับนอนนิ่งเหมือนตาย แบบนี้เป็นตำรวจได้อย่างไร
“หรือตายแล้วจริง ๆ”
คนตัวเล็กกว่าตวัดขาขึ้นคร่อม ปีนป่ายจนตัวไหลลงอีกข้างของที่นอน ก่อนจะเอามือไปอังจมูก
“ยังหายใจนี่”
หัวกลมขยับเข้าไปใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจดังตึกตัก หนูนาขมวดคิ้วงุนงง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เสียงหัวใจของสารวัตรเต้นเร็วแปลก ๆ
“มีปัญหาสุขภาพหรือเปล่าเนี่ยศาลาวัด ไม่สิ คนมีปัญหาสุขภาพที่ไหนจะดุขนาดนี้”
“.....”
“เฮ้อ นึกแล้วก็เสียดาย วันนี้อดกินเลย” เธอบ่นกับตัวเองเบา ๆ “ไว้พรุ่งนี้ก็ได้”
พูดจบคนที่เหนื่อยมาทั้งวันก็หาววอดใหญ่ จากนั้นก็ขยับขึ้นคร่อมคนหลับไปแล้วอีกครั้งเพื่อปีนกลับที่เดิม
ไฟในห้องดับลง คนที่หวังจะกินคนอื่นโดยไม่ดูสังขารหลับทันทีที่หัวถึงหมอน ต่างจากคนหลับไปแล้วที่ลืมตาขึ้นในความมืด
ขาหนัก ๆ ยกขึ้นก่ายไม่เป็นท่า ศิลาพลิกตัวกลับไปมอง ดวงหน้าสวยหวานในความมืดยังคงสวยเหมือนเคย ดวงตากวางปิดลงเหลือเพียงเปลือกตาสีน้ำนม และขนตางอนยาวที่ทาบไปกับแก้มนุ่ม
“ตัวแสบ”
สมแล้วที่เขาเรียกว่าตัวแสบ เป็นคนที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ นึกอยากจะคร่อมก็คร่อม ไม่รู้หรือว่ามันอันตราย
“พอหลับแบบนี้แล้วนิสัยค่อยเข้ากับหน้าหน่อย”
ศิลายิ้มบาง ๆ เป็นรอยยิ้มที่หากลูกน้องมาเห็นคงตกใจ สารวัตรศิลาผู้ยิ้มยากและเข้มงวดน่ะหรือจะยิ้มเป็นเหมือนคนอื่นเขา
”แจ๊บ ๆ”
“ขนาดนอนยังน้ำลายไหล”
“งืม”
“ยิ้มด้วย?”
ศิลานึกสงสัยว่าภรรยาของเขากำลังฝันถึงเรื่องอะไร ทำไมถึงได้ยิ้มออกมาแล้วน้ำลายไหลแบบนี้
“แจ๊บ ๆ ศาลาวัด งืม”
“ครับ เรียกผมทำไม”
“อยากกิน”
“หืม อยากกินอะไร ไว้ผมจะให้แม่บ้านเตรียมไว้ต้อนรับคุณพรุ่งนี้” ศิลาคิดว่าภรรยาไม่ได้หลับสนิทและพอมีสติอยู่บ้าง เพราะดูเหมือนว่าเธอจะพูดคุยรู้เรื่อง ถามอะไรก็ตอบได้ เขาจึงถามถึงของที่ภรรยาอยากกินเป็นมื้อแรกเมื่อย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านพักของเขา
“อยากกิน อันนั้น”
“อันไหน”
“อันใหญ่ ๆ ไส้กรอก ใหญ่ ๆ”
“ได้ ผมจะให้แม่บ้านเตรียมไว้ให้”
“ใหญ่ ๆ”
“ครับ ใหญ่ ๆ” ศิลายกยิ้มเอ็นดู ก่อนจะทิ้งตัวนอนเงียบ ๆ
แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้แย่ อย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่ได้วุ่นวายเลี้ยงดูยากอย่างที่คิด มั้ง? ยกเว้นเรื่องปีนตัวที่ศิลาอาจจะต้องตักเตือนบ้าง
เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนมาจากไหน หนูนาเอ่ยปากแต่แรกแล้วว่าเราจะแต่งงานกันแค่ในนาม สามเดือนก็จะหย่าขาดทันที ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเอาเปรียบให้เธอต้องเสียหายเป็นครั้งที่สอง
แม้ว่าเนื้อตัวนุ่มนิ่มและกลิ่นหอม ๆ จะคอยรบกวนจิตใจตลอดเวลาก็ตาม