หนูนาไม่ได้ล้อเล่น
ศิลามองตามร่างน้อยที่เดินผ่านเขาไปเข้าห้องน้ำ ไม่กี่อึดใจก็เดินกลับมาทางเดิม ดวงตากวางไม่เหลียวแลเขาแม้แต่น้อย เมื่อทำธุระเสร็จก็กลับเข้าห้องนอนไป เหมือนว่าผู้ชายตัวโต ๆ อย่างศิลาเป็นแค่อากาศธาตุ
แปะ
ยุงตัวโตถูกตบเลือดสาดตายคาแขน และเลือดนั่นก็ไม่ใช่เลือดใครเลย สารวัตรหนุ่มมองผิวที่ขึ้นเป็นตุ่มแดงแทบจะทันทีแล้วถอนหายใจ เขานอนบริจาคเลือดให้ยุงมาค่อนคืนแล้ว เนื้อตัวเริ่มมีตุ่มแดงขึ้นหลายจุด ขนาดกางมุงแล้วยังเข้ามาได้
ประตูห้องนอนเปิดออกอีกครั้งในชั่วโมงต่อมา แล้วก็เหมือนเดิม หนูนาทำแค่เดินผ่านไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินกลับไปนอนโดยไม่เหลียวแลสามีที่นอนตบยุงกลางบ้านแม้แต่หางตา
สมควรแล้วล่ะศิลา
.
.
ศิลาตื่นแต่เช้า เรียกว่าไม่ได้นอนง่ายกว่า ดวงตาคู่คมอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด เขาลุกขึ้นเก็บที่นอนหมอนมุ้ง แล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำมื้อเช้า
“หืม”
สารวัตรหนุ่มตื่นเต็มตาทันทีเมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของครัว ข้าวของเครื่องใช้ถูกล้างและวางแปลกจากที่เดิมของมัน วัตถุดิบทำอาหารไม่มีเหลือ เมื่อมองถังขยะก็เห็นว่าทุกอย่างที่หายไปอยู่ในนั้น ด้วยสภาพที่ไหม้เกรียม
หนูนาชะงักปลายเท้าเมื่อเห็นคนตัวโตในห้องครัว เธอทำเป็นมองไม่เห็นหัวเจ้าของบ้าน เดินไปหยิบน้ำเย็น ๆ มาดื่ม
“หนูนา”
“จะด่าฉันใช่ไหมล่ะ” เธอเอ่ยดัก ศิลาเห็นแล้วว่าครัวมันพังแค่ไหน คงไม่พ้นดุด่าเธอว่าทำอะไรไม่ได้เรื่อง
“ผมขอโทษ”
“แค่ก!” หญิงสาวไอโครก สำลักน้ำจนหน้าแดงก่ำ “อะ อะไรของนาย มาขอโทษฉันทำไม”
“ขอโทษที่ผมเป็นสามีที่แย่”
“อะ...”
“ผมแค่ไม่ชินว่าตัวเองแต่งงานแล้ว ก็เลย... หลงลืมคุณไป แต่ผมรับปากว่าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง”
“มะ...”
“ผมสัญญา”
เหมือนถูกจู่โจมกะทันหัน หนูนาถอยหลังหนีด้วยความตกใจ เธอไม่ได้คาดหวังแบบนี้เสียหน่อย
หน้าตาเหมือนลูกหมาถูกทิ้งนั่นคืออะไร แค่นอนนอกห้องคืนเดียวเองนะ เธอแค่อยากเอาคืนศาลาวัดบ้าง เพราะมั่นใจว่าที่เขาหายหน้าไปก็เพราะต้องการจะกลั่นแกล้งเธอ
แบบนี้หนูนาถึงได้อดทนรอ รอให้ศาลาวัดกลับมาเพื่อเอาคืนให้สาสม หลังจากนั้นเธอจะหนีกลับบ้านแล้วไม่กลับมาอีก ในเมื่อตั้งใจทิ้งกันเธอก็ไม่จำเป็นต้องทน สามเดือนอะไรช่างมันเถอะ จะฟ้องพี่ช้างให้พาลูกน้องมาจัดการด้วย หลังจากนั้นเธอจะฟ้องหย่า ถ้าหากเธอเป็นคนฟ้องหย่าก่อนพ่อกับแม่ก็จะไม่ถูกชาวบ้านนินทาว่าลูกสาวถูกสามีที่เพิ่งแต่งงานทิ้ง
ไม่คิดว่าจะได้เห็นท่าทางเซื่องซึมแบบนี้เสียหน่อย
ภาพผู้ชายตัวโต ๆ ที่ยืนหูตกหางลู่ทำให้เป้าหมายของหนูนาสั่นคลอน จากที่ตั้งใจจะเลิกกันให้เด็ดขาดก็เริ่มลังเล
หรือศาลาวัดมันไม่ได้คิดจะแกล้งเธอจริง ๆ
“นาย”
“หลังจากนี้ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก คุณให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหมครับ”
“ผีเข้าหรือไง”
“ผมรู้สึกผิด” ศิลาคอตก “ทั้ง ๆ ที่รับปากครอบครัวคุณแล้วแท้ ๆ”
“ใช่! รับปากแล้วแต่กลับทำไม่ได้ นายมันผู้ชายห่วยแตก!" อย่าคิดว่าทำคอตกแล้วเธอจะเห็นใจ รู้จักหนูนาน้อยไปแล้ว "บอกว่าจะดูแลฉัน แต่ไหนล่ะดูแล แต่งงานได้แค่สองวันก็ทิ้งฉันไว้ที่บ้านคนเดียว ไม่รู้หรือไงว่าฉันทำกับข้าวไม่เป็น รถก็ไม่ทิ้งไว้ให้ แล้วฉันจะออกไปหาของกินได้อย่างไร หากไม่ได้ผลไม้ฉันคงตายคาบ้านไปแล้ว ถ้าฉันตายจริง ๆ ฉันจะหักคอนายคนแรกเลยคอยดู! ผู้ชายเฮงซวยเอ้ย! แฮ่ก ๆ”
“ผมขอโทษครับ”
“อะ อะไร!” หนูนาเริ่มไปไม่เป็น ศิลาไม่โกรธที่โดนด่ากราดเป็นชุด ทั้งยังเอาแต่ขอโทษซ้ำ ๆ
“ผมผิดเอง คุณจะด่าผมเท่าไหร่ก็ได้”
ศิลารู้สึกผิดจริง ๆ เขาก้มหน้ายอมรับผิดโดยไม่โต้เถียงสักคำ นั่นทำให้หนูนาเริ่มไปไม่ถูก ถ้อยคำร้าย ๆ ที่ตั้งใจจะใช้ต่อว่าคนตรงหน้าจุกอยู่ที่คอ
ตั้งใจจะแผลงฤทธิ์ให้หนักแท้ ๆ แต่พอศิลาเป็นแบบนี้หนูนากลับทำตัวร้ายใส่ไม่ลง
อีกทั้งพอได้ด่าจนหอบ ความโมโหก็ค่อย ๆ จางหายไป บางทีหนูนาก็เบื่อที่ตัวเองเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วแบบนี้
“ไม่หายโกรธหรอก”
ศิลาหูลู่กว่าเดิม
“จนกว่าจะทำอะไรอร่อย ๆ ให้กิน ฉันหิว”
.
.
ภรรยายังคงมีท่าทีมึนตึงใส่ แต่ศิลาสัมผัสได้ว่าบรรยากาศมันไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อคืนหรือเมื่อเช้าแล้ว เขาเหลือบมองหนูนาหลายครั้งจนในที่สุดก็ถูกจับได้
“มองคนอื่นตอนกินข้าวมันเสียมารยาท”
“ขอโทษครับ”
“เลิกพูดขอโทษได้ไหม ฟังจนเบื่อแล้ว”
“ขอ...” ศิลารีบเม้มปากแน่น ก่อนจะเผลอหลุดคำพูดน่าเบื่อออกไป
หนูนาไม่เข้าใจศิลาเท่าไหร่ เธอโกรธที่ถูกทิ้งก็จริง แต่ทำไมคนที่เป็นฝ่ายทอดทิ้งต้องรู้สึกผิดมากจนทำให้เธอรู้สึกผิดไปด้วยแบบนี้
“ผม...ทำงานเพลิน”
"หืม”
“ที่หายไปเพราะผมทำงานเพลิน” ศิลาสารภาพเสียงอ่อย “ผมชอบทำงานเพลินจนลืมกลับบ้านประจำ ปกติจะกินนอนในห้องทำงานที่สถานี ครั้งนี้ก็เหมือนกัน”
สารวัตรหนุ่มเม้มปากแน่น
“ผมขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจทอดทิ้งคุณ ผมผิดไปแล้วครับ”
หนูนาใจอ่อนยวบ เนื้อแท้เธอไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอยู่แล้ว อีกทั้งคนตรงหน้าก็มีท่าทีสำนึกผิดจริง ๆ
ดวงตากวางหลุบมองท่อนแขนที่เต็มไปด้วยตุ่มแดง ๆ หลายจุด ร่างเล็กลุกขึ้นเงียบ ๆ เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
สารวัตรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าเป็นแบบนี้หนูนาคงไม่ให้อภัยเขาจริง ๆ เมื่อเช้าศิลาเข้าไปเอาเสื้อผ้าตอนที่ภรรยายังไม่ตื่น เขาเลยเห็นว่าเธอเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเหมือนจะย้ายกลับบ้านเร็ว ๆ นี้
แต่งงานได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็เตียงหักเสียแล้ว
“ถอนหายใจอะไรนักหนา” หนูนาถามเสียงห้วน พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้คนตัวโต “รู้ไหมศาลาวัด โบราณเขาว่าถอนหายใจหนึ่งครั้งจะอายุสั้นลงหนึ่งวันเลยนะ”
“...ครับ?”
“ไม่รู้? ช่างเถอะ เอาแขนมา” หนูนายื่นมือไปตรงหน้า ศิลาหลุบตามองมือเรียวอย่างงุนงง
“คุณ...”
“เอามาสิ”
“คะ ครับ”
ศิลายื่นแขนให้ภรรยาแต่โดยดี หนูนาจับแขนแกร่งไว้ มืออีกข้างเปิดฝายาหม่องออก
“นายน่ะ” ปากอิ่มขยับขึ้นลง นิิ้วเรียวรั้งแขนเสื้อสารวัตรขึ้นสูง “ซื่อบื้อ”
“.....”
“ประตูห้องนอนไม่ได้ล็อกเสียหน่อย ยุงกัดทำไมไม่เข้าไปนอนในห้อง ทนให้มันกัดจนตัวลายขนาดนี้ได้อย่างไร ซื่อบื้อ” เสียงเล็กบ่นงุ้งงิ้งไม่ขาดสาย มือแต้มยาหม่องทาบริเวณที่เป็นตุ่มแดงเบา ๆ
“ก็คุณบอกว่า...”
“พอเลย นี่บ้านนายนะ เชื่อฉันทำไม ฉันไม่ใช่เจ้าของบ้านเสียหน่อย”
“ของ ๆ สามีก็คือของ ๆ ภรรยา”
หนูนาหน้าเหวอ ศาลาวัดถูกยุงกัดจนประสาทหลอนหรืออย่างไร จู่ ๆ พูดอะไรก็ไม่รู้
บ้าบอ! ไร้สาระ!
“ตามกฎหมายบ้านหลังนี้เป็นสินส่วนตัวที่นายมีมาก่อนแต่ง ไม่ใช่สินสมรส เป็นตำรวจไม่รู้หรืออย่างไร”
“ผมรู้ และรู้ด้วยว่าบ้านที่สร้างขึ้นหลังจากนี้จะเป็นสินสมรส เป็นของคุณกับผมคนละครึ่ง”
“บ้านที่สร้างขึ้นหลังจากนี้?”
“ผมตั้งใจจะปลูกบ้านใหม่ เพิ่งเจรจาซื้อที่ดินตรงนี้มาได้”
ศิลายื่นโฉนดที่ดินให้ภรรยาตัวน้อย กระดาษแผ่นนั้นยืนยันว่าในเช้าวานนี้ เขาได้เป็นเจ้าของที่ดินจำนวนห้าไร่เรียบร้อยแล้ว
“ผมอยากปลูกบ้านที่ใหญ่กว่านี้ ปลูกผลไม้เพิ่มอีกอย่างละสองสามต้น ถางหญ้าตรงนั้นแล้ววางชิงช้า ส่วนหน้าบ้านอาจจะขุดบ่อน้ำเล็ก ๆ บ้านจะได้เย็นเหมือนบ้านคุณที่หมู่บ้านกอบัว คุณว่าอย่างไร”
“ก็เรื่องของนายสิ บ้านนายนี่ ถามฉันทำไม”
“บ้านของเราต่างหาก”
“บ้าบอ” หนูนาเบือนหน้าหนี ทำไมจู่ ๆ อากาศก็ร้อนขึ้นแปลก ๆ “บอกแล้วว่าเราจะแต่งงานกันแค่สามเดือน”
“แต่ถ้าคุณท้อง...”
“ไม่ท้องหรอก!” เสียงหวานแผดลั่น แก้มสองข้างแดงแปร๊ด “ไม่ท้องแน่ ๆ แค่คืนเดียวเอง”
“ต่อให้ไม่ท้องคุณก็เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ครึ่งหนึ่งอยู่ดี ที่นี่จะเป็นบ้านของคุณเหมือนกัน รับไว้เถอะครับ ถือว่าเป็นของขวัญแต่งงาน”
“อวดรวย”
“ผมไม่ได้อวดรวย นี่เป็นเงินเก็บจากที่ผมทำอาชีพตำรวจมาทั้งชีวิต ตอนนี้หมดตัวแล้ว”
หนูนาบึนปาก อยู่ดี ๆ ก็มีสามีหมดตัว
โชคดีที่เธอพอจะมีเงินทองเก็บไว้บ้าง เอาเถอะ สามีแค่คนเดียว หนูนาเลี้ยงได้
“ถ้าเราหย่ากัน แล้ววันหนึ่งนายแต่งงานใหม่ นายจะยึดบ้านหลังนี้คืนหรือเปล่า”
“ไม่” ศิลาหมายถึงเขาจะไม่แต่งงานใหม่ เขาค่อนข้างหัวโบราณ ที่มีความเชื่อว่าทั้งชีวิตจะแต่งงานเพียงแค่ครั้งเดียว
ทว่าหนูนากลับคิดไปอีกทาง
“พูดเองนะ” เธอหรี่ตาลง “บ้านหลังนี้ห้ามให้เมียใหม่นายเข้ามาเหยียบเด็ดขาด”
“ครับ”
“ฉันอยากทำศาลาตรงนั้น” หนูนาชี้ไปหลังบ้านที่ติดกับคลองเล็ก ๆ “เวลาทำงานฉันต้องการสมาธิ ตรงนั้นเงียบดี ฉันชอบ”
“ผมเห็นด้วย”
“แล้วก็ตรงนั้น ถ้ามีสวนดอกไม้เล็ก ๆ น่าจะดี อ้อ ตรงนั้น แล้วก็ตรงนั้นด้วย ตรงนั้นก็ดีนะ มีสวนดอกไม้เยอะ ๆ บ้านจะได้สดชื่น แต่ว่า...”
"แต่ว่าอะไรครับ"
"มีบ้านแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรถ้านายไม่ค่อยกลับมา"
"หลังจากนี้ผมจะกลับบ้านทุกวัน ผมรับปาก"
กลีบปากอิ่มเม้มแน่นสนิท ดวงตากวางมองโฉนดที่ดินในมือ สลับกับใบหน้าหล่อเหลาและแววตามั่นคงของสารวัตรหนุ่ม
เชื่อก็ได้ ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ
"อย่างนั้นเราทำตรงนี้เป็นมุมกินข้าวดีไหม หรือมุมนั้นดี แต่ฉันว่ามุมนี้ดีกว่า แดดไม่แรง"
ศิลาพยักหน้ารับเงียบ ๆ เขาจดจำทุกอย่างที่ภรรยาต้องการเอาไว้ หนูนาดูมีความสุขกับการตกแต่งบ้านใหม่ เหมือนเธอจะลืมไปชั่วขณะว่าการแต่งงานครั้งนี้มีระยะเวลาแค่สามเดือนเท่านั้น และเวลาสั้น ๆ เพียงแค่นี้บ้านใหม่ไม่มีทางปลูกเสร็จทันแน่นอน
.
.
“สารวัตร กลับแล้วหรือครับ” นายดาบลุกขึ้นยืนตัวตรง ทำความเคารพสารวัตรอายุน้อยกว่า แล้วเอ่ยถามดังเช่นปกติ
แต่ที่ไม่ปกติเห็นจะเป็นสารวัตรมากกว่า ดาบคมมองนาฬิกาบนผนัง สลับกับใบหน้าหล่อเหลาของนาย
สามวันแล้วที่สารวัตรหนุ่มกลับบ้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ไม่โหมงานหนักข้ามวันข้ามคืนเหมือนเคย ดูเหมือนว่าคุณนายจะเอาคนบ้างานได้อยู่หมัดจริง ๆ จัดการปฏิรูปสารวัตรเสียใหม่เอี่ยม
คนเป็นลูกน้องเห็นแล้วก็ชื่นใจ กลัวเหลือเกินว่าสารวัตรจะล้มหมอนนอนเสื่อเพราะทำงานหนักเข้าสักวัน แต่จากนี้มีคุณนายคอยปรามคมก็หายห่วง
“ครับดาบ ผมว่าจะแวะตลาดสักหน่อยด้วย”
“ตลาดหรือครับ”
“อืม ของสดที่บ้านหมดแล้ว”
นายดาบงุนงง ตั้งแต่สารวัตรย้ายมาเขาไม่เคยเห็นเจ้านายไปตลาด เพราะศิลาจ้างแม่บ้านให้นำปิ่นโตอาหารไปส่งที่บ้านเป็นประจำอยู่แล้ว
“ภรรยาผมอยากไปตลาดด้วย”
“อ๋อ...”
ได้ยินแบบนั้นดาบคมก็ยิ้มกริ่ม ดวงตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานฉายแววล้อเลียน ที่แท้เป็นเพราะคุณนายอยากไปตลาดนี่เอง
สารวัตรคงรักและตามใจเมียมากจริง ๆ ถึงได้สลัดคราบตำรวจสืบสวนคนเก่งแล้วทำหน้าที่พ่อบ้านแสนดี พาเมียไปจ่ายตลาดแม้ตัวเองเพิ่งจะเลิกงานมาเหนื่อย ๆ
น่ารักเสียจริงความรักหนุ่มสาวสมัยนี้ หวานเหมือนเขากับเมียสมัยวัยรุ่นไม่มีผิด
“ผมยังไม่เคยเจอภรรยาสารวัตรเลย อยากแวะไปสวัสดีคุณนาย แต่ที่โต๊ะไม่มีคนเฝ้า”
“ไว้วันหลังก็ได้ดาบคม ผมต้องไปก่อน ภรรยารอนานแล้ว” ศิลายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “เจอกันพรุ่งนี้ดาบ”
“ครับ! สารวัตร”
นายดาบยิ้มกว้างแก้มแทบปริ มองตามแผ่นหลังกว้างที่แสนองอาจของนายด้วยสายตาชื่นชม
ทั้งหล่อ เก่ง รักเมีย สารวัตรนี่เทวดามาเกิดชัด ๆ
คมชะเง้อมองออกไปหน้าสถานี เห็นสารวัตรก้าวขึ้นรถคันเก่งแล้วขับออกไป ทว่าตุ๊กตาหน้ารถที่คุ้นตาทำให้นายดาบต้องยกมือขึ้นขยี้ตาแรง ๆ
“เหมือน” เหมือนมากจริง ๆ หน้าตาสะสวยเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ ผิวขาว ๆ แบบนี้ “แต่คงไม่ใช่หรอก”
จะเป็นไปได้อย่างไร ดาบแก่ ๆ อย่างเขาคงแก่แล้วเลอะเลือนมากกว่า
คุณนายเมียสารวัตรไม่มีทางเป็นหนูนาไปได้หรอก คนที่ชอบหาเรื่องป่วนให้ตำรวจปวดหัวเล่นไปวัน ๆ เด็กนิสัยไม่ดีอย่างนั้นจะแต่งงานกับสารวัตรคนเก่งอนาคตไกลได้อย่างไร
เขาน่าจะเลอะเลือนจริง ๆ