เมียสารวัตร 9 - ปฏิรูปสารวัตร

2346 คำ
หนูนาไม่ได้ล้อเล่น ศิลามองตามร่างน้อยที่เดินผ่านเขาไปเข้าห้องน้ำ ไม่กี่อึดใจก็เดินกลับมาทางเดิม ดวงตากวางไม่เหลียวแลเขาแม้แต่น้อย เมื่อทำธุระเสร็จก็กลับเข้าห้องนอนไป เหมือนว่าผู้ชายตัวโต ๆ อย่างศิลาเป็นแค่อากาศธาตุ แปะ ยุงตัวโตถูกตบเลือดสาดตายคาแขน และเลือดนั่นก็ไม่ใช่เลือดใครเลย สารวัตรหนุ่มมองผิวที่ขึ้นเป็นตุ่มแดงแทบจะทันทีแล้วถอนหายใจ เขานอนบริจาคเลือดให้ยุงมาค่อนคืนแล้ว เนื้อตัวเริ่มมีตุ่มแดงขึ้นหลายจุด ขนาดกางมุงแล้วยังเข้ามาได้ ประตูห้องนอนเปิดออกอีกครั้งในชั่วโมงต่อมา แล้วก็เหมือนเดิม หนูนาทำแค่เดินผ่านไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินกลับไปนอนโดยไม่เหลียวแลสามีที่นอนตบยุงกลางบ้านแม้แต่หางตา สมควรแล้วล่ะศิลา . . ศิลาตื่นแต่เช้า เรียกว่าไม่ได้นอนง่ายกว่า ดวงตาคู่คมอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด เขาลุกขึ้นเก็บที่นอนหมอนมุ้ง แล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำมื้อเช้า “หืม” สารวัตรหนุ่มตื่นเต็มตาทันทีเมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของครัว ข้าวของเครื่องใช้ถูกล้างและวางแปลกจากที่เดิมของมัน วัตถุดิบทำอาหารไม่มีเหลือ เมื่อมองถังขยะก็เห็นว่าทุกอย่างที่หายไปอยู่ในนั้น ด้วยสภาพที่ไหม้เกรียม หนูนาชะงักปลายเท้าเมื่อเห็นคนตัวโตในห้องครัว เธอทำเป็นมองไม่เห็นหัวเจ้าของบ้าน เดินไปหยิบน้ำเย็น ๆ มาดื่ม “หนูนา” “จะด่าฉันใช่ไหมล่ะ” เธอเอ่ยดัก ศิลาเห็นแล้วว่าครัวมันพังแค่ไหน คงไม่พ้นดุด่าเธอว่าทำอะไรไม่ได้เรื่อง “ผมขอโทษ” “แค่ก!” หญิงสาวไอโครก สำลักน้ำจนหน้าแดงก่ำ “อะ อะไรของนาย มาขอโทษฉันทำไม” “ขอโทษที่ผมเป็นสามีที่แย่” “อะ...” “ผมแค่ไม่ชินว่าตัวเองแต่งงานแล้ว ก็เลย... หลงลืมคุณไป แต่ผมรับปากว่าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง” “มะ...” “ผมสัญญา” เหมือนถูกจู่โจมกะทันหัน หนูนาถอยหลังหนีด้วยความตกใจ เธอไม่ได้คาดหวังแบบนี้เสียหน่อย หน้าตาเหมือนลูกหมาถูกทิ้งนั่นคืออะไร แค่นอนนอกห้องคืนเดียวเองนะ เธอแค่อยากเอาคืนศาลาวัดบ้าง เพราะมั่นใจว่าที่เขาหายหน้าไปก็เพราะต้องการจะกลั่นแกล้งเธอ แบบนี้หนูนาถึงได้อดทนรอ รอให้ศาลาวัดกลับมาเพื่อเอาคืนให้สาสม หลังจากนั้นเธอจะหนีกลับบ้านแล้วไม่กลับมาอีก ในเมื่อตั้งใจทิ้งกันเธอก็ไม่จำเป็นต้องทน สามเดือนอะไรช่างมันเถอะ จะฟ้องพี่ช้างให้พาลูกน้องมาจัดการด้วย หลังจากนั้นเธอจะฟ้องหย่า ถ้าหากเธอเป็นคนฟ้องหย่าก่อนพ่อกับแม่ก็จะไม่ถูกชาวบ้านนินทาว่าลูกสาวถูกสามีที่เพิ่งแต่งงานทิ้ง ไม่คิดว่าจะได้เห็นท่าทางเซื่องซึมแบบนี้เสียหน่อย ภาพผู้ชายตัวโต ๆ ที่ยืนหูตกหางลู่ทำให้เป้าหมายของหนูนาสั่นคลอน จากที่ตั้งใจจะเลิกกันให้เด็ดขาดก็เริ่มลังเล หรือศาลาวัดมันไม่ได้คิดจะแกล้งเธอจริง ๆ “นาย” “หลังจากนี้ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก คุณให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหมครับ” “ผีเข้าหรือไง” “ผมรู้สึกผิด” ศิลาคอตก “ทั้ง ๆ ที่รับปากครอบครัวคุณแล้วแท้ ๆ” “ใช่! รับปากแล้วแต่กลับทำไม่ได้ นายมันผู้ชายห่วยแตก!" อย่าคิดว่าทำคอตกแล้วเธอจะเห็นใจ รู้จักหนูนาน้อยไปแล้ว "บอกว่าจะดูแลฉัน แต่ไหนล่ะดูแล แต่งงานได้แค่สองวันก็ทิ้งฉันไว้ที่บ้านคนเดียว ไม่รู้หรือไงว่าฉันทำกับข้าวไม่เป็น รถก็ไม่ทิ้งไว้ให้ แล้วฉันจะออกไปหาของกินได้อย่างไร หากไม่ได้ผลไม้ฉันคงตายคาบ้านไปแล้ว ถ้าฉันตายจริง ๆ ฉันจะหักคอนายคนแรกเลยคอยดู! ผู้ชายเฮงซวยเอ้ย! แฮ่ก ๆ” “ผมขอโทษครับ” “อะ อะไร!” หนูนาเริ่มไปไม่เป็น ศิลาไม่โกรธที่โดนด่ากราดเป็นชุด ทั้งยังเอาแต่ขอโทษซ้ำ ๆ “ผมผิดเอง คุณจะด่าผมเท่าไหร่ก็ได้” ศิลารู้สึกผิดจริง ๆ เขาก้มหน้ายอมรับผิดโดยไม่โต้เถียงสักคำ นั่นทำให้หนูนาเริ่มไปไม่ถูก ถ้อยคำร้าย ๆ ที่ตั้งใจจะใช้ต่อว่าคนตรงหน้าจุกอยู่ที่คอ ตั้งใจจะแผลงฤทธิ์ให้หนักแท้ ๆ แต่พอศิลาเป็นแบบนี้หนูนากลับทำตัวร้ายใส่ไม่ลง อีกทั้งพอได้ด่าจนหอบ ความโมโหก็ค่อย ๆ จางหายไป บางทีหนูนาก็เบื่อที่ตัวเองเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วแบบนี้ “ไม่หายโกรธหรอก” ศิลาหูลู่กว่าเดิม “จนกว่าจะทำอะไรอร่อย ๆ ให้กิน ฉันหิว” . . ภรรยายังคงมีท่าทีมึนตึงใส่ แต่ศิลาสัมผัสได้ว่าบรรยากาศมันไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อคืนหรือเมื่อเช้าแล้ว เขาเหลือบมองหนูนาหลายครั้งจนในที่สุดก็ถูกจับได้ “มองคนอื่นตอนกินข้าวมันเสียมารยาท” “ขอโทษครับ” “เลิกพูดขอโทษได้ไหม ฟังจนเบื่อแล้ว” “ขอ...” ศิลารีบเม้มปากแน่น ก่อนจะเผลอหลุดคำพูดน่าเบื่อออกไป หนูนาไม่เข้าใจศิลาเท่าไหร่ เธอโกรธที่ถูกทิ้งก็จริง แต่ทำไมคนที่เป็นฝ่ายทอดทิ้งต้องรู้สึกผิดมากจนทำให้เธอรู้สึกผิดไปด้วยแบบนี้ “ผม...ทำงานเพลิน” "หืม” “ที่หายไปเพราะผมทำงานเพลิน” ศิลาสารภาพเสียงอ่อย “ผมชอบทำงานเพลินจนลืมกลับบ้านประจำ ปกติจะกินนอนในห้องทำงานที่สถานี ครั้งนี้ก็เหมือนกัน” สารวัตรหนุ่มเม้มปากแน่น “ผมขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจทอดทิ้งคุณ ผมผิดไปแล้วครับ” หนูนาใจอ่อนยวบ เนื้อแท้เธอไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอยู่แล้ว อีกทั้งคนตรงหน้าก็มีท่าทีสำนึกผิดจริง ๆ ดวงตากวางหลุบมองท่อนแขนที่เต็มไปด้วยตุ่มแดง ๆ หลายจุด ร่างเล็กลุกขึ้นเงียบ ๆ เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ สารวัตรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าเป็นแบบนี้หนูนาคงไม่ให้อภัยเขาจริง ๆ เมื่อเช้าศิลาเข้าไปเอาเสื้อผ้าตอนที่ภรรยายังไม่ตื่น เขาเลยเห็นว่าเธอเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเหมือนจะย้ายกลับบ้านเร็ว ๆ นี้ แต่งงานได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็เตียงหักเสียแล้ว “ถอนหายใจอะไรนักหนา” หนูนาถามเสียงห้วน พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้คนตัวโต “รู้ไหมศาลาวัด โบราณเขาว่าถอนหายใจหนึ่งครั้งจะอายุสั้นลงหนึ่งวันเลยนะ” “...ครับ?” “ไม่รู้? ช่างเถอะ เอาแขนมา” หนูนายื่นมือไปตรงหน้า ศิลาหลุบตามองมือเรียวอย่างงุนงง “คุณ...” “เอามาสิ” “คะ ครับ” ศิลายื่นแขนให้ภรรยาแต่โดยดี หนูนาจับแขนแกร่งไว้ มืออีกข้างเปิดฝายาหม่องออก “นายน่ะ” ปากอิ่มขยับขึ้นลง นิิ้วเรียวรั้งแขนเสื้อสารวัตรขึ้นสูง “ซื่อบื้อ” “.....” “ประตูห้องนอนไม่ได้ล็อกเสียหน่อย ยุงกัดทำไมไม่เข้าไปนอนในห้อง ทนให้มันกัดจนตัวลายขนาดนี้ได้อย่างไร ซื่อบื้อ” เสียงเล็กบ่นงุ้งงิ้งไม่ขาดสาย มือแต้มยาหม่องทาบริเวณที่เป็นตุ่มแดงเบา ๆ “ก็คุณบอกว่า...” “พอเลย นี่บ้านนายนะ เชื่อฉันทำไม ฉันไม่ใช่เจ้าของบ้านเสียหน่อย” “ของ ๆ สามีก็คือของ ๆ ภรรยา” หนูนาหน้าเหวอ ศาลาวัดถูกยุงกัดจนประสาทหลอนหรืออย่างไร จู่ ๆ พูดอะไรก็ไม่รู้ บ้าบอ! ไร้สาระ! “ตามกฎหมายบ้านหลังนี้เป็นสินส่วนตัวที่นายมีมาก่อนแต่ง ไม่ใช่สินสมรส เป็นตำรวจไม่รู้หรืออย่างไร” “ผมรู้ และรู้ด้วยว่าบ้านที่สร้างขึ้นหลังจากนี้จะเป็นสินสมรส เป็นของคุณกับผมคนละครึ่ง” “บ้านที่สร้างขึ้นหลังจากนี้?” “ผมตั้งใจจะปลูกบ้านใหม่ เพิ่งเจรจาซื้อที่ดินตรงนี้มาได้” ศิลายื่นโฉนดที่ดินให้ภรรยาตัวน้อย กระดาษแผ่นนั้นยืนยันว่าในเช้าวานนี้ เขาได้เป็นเจ้าของที่ดินจำนวนห้าไร่เรียบร้อยแล้ว “ผมอยากปลูกบ้านที่ใหญ่กว่านี้ ปลูกผลไม้เพิ่มอีกอย่างละสองสามต้น ถางหญ้าตรงนั้นแล้ววางชิงช้า ส่วนหน้าบ้านอาจจะขุดบ่อน้ำเล็ก ๆ บ้านจะได้เย็นเหมือนบ้านคุณที่หมู่บ้านกอบัว คุณว่าอย่างไร” “ก็เรื่องของนายสิ บ้านนายนี่ ถามฉันทำไม” “บ้านของเราต่างหาก” “บ้าบอ” หนูนาเบือนหน้าหนี ทำไมจู่ ๆ อากาศก็ร้อนขึ้นแปลก ๆ “บอกแล้วว่าเราจะแต่งงานกันแค่สามเดือน” “แต่ถ้าคุณท้อง...” “ไม่ท้องหรอก!” เสียงหวานแผดลั่น แก้มสองข้างแดงแปร๊ด “ไม่ท้องแน่ ๆ แค่คืนเดียวเอง” “ต่อให้ไม่ท้องคุณก็เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ครึ่งหนึ่งอยู่ดี ที่นี่จะเป็นบ้านของคุณเหมือนกัน รับไว้เถอะครับ ถือว่าเป็นของขวัญแต่งงาน” “อวดรวย” “ผมไม่ได้อวดรวย นี่เป็นเงินเก็บจากที่ผมทำอาชีพตำรวจมาทั้งชีวิต ตอนนี้หมดตัวแล้ว” หนูนาบึนปาก อยู่ดี ๆ ก็มีสามีหมดตัว โชคดีที่เธอพอจะมีเงินทองเก็บไว้บ้าง เอาเถอะ สามีแค่คนเดียว หนูนาเลี้ยงได้ “ถ้าเราหย่ากัน แล้ววันหนึ่งนายแต่งงานใหม่ นายจะยึดบ้านหลังนี้คืนหรือเปล่า” “ไม่” ศิลาหมายถึงเขาจะไม่แต่งงานใหม่ เขาค่อนข้างหัวโบราณ ที่มีความเชื่อว่าทั้งชีวิตจะแต่งงานเพียงแค่ครั้งเดียว ทว่าหนูนากลับคิดไปอีกทาง “พูดเองนะ” เธอหรี่ตาลง “บ้านหลังนี้ห้ามให้เมียใหม่นายเข้ามาเหยียบเด็ดขาด” “ครับ” “ฉันอยากทำศาลาตรงนั้น” หนูนาชี้ไปหลังบ้านที่ติดกับคลองเล็ก ๆ “เวลาทำงานฉันต้องการสมาธิ ตรงนั้นเงียบดี ฉันชอบ” “ผมเห็นด้วย” “แล้วก็ตรงนั้น ถ้ามีสวนดอกไม้เล็ก ๆ น่าจะดี อ้อ ตรงนั้น แล้วก็ตรงนั้นด้วย ตรงนั้นก็ดีนะ มีสวนดอกไม้เยอะ ๆ บ้านจะได้สดชื่น แต่ว่า...” "แต่ว่าอะไรครับ" "มีบ้านแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรถ้านายไม่ค่อยกลับมา" "หลังจากนี้ผมจะกลับบ้านทุกวัน ผมรับปาก" กลีบปากอิ่มเม้มแน่นสนิท ดวงตากวางมองโฉนดที่ดินในมือ สลับกับใบหน้าหล่อเหลาและแววตามั่นคงของสารวัตรหนุ่ม เชื่อก็ได้ ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ "อย่างนั้นเราทำตรงนี้เป็นมุมกินข้าวดีไหม หรือมุมนั้นดี แต่ฉันว่ามุมนี้ดีกว่า แดดไม่แรง" ศิลาพยักหน้ารับเงียบ ๆ เขาจดจำทุกอย่างที่ภรรยาต้องการเอาไว้ หนูนาดูมีความสุขกับการตกแต่งบ้านใหม่ เหมือนเธอจะลืมไปชั่วขณะว่าการแต่งงานครั้งนี้มีระยะเวลาแค่สามเดือนเท่านั้น และเวลาสั้น ๆ เพียงแค่นี้บ้านใหม่ไม่มีทางปลูกเสร็จทันแน่นอน . . “สารวัตร กลับแล้วหรือครับ” นายดาบลุกขึ้นยืนตัวตรง ทำความเคารพสารวัตรอายุน้อยกว่า แล้วเอ่ยถามดังเช่นปกติ แต่ที่ไม่ปกติเห็นจะเป็นสารวัตรมากกว่า ดาบคมมองนาฬิกาบนผนัง สลับกับใบหน้าหล่อเหลาของนาย สามวันแล้วที่สารวัตรหนุ่มกลับบ้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ไม่โหมงานหนักข้ามวันข้ามคืนเหมือนเคย ดูเหมือนว่าคุณนายจะเอาคนบ้างานได้อยู่หมัดจริง ๆ จัดการปฏิรูปสารวัตรเสียใหม่เอี่ยม คนเป็นลูกน้องเห็นแล้วก็ชื่นใจ กลัวเหลือเกินว่าสารวัตรจะล้มหมอนนอนเสื่อเพราะทำงานหนักเข้าสักวัน แต่จากนี้มีคุณนายคอยปรามคมก็หายห่วง “ครับดาบ ผมว่าจะแวะตลาดสักหน่อยด้วย” “ตลาดหรือครับ” “อืม ของสดที่บ้านหมดแล้ว” นายดาบงุนงง ตั้งแต่สารวัตรย้ายมาเขาไม่เคยเห็นเจ้านายไปตลาด เพราะศิลาจ้างแม่บ้านให้นำปิ่นโตอาหารไปส่งที่บ้านเป็นประจำอยู่แล้ว “ภรรยาผมอยากไปตลาดด้วย” “อ๋อ...” ได้ยินแบบนั้นดาบคมก็ยิ้มกริ่ม ดวงตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานฉายแววล้อเลียน ที่แท้เป็นเพราะคุณนายอยากไปตลาดนี่เอง สารวัตรคงรักและตามใจเมียมากจริง ๆ ถึงได้สลัดคราบตำรวจสืบสวนคนเก่งแล้วทำหน้าที่พ่อบ้านแสนดี พาเมียไปจ่ายตลาดแม้ตัวเองเพิ่งจะเลิกงานมาเหนื่อย ๆ น่ารักเสียจริงความรักหนุ่มสาวสมัยนี้ หวานเหมือนเขากับเมียสมัยวัยรุ่นไม่มีผิด “ผมยังไม่เคยเจอภรรยาสารวัตรเลย อยากแวะไปสวัสดีคุณนาย แต่ที่โต๊ะไม่มีคนเฝ้า” “ไว้วันหลังก็ได้ดาบคม ผมต้องไปก่อน ภรรยารอนานแล้ว” ศิลายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “เจอกันพรุ่งนี้ดาบ” “ครับ! สารวัตร” นายดาบยิ้มกว้างแก้มแทบปริ มองตามแผ่นหลังกว้างที่แสนองอาจของนายด้วยสายตาชื่นชม ทั้งหล่อ เก่ง รักเมีย สารวัตรนี่เทวดามาเกิดชัด ๆ คมชะเง้อมองออกไปหน้าสถานี เห็นสารวัตรก้าวขึ้นรถคันเก่งแล้วขับออกไป ทว่าตุ๊กตาหน้ารถที่คุ้นตาทำให้นายดาบต้องยกมือขึ้นขยี้ตาแรง ๆ “เหมือน” เหมือนมากจริง ๆ หน้าตาสะสวยเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ ผิวขาว ๆ แบบนี้ “แต่คงไม่ใช่หรอก” จะเป็นไปได้อย่างไร ดาบแก่ ๆ อย่างเขาคงแก่แล้วเลอะเลือนมากกว่า คุณนายเมียสารวัตรไม่มีทางเป็นหนูนาไปได้หรอก คนที่ชอบหาเรื่องป่วนให้ตำรวจปวดหัวเล่นไปวัน ๆ เด็กนิสัยไม่ดีอย่างนั้นจะแต่งงานกับสารวัตรคนเก่งอนาคตไกลได้อย่างไร เขาน่าจะเลอะเลือนจริง ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม