เป็นแม่บ้านจริงๆ

1522 คำ
“เป็นแม่บ้านจริงๆ ผมหาคนมาแทนป้าประนอมได้แค่นี้ล่ะ” เขาเสยผมทำหน้าเบื่อหน่าย แต่พอเหลือบมองใบหน้าคนข้างๆ ที่เขินหน้าแดงจัดก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเธอมีใบหน้าสวย ดวงตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย มีอะไรให้ชวนมองไม่น้อยเหมือนกัน “ชื่ออะไรล่ะหนู” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความเอ็นดู “ไปรยาค่ะ เรียกปรายก็ได้” เธอยกมือไหว้อย่างมีมารยาททำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกถูกชะตา “คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายต้องการใช้อะไรบอกปรายได้เลยนะคะ เห็นตัวเล็กแบบนี้ปรายเก่งแรงเยอะนะคะ” “เรียกห่างเหินจัง เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก” “แค่กๆ” คราวนี้ภูมิพยัตสำลักน้ำลายตัวเอง ไม่คิดว่าแม่ของเขาจะแสดงความชื่นชมออกหน้าออกตาแบบนี้ “มิกล้าค่ะ ปรายมาอยู่ในฐานะลูกจ้าง ไม่สมควรตีตนเสมอนาย” “พูดจาน่าฟังดีจัง เอาเถอะๆ งานที่นี่ก็มีแค่ดูแลคนแก่อย่างเราสองคนกับลูกชายหัวรั้นอีกคน แต่ถ้ามันกล้าหือละก็มาฟ้องพ่อกับแม่ได้นะ เอ่อแล้วนี่นอนที่ไหนล่ะ มานอนเรือนใหญ่กับพ่อแม่ก็ได้นะ ไอ้ลูกบ้านี่มันก็สร้างบ้านหลังใหญ่แต่ให้พ่อกับแม่อยู่กันแค่สองคน ตัวมันรึดันไปอยู่อีกหลัง” “ปรายอยู่บ้านผม” ภูมิพยัตพูดตัดบท “ผมไม่ไว้ใจเกิดมาลักขโมยหรือทำร้ายพ่อกับแม่ขึ้นมาจะว่ายังไง” “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ” เธอหันไปเถียงเขา แต่ริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นทำให้เขาต้องเบือนหน้าไปทางอื่น แล้วยกมือโบกไปมา “คำพูดไม่น่าเชื่อถือเท่าการกระทำ ผมจะรอดูแล้วกันว่าคุณเป็นอย่างที่ตัวเองพูดหรือเปล่า” เขาหยิบแว่นกันแดดที่เหน็บไว้ที่คอเสื้อมาสวม “ผมไปทำงานแล้ว ฝากแม่อบรมงานให้..เอ่อ...ปรายเขาด้วยละกัน” “จ๊ะลูกภูมิไปทำงานเถอะลูก” ภูมิพยัตมองหญิงสาวด้วยหางตาแบบดูถูกไม่ปิดบังเลยสักนิด เขาก้าวยาวๆแล้วเดินออกไปเพื่อจะไปเอารถที่บ้านขับไปทำงาน ยัยเด็กขาดสารอาหารนี่ยังไงกัน พ่อกับแม่เห็นแค่ไม่กี่นาทีก็ดูท่าทางจะชอบเอาเสียมากมาย รู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าเธอไม่ใช่แม่บ้านธรรมดาแน่ๆ ไปรยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างเดินออกไปลับตา แล้วเธอก็นึกได้ว่าทำกิริยาไม่เหมาะสมก็หันไปยิ้มน้อยๆ เป็นเชิงขอโทษผู้ใหญ่ทั้งสอง “คุณท่านดื่มอะไรคะ” “กาแฟดำจ๊ะ” คุณแม่เป็นฝ่ายตอบให้ “คุณท่านน่าจะดื่มชาสมุนไพรหรือน้ำผลไม้นะคะ ดีกับสุขภาพมากๆเลยค่ะ” “แม่เคยทำแล้วล่ะ แต่พ่อเขาว่ามันเหม็นน่ะ” “ถ้าคุณท่านกับคุณผู้หญิงไม่ว่าอะไร ปรายขอลองทำให้ชิมได้ไหมคะ ปรายเห็นมีใบบัวบกกับใบเตย ฝีมือใครปลูกพืชผักสมุนไพรคะนี่” “ก็พ่อนี่แหละ แต่ไอ้เสือมันมาช่วยขุดแปลงดินให้” ชายวัยหกสิบเจ็ดตบเข่าฉาดอย่างเพิ่งนึกได้ “ฉันล่ะชอบหนูปรายจริงๆ เอาอย่างนี้เรียกพ่อบุญก็ได้ ชื่อเต็มนะพ่อชื่อบุญมา ส่วนนั้นแม่รำเพย หนูปรายก็เรียกเราสองคนว่าพ่อบุญกับแม่รำเพยก็ได้นะ” “นั้นซิ ไม่ต้องไปสนใจตาภูมิหรอก ถ้าเขาว่าก็บอกไปเลยว่าพ่อกับแม่สั่ง” “ขอบคุณค่ะ” ไปรยาหัวเราะออกมาเบาๆ ดีใจที่ได้เจอท่านทั้งสองที่เมตตา “แม่รำเพยเขาก็อยากได้ลูกสาวน่ารักๆอย่างหนูปรายนี่แหละ แต่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเลยมีไอ้เสือแค่คนเดียว” คุณบุญมาพูดยิ้มๆ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ร้ายกาจอะไรอย่างที่ลูกชายระแวง “ว่าแต่หนูเป็นแม่บ้านจริงๆเหรอ” “ค่ะ” ประโยคคำถามของคุณบุญมาทำให้เธออดยิ้มไม่ได้ อยู่กับท่านทั้งสอง ทำให้นึกถึงตอนสอนเด็กๆ ที่โรงเรียนเหลือเกิน “แล้วใครแนะนำมาล่ะ” คุณรำเพยถามอย่างเอ็นดู “เอ่อ..คุณเจนนี่ค่ะ” ไปรยาตอบไปตามที่เธอพอจะจำได้จากที่พูดคุยกับภูมิพยัต สองสามีภรรยาหยุดไปเล็กน้อย หันมามองกันด้วยสายตาสงสาร ทั้งสองพอรู้มาบ้างว่าเจนนี่ที่เป็นสาวประเภทสองนั้นคือ ‘แม่เล้า’ ที่หนุ่มๆมีเงินจะไปหาเพื่อได้ผู้หญิงร่วมหลับนอน แต่ท่าทางใสซื่อดูไม่ประสีประสาแบบนี้ มันกลับทำให้ท่านทั้งสองเข้าใจว่า ไปรยาคงมีความจำเป็นอะไรบางอย่างถึงต้องทำงานแบบนั้น ผู้หญิงที่ทั้งสองเคยเจอร้ายกาจนัก ต่อหน้าลูกชายก็ทำดี แต่พอลับหลังก็ผิดกันอย่างกับหน้ามือกับหลังเท้า ไปรยาไม่แน่ใจว่าตัวเองทำอะไรผิดไป เห็นสีหน้าท่านทั้งสองดูเปลี่ยนไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้อย่างเมตตา “เอาเถอะๆ จะมาจากไหนก็ช่าง อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรต้องกลัว ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาคนแก่ๆ อย่างเราได้” “ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ปรายมีปัญหาเดียวคือครัวที่บ้านคุณพยัตไม่มีของสดทำกับข้าวเลยค่ะ” “มาใช้ครัวที่นี่เลยจ๊ะ ปกติบ้านนั้นไม่ค่อยทำอาหารอะไรหรอกนอกจากกับแกล้ม” คุณรำเพยบอก “แล้วคุณท่านอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ ปรายพอทำอาหารได้ไม่รู้จะถูกปากหรือเปล่า” “ดีเลย แม่เขาชอบทำกับข้าวจะได้มีลูกมือไว้คอยช่วย” คุณบุญมาพยักหน้าให้ “อีกเรื่องค่ะ คุณพยัตบอกว่าคุณท่านเป็นเบาหวาน ปรายขอดูค่าน้ำตาลได้ไหมคะ จะได้ทราบว่าต้องเตรียมอะไรให้บ้าง” สองสามีภรรยามองหน้าด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง ถ้าไปรยาถูกเจนนี่แม่เล้าส่งตัวมาจริงๆ ทำไมถึงสนใจเรื่องอะไรแบบนี้เล่า เธอควรเอาเวลาไปสนใจเรื่อง ความสวยความงามของตัวเองเพื่อรอปรนเปรอลูกชายของทั้งสองมากกว่า คุณรำเพยพยักหน้าให้ไปรยาเดินตามเข้าไปในครัว หญิงสาวรู้สึกสบายใจ แม้ว่าจะต้องโกหกที่มาที่ไปของตัวเอง เธอตั้งใจว่าระหว่างที่หลบซ่อนตัวที่นี่ หากยังไม่ถูกจับได้ ก็จะขอทำงานเพื่อตอบแทนความเมตตาที่ท่านทั้งสองมีให้ ส่วนผู้ชายหน้าโหดคนนั้นนะเหรอ เธอไม่คาดหวังให้เขามองเธอดีกว่านี้หรอก! ภูมิพยัตทำงานอย่างไม่เป็นสุขนัก เพราะห่วงคนที่บ้านไม่รู้แม่บ้านคนใหม่จะทำงานได้ดีอย่างปากพูดหรือเปล่า พอได้เวลาเลิกงานเขาก็ต้องรีบกลับ ทั้งที่ปกติเขาจะอยู่ที่โรงงานจนเย็นค่ำเรียกว่ากลับคนสุดท้ายเลยก็ว่าได้ งานที่โรงงานแปรรูปไม้ค่อนข้างยุ่ง ต้องคอยดูรถขนไม้ยางพารามาส่ง ตีราคาก่อนจ่ายเงิน รวมทั้งคนมาซื้อ บางก็มาซื้อเพื่อทำฟอร์นิเจอร์ และอื่นๆ ไม้ยางพาราแปรรูปมีหลายรูปแบบ ทั้งอัดน้ำยากันตัวมอดตัวแมลงกินหรือแบบธรรมดาสำหรับผู้ที่ใช้งานไม่ต้องการเก็บชิ้นงานไว้นานนัก ไม่ใช่เพียงแต่ไม้แปรรูปขนาดต่างๆ ยังรวมถึงขี้เลื่อยด้วย เย็นนี้เขาออกจากโรงงานตั้งแต่ห้าโมงเย็น ขนาดรปภ.ของโรงงานยังแปลกใจ ขับรถไม่กี่นาทีก็มาถึงเรือนใหญ่ของพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ของเขาก็ใจดีเกินไป กลัวจะตกหลุมพรางเข้าให้ เห็นหน้าตาใสๆไม่แน่ว่าอาจจะมาหลอกให้ใครต่อใครตายใจแล้วค่อยเผยธาตุแท้ของตัวเอง ถึงไม่ไว้ใจผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าหวานๆ คนนั้นมากแค่ไหน แต่เขาก็ตั้งใจเก็บเธอไว้ใกล้ตัวเขา หากเธอไม่ใช่คนดีอย่างที่พูด เขาจะเอาคืนอย่างสาสมที่สุด ลงทัณฑ์แบบที่เธอจะต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว ภูมิพยัตเดินอ้อมไปทางด้านข้างของบ้าน บริเวณห้องนั่งเล่นออกแบบให้เป็นกระจกใส เชื่อมต่อมาที่สวนย่อมข้างบ้านได้อย่างพอดี เป็นมุมโปรดของพ่อกับแม่ที่จะพักผ่อนและใช้เวลาตลอดวันที่นี่ แต่เสียงหัวเราะของท่านทั้งสองทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ถึงแม้พ่อกับแม่จะเป็นคนอารมณ์ดีหัวเราะง่าย แต่ใครกันทำให้เสียงหัวเราะเกิดขึ้นในบ้านได้ล่ะ “คุณภูมิเอ๊ย!คุณพยัตกลับมาแล้วเหรอคะ” ภูมิพยัตทำหน้ายุ่ง ไม่ค่อยชินกับการทักทายเมื่อกลับบ้านนัก เขาถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกสะบัดฝุ่นก่อนจะพาดมันไว้กับพนักเก้าอี้ แล้วมองหน้าพ่อกับแม่สลับกันไปมาหาสิ่งผิดปกติอยู่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม