หรือว่าเขาก็เป็นเกย์เหมือนกัน?

1383 คำ
ยังทำใจเรื่องได้ไกด์ไม่สมประกอบมาไม่ได้ วันนี้ผมก็เลยตัดสินใจยังไม่ไปเที่ยว แต่คุณแอนก็ดันคะยั้นคะยอให้ผมไปเที่ยวกับลูกชายตัวเองอยู่นั่น ใช่ครับ พูดไม่ผิด เขาคะยั้นคะยอผมแกมขอร้องให้ไปเที่ยวกับปั้นรักเพราะเธอไม่อยากให้มันมานั่งๆ นอนๆ เดินหัวฟูเคราเฟิ้มร่อนไปร่อนมาอยู่ในเกสต์เฮ้าส์ให้เป็นที่รำคาญสายตาของแขก อันนี้ผมไม่ได้พูดเองนะ คุณแอนเป็นคนพูดเองเลยเถอะ ตอนผมลงมากินข้าวเช้าก็พอเข้าใจว่าเพราะอะไร เธอถึงไม่อยากให้มันอยู่ ก็ดูสภาพมันสิ โอ้โห หัวฟู เคราเฟิ้มไม่พอ นี่แม่งใส่เสื้อกล้าม นุ่งผ้าขาวม้าเดินโทงๆ ไปมาในเกสต์เฮ้าส์แม่ตัวเองชนิดไม่เกรงใจแขก เห็นสภาพมันอย่างนั้น ผมก็ว่าสะอิดสะเอียนแล้วนะ น้ำท่าก็ไม่อาบ ฟันฟางแปรงหรือยังก็ไม่รู้ เที่ยวทักแขกไปทั่ว อะไรไม่ว่า แม่งมานั่งตรงโต๊ะถัดไปจากผม หันหน้าเข้าหา จิบกาแฟกับอาหารเช้าแบบอเมริกันเบรกฟาสต์ อ่านอะไรไม่รู้ในโทรศัพท์ไปด้วย ถ้ามันนั่งอ่านดีๆ ผมจะไม่ว่าเลย จู่ๆ ยกขาขึ้นมาวางบนเก้าอี้ข้างนึง จังหวะเดียวกับที่ผมเหลือบตาไปมองทันที ไข่แล่บ! โอ้โหไอ้ปั้นรัก! กูจะอ้วก มึงให้เกียรติไข่ดาวในจานกูหน่อยเถอะ! โยนช้อนส้อมทิ้งทันที ไม่กงไม่กินต่อมันละ ความจริงมันก็ไม่ได้เห็นอะไรอย่างที่ผมอุทานหรอก มันใส่กางเกงบ็อกเซอร์ไว้ข้างใน แต่คือเข้าใจไหม คนกำลังกินข้าวอะ แล้วมาเห็นอะไรแบบนี้ตอนกำลังจะตักไข่ดาวเข้าปาก คิดว่าผมจะกินต่อลงเหรอ รีบขึ้นห้องมาล้างหน้าล้างตาเพื่อลบภาพอุบาทว์ของมันแทบไม่ทัน ทำไมต้องมาเห็นอะไรแบบนี้แต่เช้าด้วยวะ ถึงจะเป็นเกย์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะโอเคกับการได้เห็นอะไรแบบนี้นะเว้ย ผมก็เลือกดูเหมือนกัน ปวดหัวหนึบกว่าเดิมด้วยหลังจากที่ผมตัดใจทิ้งอาหารเช้าของเกสต์เฮ้าส์ คุณแอนก็ขึ้นมาคุย แล้วเนื้อหาก็เป็นอย่างที่ผมบอกในตอนแรก แล้วทำไมกูต้องไปกับมันวะ คนตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไปคือลูกค้าไม่ใช่เหรอ? “นะคะคุณดื้อ ฉันไม่อยากให้ปั้นนั่งว่างๆ เฉยๆ น่ะค่ะ” “ผมก็เห็นเขาต้อนรับแขกดีนี่” ผมพยายามจะบอกปัด คุณแอนยู่หน้า “แต่ต้อนรับในสภาพแบบนั้น ฉันว่ามันไม่โอเคน่ะค่ะ” ไม่โอเคก็ไปบอกลูกตัวเองโน่น มาบอกผมทำไมก็ไม่รู้ ผมก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอก แต่พอคุณแอนเล่นบทดาวพระศุกร์ มีความดราม่าในชีวิตปุ๊บ... “คุณเป็นคนแรกและคนเดียวเลยนะคะที่ลูกชายฉันจะได้ลองงานด้วย ถ้าไม่ได้คุณดื้อก็คงไม่มีแขกคนอื่นอยากได้ไปเป็นไกด์แล้วล่ะค่ะ เจ้าปั้นมันก็ดื้อขนาดนี้ ส่งไปอยู่เมืองนอกกับพ่อ เรียนจบแล้วก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน กลับมาก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอีก ฉันล่ะกลุ้มใจ เป็นลูกคนเดียวแท้ๆ” เนี่ย... ผมก็เลยรู้สึกผิดทันที เหมือนเป็นคนบาปที่ทำให้ชีวิตเด็กจบใหม่พังพินาศยังไงก็ไม่รู้ “ได้ครับ ผมไปก็ได้” สุดท้ายแล้วผมก็ต้องตกปากรับคำไป คุณแอนมีสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที “งั้นเดี๋ยวฉันไปบอกปั้นให้เตรียมพร้อมนะคะ อยากไปที่ไหนก็บอกปั้นนะ” จากนั้นก็ทำท่าจะลงไปชั้นล่าง ผมนึกอะไรขึ้นมาได้ก็เลยรีบร้องเรียกไว้ก่อน “เอ้อ คุณแอนครับ ผมอยากจะขออะไรเรื่องนึง” “คะ?” “บอกมัน...ผมหมายถึงปั้นรักน่ะครับ บอกให้โกนหนวดโกนเคราที ผมไม่ค่อยชอบน่ะ มันดู...” “สกปรก” อันนี้คุณแอนเสริมให้อย่างรู้ทัน ผมไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยพยักหน้าไป “งั้นเดี๋ยวจะบอกให้ตัดผมด้วยแล้วกันนะคะ” ออกปากเองอย่างนี้ ผมก็พยักหน้ารับไปสิ พอผมพยักหน้าปุ๊บ คุณแอนก็บ่นพึมพำ “บักนิบอกให้ตัดผมกะบ่รู้จักตัด หนวดกะจงหลายแท้หลายว่า จนได้ให้ลูกค้าเว้าให้เนาะ" (ไอ้ลูกคนนี้ บอกให้ตัดผมตัดเผ้าก็ไม่ยอมตัด ดูซิ เคราก็ไว้ซะรกไปหมด ต้องให้ลูกค้ามาบ่น)” ผมก็ฟังไม่ทันหรอกว่าเธอบ่นอะไร แต่พอจะจับใจความได้ว่าเป็นเรื่องที่ผมบอกเมื่อกี้ ปั้นรักคงจะหงุดหงิดไม่น้อยทีเดียวถ้ารู้ว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้มันต้องโดนแม่ตัวเองบ่น แต่ช่างเถอะ ผมไม่อยากจะไปเที่ยวกับไกด์ที่มีสภาพไม่ต่างอะไรจากคนป่าหรอกนะ และพอผมรีเควสไปอย่างนั้น อีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง คุณแอนก็ให้เด็กมาตามผมที่ห้องเพื่อไปรอปั้นรัก ผมเลยเตรียมตัวลงไปที่ล็อบบี้ ระหว่างที่ผมนั่งรออยู่นั้น จู่ๆ สายตาก็สะดุดเข้าให้กับผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาข้างในด้วยสีหน้าเรียบเฉย ประเมินจากสายตาแล้วน่าจะอายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่สายตาผมจับจ้องไปยังใบหน้าของผู้ชายคนนั้นไม่หยุด โคตร...น่ารัก เออ ไม่ได้น่ารักแบบหน่อมแน้มตัวเล็กอะไรแบบนั้น พูดตรงๆ ก็คือเขาหล่อ รูปร่างสูงโปร่ง ผิวสองสีเรียบเนียน แต่งตัวทันสมัยเหมือนหลุดมาจากนิตยสาร ยิ่งเอาแว่นตาดำมาคาดผมหน้าให้เสยขึ้นอย่างนั้นนะ โคตรมีเสน่ห์เลย เล่นเอาผมมองไม่วางตาเลยล่ะ มองสักพักก็เหมือนผู้ชายคนนั้นจะรู้ตัว มองผมกลับบ้าง ผมเลยส่งยิ้มให้ แต่เขาไม่ยิ้มตอบ เดินเข้ามาหาแทน เดินมาอย่างเดียวไม่พอ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ทำเอาผมถึงกับชะงัก อย่าบอกนะว่าที่ส่งสายตาให้เมื่อกี้นี้จะทำให้รู้ตัวแล้วว่าผมเป็นเกย์? หรือว่าเขาก็เป็นเกย์เหมือนกัน? ถ้าเป็นอย่างนั้น แสดงว่าเรดาห์ดีมากเลยนะ ผมไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมาให้เห็นเลยสักนิด หากแต่ผมคิดผิดเมื่อพอผมหันไปมอง ตั้งท่าจะทักเฮลโหลสักคำ เผื่อว่าจะเป็นคนชาติอื่นที่ไม่ใช่ไทยหรือลาว อีกฝ่ายก็พูดออกมาก่อน “เบิ่งหยัง (มองอะไร)” เอ๊ะ ภาษาลาว “เบิ่งจั๋งซี่คึดหยังอยู่ สายตาหื่นคัก (มองอย่างนี้คิดอะไรอยู่ สายตานี่หื่นซะ)” ต่ออีกประโยค... สำนวนอย่างนี้มันคุ้นๆ แฮะ “เอ้า! ยังเบิ้งอีก เดี๋ยวกะจกตาบอดสะและชิไปหลิ้นใสใสกาฮีบบอกมา ลำลิลำไลเป็นตาชังหลาย (เอ้าๆ ยังจะมองอยู่อีก เดี๋ยวจิ้มตาบอด จะไปเที่ยวไหนก็รีบบอกมา พิรี้พิไรน่ารำคาญ” ไอ้นี่มัน...ปั้นรักนี่หว่า! ไม่ต้องแนะนำตัว ไม่ต้องเอ่ยชื่อ ไม่ต้องให้ใครบอก ผมก็รู้ได้เองเลยจากสำนวนการพูดของมันเนี่ย มึงนี่มันเงาะถอดรูปชัดๆ เลย! ผมเผลออ้าปากมองมันตาค้าง มันดูหงุดหงิดขึ้นมาทันควัน ก่อนจะเอานิ้วมาแหย่ปากผมหน้าตาเฉย “แมงหวี่บินเข้าชะแว้บ” “เฮ้ย ทำไรเนี่ย” รู้สึกตัวปุ๊บ ผมก็ปัดมือมันทิ้ง ปั้นรักเอามือที่แหย่ปากผมเมื่อกี้ขึ้นมาดู น่าจะมีน้ำลายผมติดอยู่นิดหน่อย มันก็เลยเอามาเช็ดกับกางเกง...ผม มึงนี่มัน... เห็นแล้วเส้นเลือดที่ขมับก็เต้นตุ้บๆ เลย ขณะที่มันเช็ดเสร็จก็พูดหน้าตาเฉย “เห็นอ้าปากค้างเป็นตาชังกะเลียจกเบิ่งดุ (เห็นอ้าปากหวอ หมั่นไส้เลยจกสักที)” แต่มึงจะมาเอานิ้วจกเข้าปากลูกค้าไม่ได้นะเว้ย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม