บรรยากาศบนรถ ภายใต้แอร์เย็นฉ่ำฉบับของคนที่อยู่แต่ในห้องแอร์ทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่กระทั่งในรถเขาชินไปซะแล้ว
ซึ่งแตกต่างจากลินดาที่เธออยู่หอพักธรรมดามีเพียงพัดลมตัวเดียว ด้วยค่าไฟในเมืองหลวงที่สูงลิ่วต่างจากบ้านเกิด และเจ้าของหอไม่อนุญาตให้เจาะผนังด้วยเธอจำใจที่จะต้องทนร้อน แต่อยู่มานานมันก็เริ่มชิน
ขณะรถกำลังจอดติดไฟแดง
"หนาวเหรอครับ" ว่าแล้วเขาก็ผ่อนความแรงของแอร์ลงให้จนลินดารู้สึกเกรงใจ
"มะ..ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน
"เรียกผมว่าคุณชินดีกว่านะครับ ทุกคนในบริษัทต่างเรียกผมว่าคุณชินกันทั้งนั้น"
"ค่ะ" ชินอมยิ้มออกมา เธอรับปากแต่ไม่ยอมเรียกเขา จนกระทั่งสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนมาเป็นสีเขียวอีกครั้งเขาก็เริ่มออกตัว
แต่เชื่อมั้ยว่าตั้งแต่ขึ้นรถมาลินดาไม่แม้แต่จะคุยกับเขาสักคำเลย หากเขาไม่ถามเธอ เธอก็คงจะเงียบไปจนถึงบ้าน
"เป็นยังไงบ้างครับทำงานวันแรก พอทำได้ไหม" ถึงความจริงเขาจะรู้อยู่แล้วว่าลินดาหัวไว แต่เขาก็อยากมีเรื่องอะไรคุยกับเธอหน่อย เขาอยากสนิทกับลูกน้องของตัวเอง เป็นกันเองให้มากกว่านี้ในเมื่อเรายังต้องทำงานร่วมกัน แต่ลินดานั้นดูจะปิดกั้นเรื่องอื่นๆ อยู่มากเขาจึงถามในเรื่องงานมากกว่า
"ก็..พอได้ค่ะ"
"ไม่หรอก ผมว่าคุณหัวไวเลยล่ะ ผมเลือกไม่ผิดจริงๆ"
"ขอบคุณค่ะ" พอท่านประธานบอกมาแบบนั้นเธอก็รู้สึกอุ่นใจ เธอเกรงว่าจะไปทำให้งานเขาเสียหายมากกว่า
"บอกทางผมทีคุณลินดา"
"เอ่อค่ะ" เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ขึ้นรถมายังไม่ได้บอกทางเขาเลยแย่จัง แต่เขาก็ขับมาถูกทางนะ แต่หอพักของเธอต้องเข้าไปในซอยหน่อย
"เดี๋ยวคุณจอดหน้าปากซอยตรงนั้นก็ได้ค่ะเดี๋ยวดิฉันนั่งวินเข้าไป" ลินดาชี้มือไปยังซอยตรงหน้าที่อยู่ไม่ไกล มีนักศึกษาและคนทำงานหลายคนยืนรอรถประจำทาง
"แทนตัวเองว่าลินเถอะครับ เลขาผมค่อนข้างที่จะเป็นกันเอง" เชื่อไหมว่าเขาไม่เคยที่จะทำให้ใครเรียกแทนตัวเองแบบนี้สักคน ลินดาสบประมาทเขามากเกินไปแล้ว หึหึ
หญิงสาวพยักหน้าให้ก่อนจะมองพื้นที่ว่างช่วยเขาให้พอได้จอดรถ
"แล้ววินที่คุณพูด หมายถึงวินมอเตอร์ไซค์ใช่มั้ยครับ"
"ใช่ค่ะ ปกติลินก็นั่งวินออกมาทุกวัน" เขาเก็บเอาสิ่งที่เธอบอกนั้นมาประมวลผล แล้วหากวันไหนมีงานเลิกค่ำ อย่างเช่นเคลียร์งานค้าง หรือหากมีบ้างที่ต้องไปออกงานกับเขา เลขาคนก่อนจะเอารถส่วนตัวของตัวเองไปแล้วลินดาล่ะเธอจะไปมายังไง
"แล้วมันไม่อันตรายเหรอครับ" ขณะที่เขากำลังชะลอความเร็วลงเลยถามต่อ
"ไม่ค่ะ อีกอย่างลินชินแล้ว" เธอก็นั่งวินออกมาแล้วมาขึ้นรถสายต่อ
"บริษัทที่นั่นให้เงินเดือนคุณน้อยเหรอครับ ทำไมคุณถึงไม่ซื้อรถขับ"
"เอ่อ..พะ..พอดีลินขับรถไม่เป็นด้วยค่ะ" ชินแทบขำออกมาที่เขาดูบริษัทเดิมของเธอผิดไป
ลินดาเองเธอต้องส่งน้องเรียนด้วยไม่ใช่แค่เรื่องที่เธอขับรถไม่เป็นหรอก หากมีเงินซะอย่างก็จ้างคนมาสอนขับรถได้ แต่ตอนนี้น้องสาวเธอยังเรียนอยู่ไงจึงไม่ทันได้คิดถึงเรื่องรถ
ชินเองก็จอดรถตรงที่ลินดาบอก เขาเห็นตรงนี้มีคนยืนรอรถอยู่พอประมาณ แล้วในซอยที่เธอว่านั้นก็มีคนเดินเพ่นพ่านน่าจะไม่อันตรายอย่างที่เธอว่าจริงๆ
"ขอบคุณที่ให้ลินติดรถมานะคะ" หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณเขา
"ใครบอกครับ ตามจริงผมตั้งใจจะมาส่งคุณต่างหาก หึหึ"
".."
"ไปเถอะครับ" ลินดาพยักหน้าแล้วรีบลงจากรถ เผื่อเขาจะไปไหนต่อจะไม่ได้เสียเวลา เธอยืนส่งเขาจนกระทั่งอีกฝ่ายขับรถออกไป
ซอยที่ลินดาอยู่เป็นซอยที่มีทั้งนักศึกษาและคนทำงานอยู่กัน ผู้คนพลุกพล่านไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่ ไม่ว่าดึกขนาดไหนก็ยังมีคนเทียว ตัวคนเดียวแบบเธอก็อุ่นใจตรงนี้
เมื่อได้เข้ามาอยู่ในห้องเงียบ คนที่ดูไม่มีความทุกข์ใดๆบนใบหน้าภายนอกก็กลับมาเศร้าหมองลงอีกที คนที่เพิ่งอกหักไปไม่ถึงสองสัปดาห์ มันก็มีบ้างที่คิดถึงเขาคนนั้น แต่พอเห็นท่าทางหมางเมินแม้กระทั่งวันที่เธอเดินออกมา เขาทำเหมือนเธอไม่เคยมีค่าในสายตาของเขามาก่อน
ทำราวกับเกลียดกันมาเป็นชาติ แต่เธอโตแล้วก็ต้องดูแลตัวเอง ต่อไปหากจะรักใครต้องดูให้ดี ไม่เทใจไปให้ใครทั้งหมดแบบนี้
วันที่เขาบอกรักเขาก็ทำเหมือนรักมาก รักจนไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอได้ลงคอ
พอจะตัดเยื่อใยเขาหันหลังให้ทันที แค่เพียงความห่วงใยยังไม่มีเหลือ
แล้วคนที่เที่ยวกลางคืนติดต่อกันมาในช่วงเวลาที่ออกจากงาน มาเว้นช่วงว่างก่อนวันเข้าสัมภาษณ์งานสองวัน
วันนี้ว่าจะไม่ไปแต่เธอก็เหงายังทำใจไม่ได้ เธอไม่อยากอยู่ในห้องเงียบๆคนเดียว