พูดจบคนตัวสูงก็ทำท่าจะหันหลังกลับไปยังรถตัวเอง ทำให้พรนับพันเกิดอาการละล้าละลังมากยิ่งขึ้น จนบดินทร์ที่เพิ่งเดินลงจากรถตามมาเห็นท่าไม่ดีจึงช่วยพูดตัดสินให้ เพราะดูท่าทางแล้วจะตกลงกันไม่ได้
“ผมว่าคุณควรให้ผู้พันช่วยขับให้น่ะถูกต้องที่สุดแล้วครับ เพราะถ้าคุณขับรถตามแล้วเกิดหลงทางขึ้นมาจะยิ่งไปกันใหญ่ ที่สำคัญผู้พันชำนาญเส้นทางมากกว่า คุณคงไม่รู้ว่าพื้นที่แถบนี้เป็นแนวตะเข็บชายแดน ที่อาจจะมีพวกกองกำลังติดอาวุธของทหารกะเหรี่ยงซุ่มอยู่ แล้วยังมีเรื่องอาถรรพ์ของป่าที่หลายคนเคยพบเจอมาแล้ว ผมว่าคุณอย่าเสี่ยงดีกว่าครับ”
“หรือจะนั่งรอขอความช่วยเหลือจากพวกทหารกะเหรี่ยงอยู่ตรงนี้ก็แล้วแต่คุณ” แสนคมพูดอย่างไม่แยแสอีกครั้งก่อนจะหันไปทางรุ่นน้อง “ไปกันเถอะดิน”
คนถูกขู่ไม่มีทางเลือก ก็จริงอย่างที่เขาพูด เพราะถ้าเกิดเธอขับรถตามเขาไม่ทันล่ะ และจากที่นายทหารผู้มาใหม่เรียกนายทหารหน้าดุนั่นว่าผู้พัน ก็คงพอจะเชื่อถือได้แหละ
“ตกลงค่ะ”
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแสนคมก็ส่งกุญแจรถคันใหญ่ให้บดินทร์ ส่วนตัวเขาก็ก้าวขึ้นรถคันหรูที่เจ้าของเปลี่ยนไปนั่งเบาะข้างๆ แทน ก่อนจะพารถทะยานพุ่งปราดไปหมู่บ้านห้วยม่วง ซึ่งเป็นจุดหมายเดียวกับที่เขากำลังจะไปโดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีกเลย
พรนับพันลอบชำเลืองมองคนหน้าดุที่ทำหน้าที่ขับอย่างเดียวโดยไม่พูดไม่จา อย่างไม่รู้จะทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่ก็แปลกที่อาการหวาดกลัวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ค่อยๆ มลายหายไป ยิ่งเมื่อได้เห็นคนหน้าดุในระยะใกล้ๆ หญิงสาวก็อดคิดในใจไม่ได้ ทหารอะไรหน้าขาวเนียนอย่างกับผู้หญิง แต่ทำหน้าดุเหมือนโกรธใครมาอย่างนั้นแหละ ถ้าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ยินเขาพูด เธอคงนึกว่าเขาเป็นใบ้อย่างแน่นอน
“ไม่ทราบว่าหน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือครับ”
เสียงห้าวๆ ที่ถามทำให้คนแอบมองรีบเบือนหน้าหลบในทันควัน และไม่นานก็ผล็อยหลับอยู่ในท่านั้น เจ้าของเสียงเหลือบมองพลางคลี่ยิ้มที่มุมปากอย่างที่ไม่ได้ทำบ่อยนัก ก่อนจะขับรถคันงามตรงไปข้างหน้าท่ามกลางความเงียบสงบ จนกระทั่งถึงหมู่บ้านซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง
เขาชำเลืองมองหญิงสาวเจ้าของรถ ก็เห็นเจ้าตัวยังเอนซบหลับกับเบาะและไม่มีทีท่าว่าจะตื่น คาดว่าเธอคงอ่อนเพลียบวกกับที่รู้สึกหวาดกลัวก่อนหน้านี้ก็เป็นได้ เขาจึงเอื้อมมือหวังจะสะกิด ทว่าหญิงสาวกลับลืมดวงตาคู่โตขึ้นมาเสียก่อน
“ถึงแล้วหรือคะ”
พรนับพันเอ่ยถามด้วยเสียงงัวเงียในตอนแรก ก่อนจะขยี้ตานึกด่าตัวเองที่ไม่น่าเผลอหลับขณะอยู่กับคนแปลกหน้า พลางกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นแต่เพียงแสงไฟวับแวมตามบ้านเรือนบางหลังเท่านั้น เมื่อเหลือบดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นเป็นเวลาเกือบสองทุ่ม
“คุณจะไปหาใคร” แสนคมถามเสียงขรึมทั้งที่นึกขำท่าทางขยี้ตาราวกับเด็กของอีกฝ่าย
“ป้าพวงค่ะ”
พอได้ยินชื่อที่หญิงสาวเอ่ยออกมา แสนคมก็ขับรถคันงามแล่นตรงไปยังบ้านของเจ้าของชื่อที่เขารู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดีในทันที ในขณะที่พรนับพันมีสีหน้าแปลกใจ เพียงไม่นานก็ถึงที่หมาย และรถของแสนคมที่บดินทร์เป็นผู้ขับก็ตามมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน
พรนับพันค่อยๆ กดกระจกลงแต่ยังไม่กล้าก้าวลงจากรถ เพราะบรรดาหมาที่พากันเห่าเสียงขรม คงมีแต่ร่างสูงใหญ่ในชุดทหารที่เปิดประตูก้าวลงไปแล้วร้องทักหมาอย่างคุ้นเคย หลังจากนั้นไม่นานจากเสียงเห่าก็กลายเป็นเสียงร้องงี้ดๆ แทน
“เห่าอะไรกันวะไอ้มอม ไอ้ด่าง”
เสียงตวาดหมาที่ได้ยิน ทำให้น้ำตาของหญิงสาวที่เพียรสะกดกลั้นไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ตามลำพังและเผชิญกับความหวาดกลัวค่อยๆ ไหลริน ก่อนจะเปิดประตูรถแล้ววิ่งถลาลงไปหาหญิงวัยกลางคนร่างอวบท้วมที่ยืนอยู่ จนคนถูกโถมเข้าหาถึงกับผงะ และยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่โถมเข้ามาคือหญิงสาวที่นางเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย
“น้องขิม..มาได้ยังไง”
“ป้าพวงจ๋า” พรนับพันเรียกคนที่เปรียบเหมือนแม่คนที่สองเสียงสั่นเครือ น้ำตาที่ตอนแรกแค่ไหลรินแต่เวลานี้ไหลจนกบตาและตามมาด้วยเสียงสะอื้นฮัก
“ให้หนูอยู่ด้วยคนนะป้า”
“โอ๋...ไม่ร้องนะน้องขิม”
นางพวงโอบกอดร่างที่กำลังสั่นเทาเพราะแรงสะอื้นไว้อย่างปลอบประโลม พลางลูบหลังไปมาอย่างที่เคยทำเสมอยามอีกฝ่ายร้องไห้ รู้เลยว่าเจ้าตัวต้องมีเรื่องมาจากบ้านแน่นอนและคงร้ายแรงไม่น้อย ไม่อย่างนั้นหญิงสาวคงไม่ดั้นด้นมาหานางถึงที่นี่ แล้วอาการต่อมาก็คือใจหาย ก่อนจะหันไปทางเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ยืนมองอยู่นิ่งๆ
“ผู้พันไปเจอน้องขิมได้อย่างไรล่ะคะ”
ผู้พันหนุ่มรูปหล่อจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ก่อนจะปรายตามองไปยังหญิงสาวด้วยความรู้สึกกึ่งประหลาดใจ เขาไม่นึกว่าผู้หญิงแต่งตัวแรงๆ ที่พบในผับคืนนั้น กับคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนอยู่ในอ้อมแขนของนางพวงในขณะนี้จะเป็นคนคนเดียวกันได้
ท่าทางสะอื้นไห้ที่เห็นคงเป็นเรื่องร้ายแรงไม่เบา เธอถึงกล้าปล่อยความรู้สึกดังกล่าวออกมา โดยไม่เขินอายต่อสายตาของเขาและบดินทร์ที่ยืนมองอยู่ หรือไม่ก็คงลืมตัวนึกว่าอยู่กับนางพวงตามลำพัง
แต่ละสถานการณ์ที่พบผู้หญิงคนนี้ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และนั่นก็ทำให้ความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในหัวใจที่ไม่เคยหวั่นไหวต่อสิ่งใดมาก่อนของแสนคม จนอยากจะอุทิศแผ่นอกแกร่งของตัวเองให้ซบ แล้วเขาก็รีบปัดความรู้สึกบ้าๆ นั่นออกไป