บทที่ 1 ครอบครัวสุขสันต์ของพรนับพัน EP.1
“คุณเมธี จะไปไหนอีกล่ะ วันหยุดทั้งทีไม่คิดจะอยู่ติดบ้านบ้างเลยหรือไง หรือว่าอยู่แล้วจะทำให้คุณขาดใจตายเพราะความกระสัน อย่าลืมนะว่าเย็นนี้คุณต้องไปงานการกุศลกับฉัน”
คำพูดเหน็บแนมแกมประชดที่ดังมาจากคุณพรพรรณรายผู้เป็นภรรยา ทำให้คุณเมธีชะงักและหันไปมองอีกฝ่ายซึ่งนั่งเอนกายอยู่บนโซฟาตัวหรู ในชุดราตรียาวหรูหราสีงาช้างงดงาม ที่ลำคอสวมสร้อยเพชรเส้นเขื่องส่องประกายแพรวพราวบ่งบอกถึงความล้ำค่า ที่ข้อมือและนิ้วก็สวมเครื่องประดับหรูไม่ต่างกัน ถ้าเธอไม่มีอาการโกรธเกรี้ยวอย่างที่เป็นอยู่ ดวงหน้าที่ถูกแต่งไว้คงจะสวยงามกว่านี้มาก
“คุณก็ดีแต่ว่าผมคุณพรรณ ตัวคุณเองล่ะ เคยอยู่ติดบ้านบ้างหรือเปล่า” คุณเมธีพูดเสียงขุ่นแกมเหน็บตอบโต้กลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะหยุดยืนประจันหน้ากับภรรยาโดยไม่เดินหนีเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
“เห็นออกงานโน้นงานนี้เป็นประจำ สงเคราะห์กันเข้าไปเถอะลูกคนอื่นน่ะ ลูกตัวเองเคยสนใจบ้างไหม”
คุณพรพรรณรายเขม้นมองสามีในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบกริบ กางเกงสีเทาเข้มคัตติงสุดเนี้ยบ ด้วยแววตาหมั่นไส้ปนโกรธเกรี้ยว ใบหน้าของคุณเมธียังคงหล่อเหลา รูปร่างยังดูดีเพราะการดูแลเอาใจใส่ เธอรู้ว่าอีกฝ่ายออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
“ฉันออกไปงานก็ยังได้สงเคราะห์พวกเด็กๆ ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น และยังได้ทำประโยชน์ให้สังคม แล้วตัวคุณล่ะ! สงเคราะห์เฉพาะกับเด็กสาวๆ ที่มองคุณเป็นตาแก่หน้าโง่ หลอกเอาเงินเข้ากระเป๋าง่ายๆ ไม่อายเขาหรือไงเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แต่ทำตัวเยี่ยงนี้
ฉันจะต้องคอยแก้ตัวให้คุณไปถึงเมื่อไหร่กัน อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ ส่วนยายขิมน่ะ โตจนดูแลตัวเองได้แล้วคงไม่ต้องให้ฉันสนใจหรอก ลูกสาวคุณก็เหมือนคุณไม่มีผิด ไม่ได้เรื่องได้ราว ไม่ได้ดั่งใจฉันสักอย่าง”
คำพูดเย้ยหยันที่พรั่งพรูออกมาราวกับทำนบแตกนั้น ทำให้คนฟังหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างไม่แยแส แต่คุณพรพรรณรายกลับโมโหมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ
“เพราะไม่ยอมทำตัวตามที่คุณต้องการ ผมกับลูกก็เลยถูกคุณว่าไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างนั้นหรือคุณพรรณ ผมอยากเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องคอยปั้นหน้าโกหกใคร หรือสร้างภาพอย่างที่คุณชอบทำเพื่อรักษาหน้าเท่าชีวิต ผมอยากให้ผู้ร่วมสังคมของคุณมาเห็นคุณในสภาพนี้นัก ตัวตนที่แท้จริงของคุณพรพรรณราย นักสังคมสงเคราะห์ชื่อดัง”
น้ำเสียงเยาะเย้ยปนหัวเราะของสามี ทำให้ภรรยามีสีหน้าโกรธเกรี้ยวมากขึ้นเป็นลำดับ
“คุณไม่ต้องมาว่าฉันนะคุณเมธี ถ้าการเป็นตัวของตัวเองคือการเจ้าชู้ไม่เลือก ฉันก็ขอเป็นคนปั้นหน้าหลอกลวงคนอื่นต่อไป และไม่ใช่เพราะการปั้นหน้าของฉันหรือ ที่ทำให้คุณยังมีหน้ามีตาอยู่ในสังคม จำไม่ได้หรือไงที่คุณมีตำแหน่งใหญ่โตอยู่ในกระทรวงนำหน้าเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกัน นั่นก็เป็นเพราะฉัน”
ผู้เป็นสามีส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “คุณก็ลงท้ายด้วยการลำเลิกเรื่องนี้ทุกครั้ง ผมไม่ได้ขอร้องให้คุณทำนะ คุณก็ไม่ควรลืม”
“เพราะคุณเป็นอย่างนี้ไงเล่า เฉื่อยชาไม่กระตือรือร้น รู้อย่างนี้ปล่อยให้อยู่ดักดานเหมือนเดิมก็ดี”
“เอาละ ผมขี้เกียจเถียงเรื่องเดิมๆ กับคุณแล้ว พูดทีไรก็เป็นอย่างนี้ทุกที ไม่เบื่อบ้างหรือไง แล้วช่วยไปส่องกระจกดูหน้าตัวเองก่อนออกจากบ้านด้วยนะว่าดูได้หรือเปล่า แล้วโทร. บอกด้วยแล้วกันว่าจะให้ผมแสดงละครตอนไหน”
คุณเมธีทิ้งท้ายก่อนจะเดินลิ่วๆ ออกไปโดยไม่เหลียวหลัง ไม่นานเสียงรถยนต์แล่นออกไปก็ดังขึ้น โดยมีภรรยามองตามด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเจือความเจ็บช้ำที่สามีไม่มีวันได้เห็น
คงไม่มีใครแบกความรู้สึกไว้บนบ่าได้เท่าเธออีกแล้ว
สามีที่เคยรักกันมากสมัยหนุ่มสาว จนได้รับการยกให้เป็นคู่รักตัวอย่าง มีแต่คนชื่นชมบอกว่าสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก แต่ครั้นอยู่กันไปไม่ถึงสิบปี ความรักที่เคยมีต่อกันก็ค่อยๆ จืดจางลง กระทั่งตอนนี้ต้องแยกห้องนอนกันเป็นกิจจะลักษณะ จะเหลือก็แค่การหย่าขาดจากกันเท่านั้นที่ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งเธอยอมรับว่าเป็นการรักษาหน้าตัวเองอย่างที่สามีพูดจริงๆ
แม้จะต้องทนฝืนความรู้สึก เพื่อให้คนอื่นมองว่าชีวิตครอบครัวยังเปี่ยมไปด้วยความสุข เป็นครอบครัวตัวอย่างที่ยังรักใคร่กลมเกลียวกัน เมื่อมีข่าวความเจ้าชู้ของสามีตามสื่อครั้งใด คุณพรพรรณรายจะต้องคอยแก้ตัวให้ทุกครั้ง
เธอซบหน้าที่แต่งไว้อย่างสวยงามลงบนพนักโซฟา ดวงตาที่ฉายแววเจ็บช้ำมีรอยฝ้าน้ำตาจางๆ
“ทะเลาะกันอีกแล้ว ไม่รู้จักเบื่อหรือไงนะ”
พรนับพันยืนบ่นงึมงำอยู่ตรงชั้นบนสุดของบันได เธอยืนฟังบุพการีทุ่มเถียงกันชัดเต็มสองหู ขณะที่คนในบ้านคงชาชินจนเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่ทำใจให้ชินชาไม่ได้เสียที แล้วหญิงสาวก็ก้าวลงบันไดโค้งหรูหราที่ใครมาที่นี่ได้เห็นเป็นต้องเอ่ยชม
เสียงย่ำเท้าลงบันไดของบุตรสาว ทำให้คนเป็นแม่ที่กำลังอยู่ในอารมณ์หมองเศร้า รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พร้อมกับหันขวับไปมองแล้วพูดจาประชดประชันออกไปทันที