“นั่นเพื่อนๆ พี่หรือเปล่าครับ”
บดินทร์บอกพลางชี้ไปยังโต๊ะทางด้านขวามือ แสนคมมองตามแล้วก็ยิ้มออกมาได้เพราะเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทเขาจริงๆ พวกนั้นกำลังโบกไม้โบกมือให้ เขาจึงเดินตรงเข้าไปหาทันที
“ว่าไง...ไอ้ผู้พันหน้าขาว” พันตรีธีรดนย์ ทหารเสือจากค่ายนวมินทราชินี ทักทายด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าเหมือนเคย ทว่าคนถูกทักกลับมองอย่างฉุนๆ
“เลิกเรียกข้าอย่างนี้ได้แล้วไอ้ธี”
เพราะสิ่งที่เพื่อนทักเป็นจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของตัวเอง แต่โชคยังดีที่เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงถูกหมายหัวว่าเป็นเกย์อย่างแน่นอน ทั้งที่พยายามตากแดดทำสารพัด แต่ผิวก็คล้ำได้ไม่นาน ก็กลับมาขาวเหมือนเดิมอีก
ธีรดนย์หัวเราะเสียงดัง “ก็หน้าเอ็งขาวจริงๆ นี่หว่าไอ้คม เป็นทหารภาษาอะไรวะ หน้าขาวยิ่งกว่าผู้หญิง”
เพื่อนๆ มักจะเรียกเขาว่าคมกันทุกคน มีเพียงครอบครัวเท่านั้นที่เรียกว่าแสนคมตามชื่อจริง
“ข้าเห็นด้วยกับไอ้ธีว่ะ ว่าหน้าเอ็งขาวจริงๆ เมื่อกี้เห็นเอ็งโผล่มายังนึกว่าพระเอกละครเกาหลีเลยว่ะ” พันตรีอภิเชษฐ์ นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทยพยักหน้าเห็นด้วย
คนถูกกระเซ้าทำหน้าบูดทันใด “เอ็งก็พลอยเป็นไปกับเขาด้วยนะไอ้เชษฐ์” แล้วจึงหันกลับไปพูดแดกดันธีรดนย์บ้าง
“แล้วทหารเสือที่กลัวเมียจนกลายเป็นแมวอย่างเอ็งน่ะ ออกจากบ้านมาได้ยังไงวะ”
“อ้าว...ไอ้นี่ เล่นของสูง ข้าก็เอาเอ็งมาเป็นข้ออ้างยังไงล่ะไอ้คม” คนถูกว่าแดกดันบอกเพื่อนพลางยักคิ้วให้ ไม่ได้สลดที่โดนกล่าวหาว่ากลัวเมียแม้แต่น้อย ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนอีกสองคน ก่อนจะมองไปทางบดินทร์
“ดินเองหรือที่ย้ายไปอยู่กับเพื่อนพี่ จำพี่ได้หรือเปล่า”
บดินทร์ยิ้มรับพลางยกมือขึ้นไหว้รุ่นพี่ทั้งสามคนที่คุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี
“ใครจะจำกลุ่มพี่แสนคมไม่ได้ล่ะครับ ออกจะโด่งดังด้านกีฬาแล้วยังเป็นขวัญใจสาวๆ อีก”
“คนโด่งดังคงเป็นไอ้แสนคมคนเดียวแหละมั้ง แต่ดีแล้วที่เพื่อนพี่มีคนรู้ใจไปอยู่ด้วยจะได้ทำงานกันอย่างสบายใจ” อภิเชษฐ์พูดยิ้มๆ หลังจากยกมือรับไหว้รุ่นน้องที่คุ้นหน้ากันดีเพราะห่างกันแค่รุ่นเดียว
“เฮ้ย...ไอ้เชษฐ์เอ็งพูดให้มันเคลียร์ๆ หน่อย คำว่ารู้ใจน่ะใช้ได้เฉพาะคนเป็นแฟนหรือคู่รักกันนะโว้ย กรณีของข้ากับดินน่ะใช้ไม่ได้เว้ย ฟังแล้วเหมือนเป็นคู่เกย์” แสนคมโวยวายจนคนพูดหัวเราะก๊ากแต่ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสิ...ข้าใช้คำผิดว่ะ ต้องเรียกว่ารู้เส้นกันถึงจะถูก”
บดินทร์หัวเราะแห้งๆ “ใช่แล้วครับพี่ นั่นละถูกต้องเลย ผมยิ่งโดนที่บ้านหาว่าชอบไม้ป่าเดียวกันอยู่ด้วย เมื่อกี้ก็ถูกพวกสาวแท้สาวเทียมที่นั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์โน่นผิวปากแซว”
“มันก็สมควรหรอกว่ะ เดินเข้ามาเป็นจุดเด่นซะขนาดนั้น อยู่กับเพื่อนพี่ก็คอยห้ามปรามมันบ้างนะ อย่าให้มันบ้าดีเดือดนัก ร่างกายคนเราไม่ใช่เหล็กไหล ถึงแม้ทหารอย่างเราจะถูกสั่งสอนไม่ให้เกรงกลัวต่อความตายก็ตาม แต่ความตายก็น่ากลัวมิใช่หรือวะ”
พันตรีกิตติ นายทหารสังกัดเดียวกับพันตรีอภิเชษฐ์บอกรุ่นน้องเสียงเข้ม แต่จริงๆ แล้วเขาตั้งใจจะบอกเพื่อนโดยตรงนั่นแหละ เพราะใครๆ ในรุ่นต่างก็รู้ดีว่าแสนคมบ้าดีเดือดไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ขนาดไหน ซึ่งตรงกันข้ามกับหน้าตาอย่างสิ้นเชิง และที่แสนคมไม่กลัวใครไม่ใช่เป็นเพราะกร่าง ถือว่าตัวเองเป็นลูกชายของแม่ทัพภาค หรือมีลุงเป็นนายตำรวจใหญ่แต่อย่างใด แต่เพราะเขามีนิสัยตรงไปตรงมา สิ่งไหนไม่ถูกต้อง ก็อย่าหวังว่าเพื่อนเขาจะปล่อยให้ผ่านไปได้
“ไหนเอ็งบอกว่าให้ทิ้งเรื่องงานไว้ข้างหลังไง ไอ้ป๊อดเสือกพูดทำไมวะ” คนถูกพาดพิงโวยวายอีกครั้ง
“นั่นสิไอ้ป๊อด เลิกพูดได้แล้ว นั่งในผับดันเอาเรื่องงานมาพูด” ธีรดนย์พยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะหันไปบอกบริกรที่มีหน้าที่ชงเหล้า “น้องไม่ต้องเดี๋ยวพี่ชงกันเองดีกว่า” แล้วจึงหันไปทางบดินทร์ซึ่งนั่งอมยิ้มอยู่
“เป็นน้องก็บริการพวกพี่หน่อยเถอะวะ”
“ได้ครับ” รุ่นน้องรับคำ แล้วจัดการเทเหล้านอกใส่แก้วโดยไม่ผสมอะไรแล้วยื่นให้แสนคม ที่รับไปกระดกเข้าปากด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วตบท้ายด้วยน้ำเย็น ท่ามกลางสีหน้าเหวอๆ ของบรรดาเพื่อนสนิท
“ไอ้คม เดี๋ยวนี้เอ็งเล่นเพียวๆ อย่างนี้เลยหรือวะ” กิตติเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นพลางทำท่าสยอง ถึงเขาจะเป็นคอเหล้าแต่ก็ไม่เคยดื่มเพียวๆ อย่างที่เพื่อนทำ
“นั่นสิ ไม่บาดคอตายห่าหรือวะนั่น” อภิเชษฐ์ก็มีท่าทีไม่ต่างกัน
คงมีแต่ธีรดนย์คนเดียวที่มองเพื่อนสนิทยิ้มๆ “เอ็งอยู่ที่นั่นคงซัดเหล้าป่าประจำสิวะไอ้คม ถึงกระดกเหล้าฝรั่งเพียวๆ แบบนี้ได้”
แสนคมพยักหน้าก่อนจะหันไปสั่งกับแกล้มสองสามอย่างกับบริกรแล้วจึงเฉลยให้เพื่อนฟัง
“อยู่กับชาวบ้านข้าก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับพวกเขาสิวะ เหล้าที่นั่นหมักเองล้วนๆ แล้วแรงๆ ทั้งนั้น” แสนคมหันไปมองเหล้านอกขวดโต “เหล้าพวกเอ็งน่ะจิ๊บๆ ว่ะ”
“แหม...เดาะภาษาวัยรุ่น แต่ข้าคงยอมแพ้ว่ะ ขืนแดกแบบเอ็งมีหวังกระเพาะข้าทะลุแน่ไอ้คม” กิตติยกมือยอมแพ้
“ข้าก็ไม่ได้กินทุกวัน นอกจากขัดไม่ได้เท่านั้น ไม่กินเดี๋ยวชาวบ้านจะหาว่ารังเกียจเขา”
แสนคมอธิบายให้เพื่อนๆ ฟัง โดยมีบดินทร์ซึ่งร่วมชะตากรรมเดียวกันกล่าวเพิ่มเติม
“ใช่ครับพี่ ชาวบ้านในหมู่บ้านไม่ได้มีแค่คนไทย ยังมีพวกกะเหรี่ยงอยู่ด้วยเกินครึ่ง บางครั้งเราก็ต้องผูกมิตรด้วยการร่วมสังสรรค์กับเขาเพื่อประโยชน์หลายๆ อย่าง”
แสนคมนั่งคุยกับเพื่อนๆ เพลิน เมื่อหันไปมองรอบๆ อีกครั้ง ก็เห็นนักท่องราตรีทยอยกันมาจับจองโต๊ะที่เคยว่างอยู่ก่อนหน้านี้จนเต็ม
“ผับดังๆ แถวๆ นี้ก็ยังอยู่กันได้นะ ดูสิวะเผลอแป๊บเดียวโต๊ะไม่ว่างซะแล้ว”
“อืม ข้าได้ข่าวว่าผับที่นี่มีเจ้าของเป็นพวกดาราน่ะ คนเลยมาเที่ยวเยอะ แล้วร้านก็ตกแต่งได้อย่างลงตัว แถมอาหารก็ใช้ได้ ที่สำคัญสาวๆ ที่มาเที่ยวสวยๆ ทั้งนั้น เอ็งเห็นสาวชุดดำนั่นไหมวะไอ้คม...หุ่นสวยชิบเป๋ง”
อภิเชษฐ์บุ้ยใบ้ให้เพื่อนมอง ธีรดนย์ซึ่งนั่งอยู่ใกล้เลยได้ยินจึงพลอยหันไปมองตาม แล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “นอกจากหุ่นจะสวยแล้วหน้าตาก็ยังสวยอีกว่ะ”
แสนคมหันไปมองตามสายตาและคำพูดของเพื่อนทั้งสอง ก็เห็นหญิงสาวผิวผ่อง รูปร่างสูงโปร่งในชุดเดรสเกาะอกสีดำสั้นเหนือเข่า ที่ต้องยอมรับว่าสวยตามที่เพื่อนบอกจริงๆ แต่เขาไม่ชอบชุดที่เธอสวมเลยเพราะดูโป๊เกินไป
“โป๊ไปว่ะ” เขาบอกเพื่อนโดยละคำว่าสวยไว้ในใจ
“ผมก็ว่าสวยนะพี่” บดินทร์เอ่ยชมอีกคนตามประสาผู้ชายที่ชอบผู้หญิงสวยๆ
“แหม...ไอ้คม เอ็งอยู่แต่ในป่าในเขา มาผับใครจะสวมชุดนางชีมาเที่ยวล่ะวะ ข้าว่าสวยดีออก ใช่ว่าผู้หญิงจะสวมชุดแบบนี้ได้สวยทุกคนซะเมื่อไหร่ ดูท่าทางเธอจะมั่นใจในตัวเองสูงซะด้วย” อภิเชษฐ์ค่อนเพื่อน
แสนคมมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตามองแก้วเหล้าในมือโดยไม่สนใจสิ่งใดๆ รอบตัวอีกเลย เขาพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้หันไปมองผู้หญิงคนนั้นอีก แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากบาร์เหล้าด้านในซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ที่กลุ่มของเขานั่งมากนัก และสาเหตุก็มาจากแม่สาวชุดดำนั่นเอง