(กูให้เวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวมาหากูตอนนี้ ไม่งั้นเตรียมตัวรับศพแม่มึงได้เลย ...เกะกะจริงๆเลยมึง พลั่ก! / ...โอ้ยย) ฉันรีบร้อนเก็บของทุกอย่างแล้วรีบออกจากบ้านแต่โดนมือใหญ่รั้งแขนไว้ก่อน
“ปล่อยนะ ฉันจะไปหาแม่
ฮือออ ปล่อยสิ!!!”
เขาไม่พูดอะไรแต่ลากฉันไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม
แล้วขับออกไปทันที ระหว่างทางฉันพยายามโทรกลับไปหาแม่แต่มันก็เหมือนเดิมคือติดต่อไม่ได้เพราะพ่อเลี้ยงน่าจะปิดเครื่องไปแล้ว
“ผู้ชายคนที่โทรมาคือใคร”
“พ่อเลี้ยงของฉันเอง ...ตอนแรกเขาเป็นคนดีมากๆ
แต่ช่วงหลังๆเขากลับ....” พอนึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้วมันทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ
“มันทำไม?” ไฟยังคงถามย้ำอยู่อย่างนั้น
“ไม่มีอะไรหรอก ...มันเป็นเรื่องในบ้านฉัน”
ฉันเลือกที่จะเลี่ยงคำตอบและหันหน้าออกไปมองด้านนอก
ในใจก็ร้อนรนจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว
“เล่ามาเถอะ ฉันอยากรู้”
“แต่ฉันไม่อยากเล่า ถ้านายไม่สะดวกใจจะพาฉันไปก็จอดเลยก็ได้
เดี๋ยวฉันหาทางไปเอง” ไฟมองกลับมาด้วยสายตาที่น่ากลัวมากๆ
เย็นชาจนขนในตัวฉันลุกเกรียวไปหมด
“อืม ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร
ฉันไม่ได้บีบคอให้เธอเล่าออกมานี่หว่า ต้องโมโหอะไรขนาดนั้น” ไฟขับมาจอดหน้าบ้านของแม่
จนฉันสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้จักบ้านของแม่ฉันด้วย
ฉันยังไม่ได้บอกทางเขาเลยนะ
“นายมาบ้านนี้ถูกได้ยังไง ฉันยังไม่ได้บอกทางให้เลยนะ”
“เธออยากได้คำตอบก่อนหรืออยากเข้าไปหาแม่เธอก่อนดีล่ะ”
จริงด้วย! ฉันรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน
พอเปิดเข้าไปก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่กับกลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งอยู่ภายในจนแทบจะอ้วกออกมาให้ได้
“มะ แม่ ฮืออ
แม่เป็นยังไงบ้าง ลิขอโทษ”
ฉันประคองร่างแม่ให้ลุกขึ้นนั่งอย่างเบามือเพื่อไม่ให้ร่างกายแม่บอบช้ำไปมากกว่านี้
ไฟที่เดินตามเข้ามาก็มาช่วยพยุงแม่ของฉันอีกแรงนึงก่อนจะอุ้มร่างของแม่ไปที่รถของเขา
“มาหาลุงแล้วหรอหนูมะลิ” กลิ่นสาบตัวที่ผสมกับกลิ่นเหล้าลอยมาจากทางด้านหลังทำให้รู้ว่าพ่อเลี้ยงมายืนอยู่ด้านหลังฉันได้สักพักแล้ว
เฮือก!!
“ทำไมลุงทำกับแม่หนูแบบนี้!!” ฉันตะโกนใส่หน้าพ่อเลี้ยงไปด้วยอารมณ์โมโหจนเกินที่จะอดกลั้นเอาไว้แล้ว
“จุๆ อย่าทำหน้านิ่วสิจ๊ะมะลิจ๋า
เก็บเสียงไว้นอนครางกับพี่เถอะนะ” พ่อเลี้ยงที่มีอาการเมาเหล้าอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ทำสายตาหื่นกระหายมองสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า
...จนฉันรู้สึกขยะแขยงสายตานั่นมากๆ
“ไอ้ทุเรศ!! คุณเป็นสามีของแม่ฉันนะ
อย่ามาพูดเรื่องทุเรศแบบนี้ให้ฉันได้ยินอีก ...ปล่อย!!!”ฉันที่กำลังจะเดินหนีก็โดนกระชากแขนให้เข้าไปใกล้ๆร่างอันโสมมของพ่อเลี้ยง
กลิ่นเหล้ากับกลิ่นบุหรี่ที่ปะปนมากับลมหายใจของเขามันน่าสะอิดสะเอียนที่สุด
“แล้วก็จะเป็นผัวหนูอีกคนไงจ๊ะ ...ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพี่จะทำเบา
ฮ่าๆๆ ...โอ้ย!!
มึงเป็นใครวะ” ระหว่างที่กำลังยื้อยุดกับพ่อเลี้ยงนั้น
อยู่ๆก็มีเท้ายื่นมาจากด้านหลังของฉัน ถีบเข้าที่ท้องของพ่อเลี้ยงจนล้มกลิ้งไปอีกทาง
“นาย...” ไฟมายืนบังข้างหน้าฉันแล้วทำสายตาที่น่ากลัวมากจนพ่อเลี้ยงฉันมีผวาไปนิดนึงก่อนที่มันจะปรับให้แววตาเป็นปกติ
“ไปดูแม่เธอที่รถก่อนไป ฉันโทรเรียกรถพยาบาลแล้วคงกำลังจะมา”
ฉันพยักหน้าก่อนจะวิ่งออกไปดูแม่ สักพักนึงรถพยาบาลก็มารับตัวแม่ไป แต่ฉันไม่ได้ไปด้วยเพราะอาการแม่หนักมากจนบุรุษพยาบาลที่นั่งอยู่ข้างหน้ารถต้องมาช่วยคุณพยาบาลที่อยู่ด้านหลังอีกแรงนึง
“นาย ว๊าย!..นายเป็นอะไรหรือเปล่า ” พอวิ่งกลับเข้ามาในบ้านก็เจอร่างของพ่อเลี้ยงนอนสลบอยู่ที่พื้นมีรอยเลือดกระเด็นเลอะไปตามพื้นนิดหน่อย
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ...ห่วงฉันหรือไง”
อยู่ก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์อีก
เปลี่ยนโหมดไวเกินไปมั้ยเนี่ย
“นายทำอะไรกับเขาน่ะ ..ต่อยเขาหรอ”
สภาพพ่อเลี้ยงตอนนี้คือเละมาก ใบหน้ามีแต่รอยเลือดและแผลก็เริ่มที่จะปูดออก
“เปล่าอ่ะ ...เอาเก้าอี้ฟาดที่หน้ามันแล้วเอาหน้ามันไปกระแทกกับกำแพงตรงนู้นอีกที”
นี่พูดมาได้อย่างหน้าตาเฉยเลยเนี่ยนะ ไฟก็ยืนรอฉันที่เดินเข้าไปหยิบเอกสารกับกระเป๋าเงินของแม่แล้วก็ไปโรงพยาบาลด้วยกัน
ทิ้งให้พ่อเลี้ยงฉันนอนจมกองเลือดรอรถพยาบาลอยู่ที่เดิม
“เธอจะเรียกรถพยาบาลให้มันทำไมวะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดระหว่างที่เราเดินทางไปหาแม่ของฉัน
“ฉันเรียนหมอนะ จะปล่อยให้เขานอนรอความตายได้ยังไงล่ะ”
ฉันอธิบายเสียงอ่อนไป ไฟกรอกตาไปมาแล้วถอนหายใจก่อนจะเหยียบคันเร่งให้เราไปถึงโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
“แม่หนูเป็นยังไงบ้างคะหมอ” ฉันนั่งรอที่หน้าห้องฉุกเฉินประมานครึ่งชั่วโมงหมอก็เดินออกมา
“คนไข้ไม่เป็นอะไรมากครับ มีรอยฟกช้ำที่ตามลำตัวนิดหน่อย
กินยาที่หมอสั่งประมาน 2 อาทิตย์
ก็จะหายเป็นปกติแล้วครับ” ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก
เหมือนภูเขาที่แบกมาในตอนแรกนั้นหายไปหมด ไฟทิ้งตัวนั่งลงข้างๆแล้วเอามือฉันไปจับ
“นี่นายปล่อยเลยนะ ..มาจับมือคนอื่นเขาแบบนี้ได้ยังไง
กลับไปได้แล้วล่ะ เดี๋ยวฉันอยู่เฝ้าแม่เอง”
ฉันพยายามที่จะแกะมือเขาออกแต่มันก็ไม่เป็นผลเพราะไฟจับไว้แน่นมากแถมยังเอานิ้วมาประสานกันอีก
“ขอบคุณสักคำยังไม่มี แล้งน้ำใจมากเลยเธอ” เขาปรายตามองแล้วเบะปากใส่
“ขอบคุณค่ะเฮียไฟ” ฉันอาศัยช่วงที่ไฟกำลังอึ้งอยู่นั้นรีบเดินหนีเข้าไปหาแม่ในห้องพักที่แม่โดนย้ายไป
FIRE ON
โห โคตรน่ารักเลยครับตอนที่มะลิเรียกผมว่าเฮียไฟ เสียงโคตรนุ่มอ่ะ พอผมกำลังจะเดินเข้าไปแขนก็โดนรั้งไว้จากทางด้านหลัง
พอหันไปมองก็เจอกับพลอยคู่ขาเก่าของผม
...มาทำไมตอนนี้วะ -_-
“ไฟมาทำอะไรที่นี่หรอคะ” พลอยถือวิสาสะควงแขนแล้วเอาหน้าอกที่เพิ่งอัพไซส์มาเบียดที่ต้นแขนของผม
อย่างออดอ้อน
“เรื่องของฉัน เธอยุ่งอะไรด้วย”
ถ้าใครคิดว่าผมจะตอบอย่างสุภาพบุรุษล่ะก็ คิดผิดแล้วล่ะ ผมไม่ใช่คนดีเรียกได้ว่าเลวเต็มขั้นเลยแหละ
“ทำไมพลอยจะรู้ไม่ได้ล่ะ พลอยเป็นเมียไฟนะ
ใครๆก็รู้” โอย
เบื่อมุขเสียตัวให้แล้วสถาปนาตัวเองว่าเมียมากเลยว่ะ
-_- มีคนมาพูดแบบนี้กับผมเป็นสิบคนต่อวันว่า ‘ฉันเป็นเมียเธอนะ’
ขอล่ะ เปลี่ยนประโยคกันบ้างได้ป่ะวะ
น่ารำคาญชิบหาย!
“เธอไม่ได้เป็นเมียฉัน เธอนอนกับฉันเพื่อแลกกับกระเป๋า
5 ใบ จำไม่ได้หรอ” ผมใจร้ายและหน้าด้านพอที่จะพูดประโยคนี้ดังๆจนหลายๆคนหันมามองที่ผมกับพลอย
จนเธอก้มหน้าลงอย่างอับอาย
“ไฟ! จะพูดเสียงดังทำไม พลอยอายเขานะ”
พลอยกระซิบแล้วทำน้ำเสียงไม่พอใจ แล้วทำไมผมต้องแคร์วะ ในเมื่อเรื่องที่พูดมันเรื่องจริง
ผมสลัดแขนจนพลอยเซออกไปหลายก้าว เธอก็ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่ไม่กล้าแสดงอาการอะไรมาก
“อายทำไม ทีตอนเธอพูดเธอยังไม่อายเลย
...แล้วทำไมฉันต้องอายด้วยล่ะ ?” พลอยกระฟัดกระเฟียดเดินออกไปซึ่งผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
เพราะตอนนี้จิตใจไปจดจ่ออยู่กับคนตัวเล็กที่วิ่งหายเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยแล้ว
“แม่จ๋า ถ้าหายดีแล้วย้ายไปอยู่กับลินะ
ถ้าเขาอยากได้บ้านเราก็เอาให้เขาไป ..ลิจะรีบเรียนให้จบไวไว แล้วหาเงินมารักษาแม่นะ”
ผมยืนฟังร่างบางที่พูดเจื้อยแจ้วกับแม่ตัวเองอย่างเพลิดเพลินจนแม่ของมะลิเงยหน้ามาเจอผมพอดี
“สวัสดีครับคุณแม่” มะลิเงยหน้ามามองหน้าผมอย่างอึ้งๆก่อนที่จะรีบหันกลับไปหาแม่ตัวเองทันที
“สะ สวัสดีค่ะ ..เพื่อนเจ้าลิหรอคะ”
...เอาไงดีวะบอกว่าอยากเป็นมากกว่ารุ่นพี่นี่เขาจะกลัวกูป่ะวะ
“รุ่นพี่ที่มหาลัยครับ ชื่อไฟ”
ผมปล่อยให้โมนั่งคุยกับแม่ไป ส่วนตัวเองก็นั่งอยู่ที่โซฟาด้านหลังฟังไปฟังมาก็เพลินเหมือนกันนะเนี่ย