ตามร่างกายของกลิ่นจันทร์เต็มไปด้วยร่องลอยของธรรพ์ เขาคือสามี เขาคือเจ้าบ่าว เขาคือผู้ชายคนเดียวที่หล่อนรักมาตลอด แต่ตอนนี้เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าความรักของตัวเองนั้นรักถูกคนหรือเปล่า กลิ่นจันทร์กอดตัวเองแน่นอยู่บนเตียงแล้วเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ใครคะ?” เธอร้องถามคนที่เคาะประตูห้อง
“แม่เองลูก” คุณนายผิงส่งเสียงร้องตะโกนตอบกลับมาด้วยรู้ดีว่าห้องนี้เก็บเสียงดีมากจึงร้องตะโกนตอบกลับมาดัง
“คุณแม่เหรอคะ” เธอรีบมองหาชุดตัวเองแล้วก็เห็นชุดเจ้าสาวแสนสวยที่ถูกทิ้งข้างเตียงอย่างไร้ค่าก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ แต่ก็ต้องรีบลุกกอดผ้าห่มห่อตัวเองเดินไปเปิดประตูห้อง แม้จะลำบากด้วยแข้งขาอ่อนแรงและเจ็บกลางกายความเป็นสาวยามขยับตัวและก้าวเดินก็ตามแต่
แอค!
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดกว้างออกพร้อมกับเจ้าของห้องและผู้มาหาที่ยืนส่งยิ้มให้ตัวเองอยู่หน้าห้อง
“เป็นอะไรรึเปล่าลูก เนี่ยก็บ่ายโมงแล้วนะหนูจันทร์” นางถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อเช้ากลิ่นจันทร์ไม่ได้ตื่นลงไปใส่บาตรกับตัวเอง พอให้เด็กขึ้นมาตามก็เงียบ นางจึงไม่รบกวนอีกเพราะคิดว่าเมื่อคืนหญิงสาวคงใช้พลังงานเยอะเลยอ่อนเพลียในเช้าวันนี้ และนางก็ลืมคิดไปเลยว่าหลังจากเข้าหอใครจะตื่นเช้าในวันถัดมากันเล่า
“หนูขอโทษนะคะวันนี้ที่ตื่นสายไม่ได้ลงไปใส่บาตรกับคุณแม่เลย” เธอบอกท่านอย่างรู้สึกผิด
“อือ ไม่เป็นไรหรอกลูก” มือเหี่ยวย่นยกขึ้นลูบหัวของหญิงสาวพร้อมกับมองที่ลำคอระหงแล้วอมยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นร่องรอยที่ลูกชายตัวเองให้ไว้บนร่างของกลิ่นจันทร์
“หนูปวดเมื่อยตัวไหมลูก เดี๋ยวแม่ให้เด็กเอายาแก้ปวดและข้าวขึ้นมาให้บนห้องนะ กินแล้วก็นอนพักผ่อนนะลูก”
“คะ...คือว่า...” แล้วก็ต้องก้มหน้าซ่อนความอายเมื่อรู้แล้วว่าท่านหมายถึงอะไรและสายตาของท่านก็จ้องมองแต่เนินอกของเธอที่โผล่พ้นจากผ้าห่มที่คลุมไม่มิด
“ไม่ต้องอายแม่หรอกหนูจันทร์ มันเรื่องปกติของชายหญิง หนูไปพักเถอะลูกแม่ไม่กวนแล้ว แม่จะลงไปสั่งให้เด็กนำยาและข้าวมาให้กินบนห้องนะลูก” นางบอกด้วยกลัวว่าลูกสะใภ้ที่รักจะไม่สบายได้เพราะดูสภาพที่ทรุดโทรมตอนนี้แล้วมีป่วยแน่ถ้าไม่กินยาดักไว้ก่อน เพราะมือที่ลูบหัวทุยเล็กแล้วมาจับที่แก้มนางก็ได้รับไออุ่นจากใบหน้าสวยซีดเซียวเหมือนจะเป็นไข้ด้วย
“ขอบคุณนะคะคุณแม่”
“ขอบคุณอะไรกันลูก งั้นแม่ไปก่อนนะลูก ตัวก็รุมๆ เหมือนจะเป็นไข้ด้วย กินยาดีแล้วดักทางไว้ก่อน” แล้วนางก็เดินจากไปทันที ส่วนกลิ่นจันทร์ก็ปิดประตูห้องแล้วเดินไปนั่งบนเตียงแล้วมองเห็นคาบเลือดที่เปื้อนบนผ้าปูที่นอน
“จันทร์เป็นของคุณดีแล้วใช่ไหมคะ” พึมพำถามตัวเองพร้อมยื่นมือไปลูบคราบเลือดที่แห้งติดผ้าปูเตียงสีชมพูไปมาก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำให้สดชื่น เพราะตอนนี้รู้สึกมึนหัวเล็กน้อยและตัวก็อุ่นๆ รุมๆ เหมือนจะเป็นไข้เหมือนคุณแม่บอก
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงประตูหน้าห้องทำงานดังขึ้นทำให้คนที่ไม่มีสมาธิทำงานตลอดทั้งวันเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสารตรงหน้าแล้วโทรไปถามเลขาหน้าห้องของตัวเองว่าใครมากันแน่ ทำไมไม่โทรมาแจ้งเขา พอรู้ว่าเป็นใครก็นึกได้ทันทีว่าตัวเองมีแฟนอยู่ ให้ตายสิเขาคิดถึงแต่เรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาจนลืมแฟนสาวที่บอกว่ารักมากรักหนาไป
“เข้ามาได้ครับ” เขาบอกคนที่ยืนรอหน้าห้องให้เปิดผลักประตูเข้ามา
แอค!
“คุณดีว่างอยู่ไหมคะ” เธอถามแฟนหนุ่มทันทีเมื่อเดินแทรกผ่านประตูเข้ามา
“ว่างครับ สำหรับตองผมว่างเสมอ แล้วเมื่อวานทำไมไม่รับสายผมเลย ผมโทรหาคุณทั้งวัน รู้ไหมผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหนที่รัก” เขาลุกจากเก้าอี้ทำงานเดินไปหาคนที่หย่อนก้นนั่งที่โซฟารับแขกของห้องตัวเองทันที
“เป็นห่วงแล้วทำไมต้องแต่งงานด้วยคะ”
“ไม่เอาไม่พูดถึงเรื่องนั้นสิตอง ตองก็รู้ว่าผมไม่เต็มใจแต่งงานกับเธอคนนั้น”
“ตองรู้ค่ะ ตองเข้าใจคุณดีไงคะวันนี้ถึงได้มาหา ตองรักคุณดีนะคะ” หล่อนอิงหัวซบไหล่ของแฟนหนุ่มที่นั่งเบียดข้างๆ ตัวเองทันที
“ขอบคุณที่ตองเข้าใจผม” เขาลูบหัวทุยเล็กที่อิงซบไหล่ตัวเองไปมาเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ
“คุณดียังรักตองอยู่ใช่ไหมคะ?” หล่อนถามเขาเมื่อเขาไม่บอกรักตัวเองตอบ คำถามของใบตองทำให้ธรรพ์นิ่งไปชั่วขณะ ปกติเขาบอกรักหล่อนทุกครั้งที่เจอและดึงเข้ามากอดจูบแต่ครั้งนี้เขาอยากนั่งนิ่งๆ และคำถามที่หล่อนถามก็ทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะในหัวของเขามันเต็มไปด้วยใบหน้าของกลิ่นจันทร์ที่เขาแต่งงานด้วยในตอนนี้
“ว่ายังไงคะคุณดียังรักตองอยู่ไหมคะ”
“อือ รักสิ ผมรักตองที่สุด” แล้วสุดท้ายเขาก็ตอบหล่อนและคำตอบนั้นก็ทำให้ใบตองยิ้มแก้มปริผละหัวจากไหล่เขามาหอมแก้มสากแรงๆ
“อือ หอมจังเลยค่ะ งั้นคืนนี้อยู่กับตองนะคะ” หล่อนตวัดเรียวแขนคล้องลำคอหนาอย่างออดอ้อน
“ได้สิ คืนนี้ผมจะอยู่กับตอง”
“น่ารักที่สุดเลยคุณดีของตอง ตอนนี้ตองเชื่อใจคุณดีนะคะ เชื่อว่าความรักของเราจะยังเหมือนเดิม และจะทำเพื่อเราสองคนเหมือนที่พูดสัญญาไว้ก่อนจะแต่งงานใช่ไหมคะ” หล่อนถามย้ำคำสัญญาของเขาก่อนหน้านี้
“แน่นอน ผมจะทำเพื่อเราสองคน ผมรักตองนะ” เขาโอบกอดหล่อนแล้วโมลงหอมหน้าผากมนแผ่วเบา แปลกเขากลับรู้สึกว่ากลิ่นน้ำหอมที่ใบตองใช้ประจำฉุนจนต้องเบือนหน้าหนีทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาชอบกลิ่นน้ำหอมที่หล่อนใช้จะตายไป
“งั้นเราไปซื้อของทำกับข้าวกันไหมคะคุณดี เนี่ยก็บ่ายสองกว่าแล้วนะคะ”
“ตองไม่กลัวนักข่าวเห็นเหรอ” เขาถามแฟนสาวที่กำลังฮอตในตอนนี้ ใบตองเป็นนางแบบที่เป็นที่ต้องการของนิตยสารมากที่สุดตอนนี้ไม่ว่านิตยสารหัวไหนเล่มไหนก็อยากได้หล่อนไปขึ้นปกทั้งนั้นในตอนนี้
“ไม่กลัวค่ะ ถ้ากลัวตองไม่ขับรถมาหาคุณดีที่ประจวบหรอกค่ะ ไปกันเถอะค่ะ”
ทั้งสองคบกันเมื่อต้นปีที่แล้ว ธรรพ์เจอเธอที่โรงแรมของตัวเองเมื่อตอนที่เธอมาพักผ่อนเงียบๆ ที่นี่ และนั่นแหละคือความประทับใจของเขา ใบตองเป็นผู้หญิงเรียบง่าย เขารู้จักหล่อนดีว่ายามปกติหล่อนเป็นยังไง หล่อนน่ารักต่างจากที่ทุกคนเห็นและต่างจากข่าวที่สื่อเขียนออกมา
“แต่ผมไม่อยากให้ตองเป็นข่าว แถมตอนนี้ผมก็แต่งงานแล้วด้วย” เขาบอกเธอด้วยความเป็นห่วง หากตกเป็นข่าวกับเขาคนที่มีภรรยาอยู่แล้วเธอจะเสียหายได้
“งั้นก็โทรสั่งกับข้าวมาทานที่ห้องได้ค่ะ ตองรู้ว่าคุณดีห่วงตอง ม๊วฟ!”แล้วหล่อนก็รั้งเขาลงมาหอมแก้มอีกครั้ง
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าตองสำคัญที่สุดสำหรับผม”วงแขนแข็งแรงตวัดร่างเล็กของนางแบบสาวมาโอบกอดแนบแน่นแต่ในใจของเขาตอนนี้มันกำลังวุ่นวายเต็มไปด้วยเรื่องของกลิ่นจันทร์และตัวเองในตอนนี้