ตอนที่ 9 เปิดสายรหัส 1

822 คำ
ตอนที่ 9 เปิดสายรหัส 1 การวิ่งผ่านโค้งสปิริตขึ้นสู่บันไดทางขึ้นดอยสุเทพกินระยะทางราวๆ 100 เมตร แต่เป็น 100 เมตรที่ทั้งเหนื่อย ทั้งสนุก และเต็มไปด้วยความทรงจำอันมากมาย หมี่ขาวจำเสียงหอบหายใจของเตได้ แฟรงค์ที่อยู่อีกข้างกำลังหิ้วปีกบาสที่ทำท่าจะไม่ไหว โดยมีเฟิร์สและฉายกับเพื่อนในภาควิชาอีกสองสามคนช่วยประคองแถวไม่ให้ล้ม แม้ว่าระยะเวลาที่วิ่งจริงๆ นั้นจะไม่ถึงหนึ่งนาที แต่กลับเป็นช่วงเวลายาวนานในความคิด เธอจำได้ทุกเสี้ยววินาที สีหน้าของเพื่อน เสียงตะโกนเชียร์จากกองเชียร์ที่อยู่ข้างทาง และเสียงแหกปากลั่นของทุกคนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ราวกับว่าทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดไปกับการวิ่งครั้งนี้เพียงครั้งเดียว เมื่อถึงบันไดทางขึ้นดอยสุเทพ ทุกคนต่างก็อยู่ในสภาพหมาหอบแดด ในขณะที่หมาตัวจริงนั้นกำลังถูกเทคแคร์โดยสาวๆ จากคณะต่างๆ และได้รับเกียรติในการเป็นนายแบบกิตติมศักดิ์ในทันทีที่วิ่งถึงจุดหมาย ในมหาวิทยาลัย C มีธรรมเนียมแปลกๆ อย่างหนึ่ง นั่นคือเมื่อมีสุนัขจรจัดหรือแมวจรจัดพลัดหลงหรือถูกนำมาปล่อยไว้ นักศึกษาในคณะจะให้การอุปถัมภ์อย่างดี ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและป้องกันไม่ให้พวกมันไปก่อความวุ่นวายกับแขกที่เข้ามาในเขตรั้วมหาวิทยาลัย ส่วนทางคณะสัตวแพทย์จะรับตัวไปตรวจโรคและทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรค และจับทำหมัน แต่อาจเป็นเพราะเลี้ยงพวกมันดีเกินไปจนสังเกตได้ว่าเจ้าหมาเหล่านี้เมื่ออยู่ไปนานๆ จะรูปร่างอุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษ และทุกครั้งที่ขึ้นดอย นอกจากเสลี่ยงช้างแก้วที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือเหล่าน้องหมานี้ที่ต้องวิ่งขึ้นดอยพร้อมกับนักศึกษาในมหาวิทยาลัย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของการวิ่งขึ้นดอยอีกอย่างหนึ่ง สมัยก่อนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์มีหมาหลายตัวที่วิ่งขึ้นดอยด้วยกันเป็นประจำทุกปี หมี่ขาวจำได้ว่าตอนนั้นมีหมาสองตัวที่ใครๆ ต่างก็กล่าวถึง นั่นคือพี่เบื่อกับบราวน์ ด้วยความที่อยู่มาก่อนทุกคนจึงเรียกพวกมันว่าพี่โดยไม่ตงิดใจเลยแม้แต่น้อย พี่เบื่อวิ่งขึ้นดอยกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ทุกปีจนในที่สุดคนในคณะก็สร้างแฟนเพจให้มัน ทว่าไม่นานหลังจากนั้นพี่เบื่อกับบราวน์ก็ลาจากโลกนี้ไป แม้ว่าจะอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตพี่เบื่อได้ แต่ว่าระหว่างนั้นก็มีดาวดวงใหม่ผุดขึ้นมา นั่นคือพี่เตี้ย เตเคยบ่นว่าพี่เตี้ยเป็นหมาตอแหล เพราะเวลามันเจอสาวๆ มาเอาใจมันจะคลอเคลียออดอ้อนประหนึ่งเป็นหนุ่มหล่อสุดฮ็อต แต่พอผู้ชายเดินเฉียด นอกจากไม่แลแล้วมันยังไล่งับเล่นอีกด้วย ก็ต้องยอมรับว่าพี่เตี้ยนั้นอยู่เป็น และตอนนี้เมื่อมองดูพี่เตี้ยที่ถูกคนเอาผ้าคาดของคณะต่างๆ ผูกคอให้ประหนึ่งผ้าแพรเจ็ดสีที่ผูกให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ทำให้คนอดยิ้มไม่ได้ "ขึ้นไปบนยอดพระธาตุกันก่อน" ประธานเกียร์ปีสามตะโกนบอกทุกคน "เอาเสลี่ยงขึ้นไป" คนพากันลุกขึ้นทันที หลังจากที่พักได้เพียงแป๊บเดียวก็ต้องแหงนมองบันไดสู่วัดพระธาตุดอยสุเทพ พร้อมกับกลั้นหายใจด้วยความหวาดผวา บันไดหินนับร้อยขั้นนั้นไม่เท่าไร แต่เพราะวิ่งทางชันมาสิบกว่ากิโล ไม่ว่าใครก็ต้องโอดครวญด้วยความสยอง หมี่ขาวกับเพื่อนนั่งบนพื้นถนน ไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวไปไหนสักที "ไม่ไหวว่ะ ขอพักก่อน" เฟิร์สบ่นงึมงำ หน้ายังไม่หายซีดจากการออกแรงวิ่งเมื่อครู่ ขณะเดียวกันตะวันฉายก็กอดแขนหมี่ขาวแน่น "ไม่ขึ้นนะปีนี้ หน้าที่ปีสองไปเถอะ จะตายแล้วจ้า" "ฉันก็ว่าจะไม่ขึ้นนะ สังขารไม่ไหวแล้วเหมือนกัน" หมี่ขาวเห็นด้วย หันไปทางเพื่อนที่เหลือแต่ละคนทำท่าจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ ปีสองและสตาฟบางคนที่ยังไหวจึงลุกขึ้นแล้วค่อยๆ พาเด็กปีหนึ่งทยอยเดินขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยสุเทพเพื่อทำการสักการะ โดยที่มีปีแก่จำนวนไม่น้อยที่ลุกไม่ขึ้นและตัดสินใจรออยู่ข้างล่าง หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงของกองเชียร์ดังขึ้นอีกครั้ง คณะถัดมาที่วิ่งขึ้นสู่โค้งสปิริตก็คือคณะเกษตร คณะวิศวะและคณะอื่นๆ ที่ถึงก่อนจึงช่วยกันปรบมือพร้อมกับส่งเสียงเชียร์ ไม่นานนักคณะอื่นก็ทยอยพากันวิ่งขึ้นโค้งสปิริต
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม