ตอนที่ 6 นึกว่าจะยาว

2902 คำ
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พีรดาพาตัวเองเดินออกจากห้องพร้อมสะพายกระเป๋าผ้าสีขาวใบโปรด ด้านหน้ามีรูปเด็กหญิงมัดผมเป็นหางม้า สวมชุดนักศึกษาทรงเอเหมือนเธอ ด้านล่างสวมเป็นรองเท้าผ้าใบสีขาวเท่ๆ ที่ดูแล้วมันเข้ากับเธอดีเวลาต้องตื่นเช้าไปเรียนด้วยความเร่งรีบ ลุคดูทะมัดทะแมง ทว่าหากเป็นเวลางานในร้านเหล้าแล้ว พีรดากลับดูสวยเซ็กซี่น่าทะนุถนอมราวกับเป็นคนละคนเสียอย่างนั้น เดินกำเงินแบงก์ร้อยมุ่งไปยังรถเข็นขายหมูปิ้งที่มีคนยืนอยู่ล้อมรอบ สายตาเมียงมองหาว่าเขาจะทานหมูปิ้งแบบไหนเพราะมันมีทั้งแบบติดมันและไม่ติดมัน "เอาอะไรบ้างหนู" ป้าเจ้าของร้านถามมาเมื่อถึงคิวเธอแล้ว ด้วยเวลาเร่งรีบแบบนี้ทำให้พีรดาคิดมากไม่ได้ "เอาหมูไม่มันห้าสิบกับข้าวเหนียวสองห่อค่ะ อีกถุงเอาหมูยี่สิบกับข้าวเหนียวหนึ่งห่อค่ะ" เห็นเขากินแล้วก็หิวด้วย แต่เธอกินแค่สองไม้พอ ปกติแล้วเธอไม่เคยได้แตะข้าวเช้าเพราะทุกวันคือวันเร่งรีบ ได้กินข้าวอีกทีตอนเที่ยงไม่ก็ตอนเย็น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละวันไป ได้ของกินมาก็ยัดๆ ใส่ในกระเป๋าสะพายใบเดียวกันจะได้ไม่เกะกะเวลาต้องยืนโหนบนรถเมล์ ด้วยค่าครองชีพที่แพงแล้ว อันไหนประหยัดได้ก็ประหยัดไป อีกอย่างหอพักกับมหาวิทยาลัยไม่ได้ไกลกันขนาดนั้น โหนบนรถเมล์สักสิบห้านาทีก็ถึง มือเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อซึมออกมาตามกรอบใบหน้าเมื่อด้านในเริ่มแออัดเพราะมีผู้คนขึ้นมาเรื่อยๆ อากาศที่มีก็ค่อยๆ ลดน้อยลงไปจนร่างกายถ่ายเทความร้อนออกมา แต่เธอชินแล้ว อีกไม่กี่ป้ายจะถึงหน้ามหาวิทยาลัยแล้วเหมือนกัน ผู้คนส่วนมากที่ขึ้นรถคันเดียวกันกับเธอก็ล้วนแต่เป็นนักศึกษาทั้งนั้น หากว่ากลุ่มเราลงจากรถกันหมดก็เริ่มว่าง กระทั่งรถเมล์มาจอดลงที่ป้ายด้านหน้ามหาวิทยาลัยจึงทยอยลงกัน เป้าหมายของพีรดาก็คือคณะบริหารธุรกิจ ห้องทำงานของอาจารย์กฤษณะ ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่ง เรียกได้ว่าเธอมาเรียนเร็วกว่าทุกวัน พอเดินเข้ามาในตึกกลับพบว่ายังคงเงียบเชียบ มีนักศึกษาเพียงบางคนที่เดินสวนมา เดินไปทางห้องที่ทราบดีว่าอาจารย์กฤษณะอยู่ประจำตรงไหน ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาหรือยัง แต่พอเห็นป้ายชื่อหนึ่งในสามคนตรงหน้าประตูก็แน่ชัดจึงได้เปิดเข้าไป มองเก้าอี้ที่ว่างเปล่าก็ย้ำชัดแล้วว่าเขายังไม่มา อาจารย์คนอื่นๆ ก็ยังไม่มาเหมือนกัน จึงได้ปลดสายกระเป๋าลงหนึ่งเส้น แล้วล้วงเอาข้าวเหนียวหมูปิ้งถุงโตออกมา ทำการมัดปากถุงให้แน่นเพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นออกมารบกวนหากมีอาจารย์ท่านอื่นเข้ามาใช้งานในห้องนี้ ก่อนจะวางลงให้เขาบนโต๊ะ จากนั้นก็พาตัวเองเดินกลับออกมา แล้วไปหาสถานที่ใต้ร่มไม้ใกล้ๆ ห้องที่เธอจะเรียนในคาบเช้าเพื่อนั่งกินข้าวเหมือนกัน ชีวิตที่ไม่มีเพื่อนสนิทไปไหนมาไหนด้วยกันพีรดาชินแล้วจึงนั่งชิลๆ คนเดียว "เอ้าดา นั่งด้วยสิ" เพื่อนชายในห้องเรียนเดียวกันที่มาเร็ว เจอกับพีรดาเข้าจึงเอ่ยทัก "อืม มาสิ" หญิงสาวลดหมูปิ้งที่กำลังจะกัดกินเอาไว้ก่อน แล้วรีบขยับสะโพกให้เพื่อนนั่งด้วยทันที จากนั้นถึงได้กินต่อ หันไปชำเลืองในมือของตาร์ที่มีกาแฟกระป๋องหนึ่งติดมาด้วย เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นอาหารเช้าของอีกฝ่ายเหมือนกัน "เอามั้ย" พีรดาส่งหมูปิ้งอีกไม้ที่ยังไม่ได้ทานให้เพื่อนไป "ไม่อะ เดี๋ยวเธอไม่อิ่ม" ตาร์ว่าอย่างล้อเล่นก่อนจะถามกลับ "ทำไมมาเร็วอะ" ตาร์ยกกาแฟขึ้นดื่มอีกสองอึกก่อนจะถามคนที่นั่งเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ข้างกัน "พอดีออกมาทำธุระด้วยเลยรีบมา แล้วนายล่ะ" บอกแค่ว่าธุระเพราะไม่ต้องการอธิบายไปมากกว่านั้น "แม่ให้ไปส่งน้องที่โรงเรียนเลยต้องตื่นแต่เช้า เซ็งฉิบ" ชายหนุ่มทำสีหน้าว่าเขาเซ็งจริงๆ เพราะเวลาเข้าเรียนของเขาคือเก้าโมงเช้า พีรดาขำในลำคอเล็กน้อยเมื่อได้ยินดังนั้น ก่อนจะขยับข้าวเหนียวในถุงยกขึ้นกัดกินอีกคำ เรียนมหาวิทยาลัยจะว่าสบายก็คงสบายตรงส่วนมากมีเรียนเก้าโมงเช้าเนี่ยแหละ ส่วนการเรียนก็มียากง่ายต่างกันไป "ภาวนาให้ไม่ได้เรียนทีเถิ๊ด จะได้กลับไปนอน" ตาร์ทำท่ายกมือขึ้นไหว้เหนือศีรษะ "นี่ เราอุตส่าห์ตื่นแต่เช้าเพื่อมาเรียนนะ" พีรดาตำหนิอย่างไม่จริงจังนักเมื่อเพื่อนชายว่าอย่างนั้น กะว่าจะตั้งใจเรียนดู อยากได้ความรู้เข้าหัวเต็มๆ บางทีก็ละอายแก่ใจที่เอาแต่แอบงีบหลับในคาบเรียน วันนี้เธอจะตั้งใจเรียนสุดๆ ให้สมกับที่เมื่อคืนนอนแต่หัววัน ว่าไปแล้วก็อดนึกถึงคนที่เธอเพิ่งไปส่งข้าวเหนียวหมูปิ้งให้เขาไม่ได้ คนที่ทำให้เธอได้กลับไปนอนเร็ว อดคิดไม่ได้ว่าอยากให้มีแบบนี้ทุกวันจัง แต่แค่วันเดียวก็สามารถทดแทนร่างกายที่เหนื่อยล้าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาได้แล้ว "เอาน้ำมั้ยเดี๋ยวเข้าไปซื้อของ" เมื่อตาร์เห็นว่าพีรดาไม่ได้มีน้ำเปล่าติดมือมาด้วยก็ถาม แบบนี้หากเกิดข้าวเหนียวติดคอขึ้นมาจะทำไง ไม่ต้องกระโดดลงสระน้ำสีเขียวด้านหลังเลยหรือไงกันถึงจะทัน "จะไปอีกเหรอ" พีรดาถามเพื่อนหนุ่มอย่างเกรงใจ ทั้งที่กะว่ากินข้าวอิ่มแล้วจะไปอยู่ "อืม ได้กลิ่นข้าวเหนียวหมูปิ้งเธอแล้วหิวอะ เราจะไปหาลูกชิ้นมากิน" ตาร์ทำสีหน้าล้อเลียน "เอาสิ งั้นฝากด้วยนะ" ทำท่าจะล้วงเงินออกจากในกระเป๋าแต่ตาร์รีบห้าม "แค่ขวดไม่กี่บาทเราเลี้ยงเธอได้เป็นเดือน" พีรดาอมยิ้มไปกับน้ำใจของเพื่อนร่วมห้องที่มีให้กัน ถึงไม่ได้สนิทกันมากก็เถอะ จึงได้พยักหน้าออกไป แล้วตาร์ก็เดินไปยังร้านสะดวกซื้อ ส่วนเธอก็ค่อยๆ เก็บกับข้าวเหนียวหมูปิ้งส่วนที่เหลือลงท้องให้หมด กินเสร็จน้ำก็มาถึงพอดี "ขอบใจนะ" "แค่นี้" ตาร์ทำมือบอกว่าแค่เรื่องเล็กน้อย "อ้า น้ำวันนี้หว๊านหวาน" พีรดาปากหวานกับเพื่อนชายไป เป็นอันรู้กันว่าทราบซึ้งในน้ำใจ "น้อยๆ หน่อยเหอะ" ก่อนที่ตาร์จะเอาลูกชิ้นเสียบไม้ออกมากินเหมือนกัน "เอามั้ย" เขายื่นไปทางเพื่อนสาว "ไม่อะ อิ่มแล้ว นายกินเถอะ" บอกเพื่อนแล้วก็ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลาเข้าเรียน แต่คงไม่ใช่เพียงอย่างเดียวพีรดารู้ตัว โทรศัพท์มือถือที่ใช้เป็นแค่เครื่องมือสื่อสารกับคนทางบ้าน ใช้เป็นนาฬิกาปลุกให้ตื่นนอนมาเรียนในยามเช้า ใช้ติดต่องานเพื่อคอนเฟิร์มว่าวันนี้เธอจะไปร้านเหล้า นอกนั้นไม่มีอะไรให้ใช้ประโยชน์ได้แล้ว แต่พอได้รับข้อความในไลน์ตั้งแต่เมื่อเช้ากลับทำให้พีรดาใจจดใจจ่อว่าจะมีใครบางคนส่งข้อความมาหาเธอหรือเปล่า เพราะนี่ก็แปดโมงกว่าๆ แล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นหมูปิ้งที่เธอซื้อมาให้หรือยัง ติ๊ง! พูดไม่ทันขาดคำ รูปโปรไฟล์ที่คุ้นตาทำให้เรียวปากเล็กคลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แต่พ่อนึกขึ้นได้ว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่มีเพียงเธอที่นั่งอยู่คนเดียว ทำให้พีรดารีบหุบยิ้มลงทันทีแล้วเปิดข้อความเข้าไปอ่าน อันดับแรกเธอรีบกดปิดการแจ้งเตือนเอาไว้ก่อนเผื่อเขาส่งข้อความมาซ้ำ แต่บางทีเธออาจไม่จำเป็นต้องรอข้อความจากเขาขนาดนั้น เพราะมันแค่ที่เธอรับจ้างเป็นแฟนเขา กับเขาฝากเธอซื้อหมูปิ้ง หลังจากนี้คงไม่มี แล้วนี่เขาคงไลน์มาขอบคุณเธอ พีรดาค่อยๆ เลื่อนสไลด์ลงมาก็เจอรูปภาพถุงพลาสติกที่มีน้ำซอสหมูปิ้งสีน้ำตาลอมเหลืองอยู่ในนั้น ส่วนหมูกับข้าวหมดแล้ว แถมยังถ่ายติดมือเรียวขาวๆ มีเส้นเลือดปูดโปนเด่นชัดมาด้วยพร้อมคำบรรยายภาพ (หมดแล้ว อร่อยมาก วันหลังซื้อมาให้อีกสิเดี๋ยวโอนตังค์ไว้ให้เลยทีเดียว) และไม่นานข้อความก็เข้าในมือถือของพีรดาว่ามีเงินจำนวนหนึ่งพันบาทโอนเข้ามา พร้อมทั้งสลิปก็ถูกส่งมาทางไลน์ด้วยเช่นกัน ตามด้วยข้อความคำบรรยายภาพ (ค่าหมูปิ้งหนึ่งอาทิตย์) เมื่อเจอแบบนี้เลยไม่เป็นอย่างที่พีรดาคิด เธอกะว่าครั้งนี้ครั้งสุดท้ายที่เธอและเขาจะได้หยุดเรื่องราวคอขาดบาดตาย แต่เขากลับบอกให้เธอซื้อหมูปิ้งมาให้ทั้งอาทิตย์โดยการโอนเงินมาเป็นค่าประกันว่าเขาต้องได้กินหมูปิ้งในตอนเช้าตลอดห้าวัน (วันหลังเอาที่มีมันแทรกมาด้วยนะ) เพราะรูปที่ติดอยู่หน้ารถเขาเห็นว่ามีสองอย่าง ข้อความที่ส่งมาจึงทำให้พีรดารีบพิมพ์ตอบกลับไปทันทีว่าเธอไม่ได้จงใจเอาแบบนั้น ก็นึกว่าคนที่มีตังค์อย่างเขา คงไม่สนหมูย่างที่เอาปริมาณเป็นหลักแต่ไม้กลับโตกว่าอย่างเธอหรอก "หนูนึกว่าคุณไม่ชอบ" (มีใครอยู่แถวนั้นงั้นเหรอ) แต่คำที่เขาถามกลับมาทำให้พีรดางงมากกว่าที่จะเข้าใจว่าเขาตอบคำถามเธอว่าชอบเสียอีก "หมายถึงอะไรคะ" พีรดาถามส่งไปแล้วรอคำตอบกลับมา ทว่ากลับไม่มีประโยคเพิ่มเติมจากอีกฝ่าย ด้วยสัญชาตญาณจึงทำให้คนที่รับรู้ว่าเขามาถึงแล้ว ห้องเขาอยู่ที่ไหนเธอรู้ เงยหน้าขึ้นเพื่อดูต้องเบิกตากว้างขึ้น แน่ชัดแล้วว่าคนที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ในมือของเขายังถือโทรศัพท์มองลงมาที่เธอนิ่งๆ การกระทำแบบนี้ทำให้หญิงสาวใจเต้นแรงขึ้นมา "เข้าห้องกันดา" เมื่อตาร์ทานเสร็จแล้วทั้งลูกชิ้นและน้ำเปล่า ก็ถือวิสาสะคว้าแขนเพื่อนสาวให้เดินตามเพื่อเข้าเรียนกัน โทรศัพท์มือถือของพีดาจึงถูกเก็บลงในกระเป๋าผ้าด้วยความจำใจ การเรียนการสอนคาบเช้าผ่านไป นักศึกษาต่างพากันไปหาอะไรทานในช่วงเที่ยง แล้วพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนในช่วงบ่าย พีรดาที่ไม่รู้จะไปไหน ซื้อลูกชิ้นสองไม้มานั่งกินตรงม้านั่ง กินเสร็จแล้วเดินเข้ามานั่งรอในห้องที่อาจารย์จะทำการเรียนการสอนในช่วงบ่าย ตั้งแต่เมื่อเช้าที่ไม่ได้หยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาใช้เลย ทำให้ตอนนี้พออยู่คนเดียวอยากลองเข้าไปดู ว่าใครคนนั้นส่งข้อความมาหาเธอบ้างไหม ก็เขาไม่อะไรตอบเธอเลย แต่กลับมายืนมองตรงหน้าต่างจะให้คิดว่าไง แล้วก็ได้ย้ำชัดในความคิดแรกคือมันว่างเปล่า ไม่มีข้อความใหม่ มีแค่ประโยคที่เธอถามเขาไปยังไม่ได้รับคำตอบกลับคืนมา พีรดาจึงกดออกจากแอปพลิเคชันไลน์ด้วยใบหน้าเซ็งๆ แล้วกดเข้าไปในยูทูปเพื่อดูรายการคนจีนทำอาหารฆ่าเวลา สี่สิบนาทีต่อมา เมื่ออีกห้านาทีเป็นเวลาเข้าเรียน ปรากฏร่างสูงของใครบางคนที่เธอกำลังคิดถึ.. ไม่ใช่สิ กำลังคิดว่า ที่เขาเงียบไปแบบนี้คืออะไร เดินเข้ามาประจำหน้าห้องเรียน นักศึกษาทุกคนยกมือไหว้ทำความเคารพ เพียงแวบเดียวเท่านั้นที่เขาหันมาสบตากัน แต่ก็ผ่านเลยไป เป็นสายตาที่เคยเกิดอย่างเช่นทุกครั้ง แค่อาจารย์ที่มองว่าวันนี้มีนักศึกษาบางตาหรือหนาตาแค่ไหนกัน ก่อนจะเห็นอาจารย์เดินไปประจำโต๊ะ แล้วเปิดหน้าจอโน๊ตบุ๊คต่อกับจอโปรเจคเตอร์ การเรียนการสอนเกินขึ้นทันทีอย่างปกติที่เคยผ่านมา "พีรดา" หลังจากที่พีรดานั่งจ้องหน้าอาจารย์กฤษณะเดินไปเดินมากว่าหนึ่งชั่วโมงก็ถูกเรียกชื่อ ทำให้ทุกคนต่างหันมามองที่เธอว่าเพื่อนสาวทำอะไรผิดพลาดไป "ขาอาจารย์" พีรดาออกจากภวังค์ เห็นหลายสายตาของเพื่อนที่มองมา ก็ลุ้นว่าอาจารย์เรียกเธอทำไม "มองเห็นไหมครับนั่งหลังสุดขนาดนั้น" "อะ..อ๋อ เห็นค่ะ" พีรดาถอนหายใจออกมาอย่างโล่ง ก็นึกว่ามีเรื่องอะไรกัน "ผมว่ามานั่งตรงนี้ดีกว่ามา เพราะดูท่าแล้วอีกไม่ถึงปีคุณคงได้ตัดแว่นเป็นแน่" ถ้าเป็นเวลาปกติแล้ว พีรดาคงจะทำหน้ามุ่ยใส่เขาไปแล้ว แต่ตอนนี้เธออยู่ในสถานะนักศึกษากับอาจารย์มหาวิทยาลัย เขาว่าอย่างไรก็ทำตาม จึงได้หอบอุปกรณ์การเรียนพร้อมกระเป๋าคู่ใจเดินขึ้นมานั่งตรงโต๊ะที่ว่าง แถวสองมุมติดหน้าต่าง ก็อยู่ตรงหน้าโต๊ะของเขาไง ก่อนกฤษณะจะเริ่มทำการสอนต่อ กระทั่งเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงจะหมดเวลาสอน จึงได้แจกชีทงานให้นักศึกษาทำในคาบเรียน พีรดาที่ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือเหลือไว้เพียงแค่สั่นเตือนรีบล้วงออกมาดูเมื่อรู้สึกว่ามีสายโทรเข้า เบอร์โทรที่ไม่ได้บันทึกแต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็น.. แต่พอเงยหน้าขึ้นก็แน่ใจแล้วว่าใช่ ในเมื่ออีกฝ่ายมองมาที่เธอนิ่งๆ ทำให้หญิงสาวรีบกดตัดแล้วเปิดเข้าไปในแอปพลิเคชันไลน์แทน เห็นข้อความของเขาที่ส่งเข้ามา สงสัยเขาไม่ได้ตั้งใจโทรมารบกวนเธอหรอก แต่เธอไม่ตอบไลน์เขาต่างหากเขาจึงบอกให้รู้ พีรดาไล่สายตาอ่านข้อความดูที่เขาส่งมา โดยเอามือปิดรูปโปรไฟล์เขาไว้ด้วยเพราะกลัวใครเห็น (ทำได้หรือเปล่า) "ได้ค่ะ" พีรดารีบพิมพ์ตอบกลับไปอย่างไว แล้วก็ถามในสิ่งที่เธอสงสัยเมื่อเขาเปิดมาอย่างนี้แล้ว "คุณ..โกรธอะไรหนูหรือเปล่าคะเมื่อเช้านี้" ข้อความที่ขึ้นว่าอ่านแล้วทันที แต่ผ่านไปเป็นนาทีกลับได้คำตอบกลับมาเพียงสั้นๆ (เปล่า) นึกว่าจะยาว! "แต่เมื่อกี้คุณแกล้งหนู" พีรดาไม่ยอมลดละ ในเมื่อเขาปฏิเสธว่าเมื่อเช้าไม่มีอะไรติดค้าง แต่เธอว่าตอนบ่ายมีแน่ ทั้งที่เขาไม่เคยเรียกเธอมานั่งด้านหน้าเลยสักครั้ง (แกล้งยังไง) เขาพิมพ์ถามกลับมาอีกที "ก็ให้หนูมานั่งข้างหน้าแบบนี้ไงคะ ทั้งที่ปกติหนูนั่งข้างหลังมาตลอดจนจะเรียนจบอยู่แล้ว" (ก็จะได้เห็นชัดๆ ไง) "หนูเห็นชัดค่ะ สายตาหนูไม่ได้สั้นขนาดนั้น" ห้องเรียนก็ไม่ได้กว้างมากเสียเมื่อไหร่ (แต่ผมเห็นคุณไม่ชัดไง) แล้วข้อความที่ทำให้พีรดาสนทนาไปต่อไม่ได้ หัวใจเต้นแรง ได้แต่เม้มปากตัวเองแทน แถมยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองสบตากัน (ตอนเย็นเจอนะ) "คะ" แต่ยังไม่ทันได้รับคำอธิบายกลับมา เห็นเขาลุกจากเก้าอี้เดินมาทวงงานนักศึกษา เมื่ออีกยี่สิบนาทีจะหมดเวลาเรียนแล้ว ทั้งหมดจึงได้รวบรวมงานส่งอาจารย์ ก่อนหัวหน้าจะบอกเลิกคลาส พีรดาก็รีบเก็บของใส่กระเป๋า มองคนที่เดินออกไปก่อนด้วยความไม่เข้าใจ ที่เขาบอกว่าตอนเย็นเจอกันหมายความว่ายังไง จนได้แน่ใจเมื่อเธอเดินออกมาถึงที่หน้าประตูใหญ่ก็มีสายโทรเข้ามา บอกว่าเขาจอดรถห่างออกไปเพียงห้าสิบเมตรให้เดินไปทางร้านกาแฟ หญิงสาวหน้าเหวอเมื่อพบว่าเป็นรถเขาจริงๆ ก่อนรีบเดินจ้ำอ้าว ไปหาเมื่อพบว่าที่ตรงนี้คนยังบางตา หันซ้ายหันขวาว่าไม่มีใครสนใจก็รีบเปิดประตูขึ้นไป ปาดเหงื่อที่ผุดออกจากใบหน้าใสเพราะความเร่งรีบเมื่อกี้ ก็ได้เห็นว่าเขาเร่งอุณหภูมิของแอร์ให้เย็นขึ้น ก่อนจะเอี้ยวตัวมาคว้าเอาเข็มขัดนิรภัยพาดมาบนตัวให้เธอ ก่อนหันกลับไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับดีๆ การกระทำเมื่อกี้ ถ้าบอกว่าเธอไม่ใจสั่นมันก็จะเป็นการโกหกเกินไป แต่ก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เมื่อเขากำลังจะพาเธอออกไปจากตรงนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม