มินตรารู้สึกร้อนวูบวาบในช่องท้อง และใบหน้าก็เหมือนจะร้อนซู่ขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม แม้ว่าท่าทางของเขาจะดูเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่การกระทำของเขาที่ใกล้ชิดขนาดนี้ มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ และหัวใจเต้นแรงมาก
ชายหนุ่มเอาปมผ้าถุงออกได้แล้ว เขาก็เงยหน้ามองเธอ ตาประสานตา แต่มือของเขายังคงทำหน้าที่ของมันอย่างชำนาญ เพราะเขาเคยสวมผ้าถุงให้คุณยายบ่อยๆ ในยามที่ท่านไม่สบาย
ผ้าถุงถูกพับไปมา ก่อนจะมาจบที่ข้างเอวกิ่ว โดยมีเข็มขัดเงินเส้นใหญ่คาดเกี่ยวล็อกตะขอเอาไว้เพื่อป้องกันผ้าถุงหลุด เขาใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็เสร็จ แต่ทว่าการก้มมองหน้าคนตัวแคระอย่างเธอ มันใช้เวลานานกว่า
“เสร็จแล้ว”
เขาบอกเธอเบาๆ แทบจะไม่ขยับริมฝีปากเลยดวยซ้ำ แววตายังจ้องนิ่งเข้าไปในดวงตาหวามไหวของเธอ
มินตราใจเต้นระทึก ก่อนจะกะพริบตาปิบๆ เมื่อได้ยินเขาบอก
“ขอบคุณค่ะ” เธอบอกพร้อมถอยหลังออกห่างหนึ่งก้าว
“คุณชื่ออะไร”
“เรียกฉันว่ามินตราค่ะ หรือมิ้นสั้นๆ ก็ได้ค่ะ”
“ชื่ออย่างกับนางเอกละครช่องเจ็ด”
“แม่ฉันตั้งให้ค่ะ”
“ผมมีคำถามจะถามคุณสี่ข้อ ก่อนที่ผมจะพาคุณไปเจอคุณยาย”
“เชิญถามค่ะ ว่าแต่คุณจะคุยกับฉันในห้องน้ำนี้เหรอคะ ไม่คิดจะออกไปคุยข้างนอกเหรอ”
“คุยในนี้แหละดีแล้ว ข้อหนึ่ง”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อหยั่งเชิงดูหญิงสาว ว่าเธอจะตั้งใจฟังที่เขาถามแค่ไหน
แน่นอนว่าเธอแหงนหน้ามองเขาทันทีที่เขาถาม
“คุณแต่งงานแล้วหรือยัง”
“ฉันเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วเจ็ดครั้ง แต่ว่าตอนนี้ฉันโสดค่ะ” เธอตอบไปตามความจริง
“โอ้ มีผัวมาแล้วถึงเจ็ดคนเชียวเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ” ชายหนุ่มพูดพร้อมส่ายหน้า
“สำหรับผมยังไม่เคยแต่งงาน แต่ผมไม่โสดนะ ผมมีคู่หมั้นแล้ว” เขาบอกพร้อมยิ้มใส่ตาเธอ
“ค่ะ”
“ข้อที่สอง คุณจะต้องอยู่ที่นี่ในฐานะหลานสาวห่างๆ ของยายผมได้หรือเปล่า เพื่อที่คนอื่นเขาจะไม่ได้เข้าใจผิดว่าผมพาสาวที่ไหนมานอนที่บ้าน”
“กลัวคู่หมั้นเข้าใจผิดใช่ไหมคะ เข้าใจค่ะ โอเคฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้คู่หมั้นของคุณต้องเข้าใจผิดเด็ดขาด”
“หึ ก็ดี... ถ้าคุณทำได้ เพราะผมก็ไม่อยากให้ยายของผมสะเทือนใจ ท่านรักคู่หมั้นของผมมาก และท่านก็รักผมมากด้วย คุณในฐานะว่าที่ผู้อยู่อาศัย ห้ามทำสิ่งใดให้ยายของผมเสียใจหรือสะเทือนใจเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้น ผมไม่เอาคุณไว้แน่”
“ค่ะ”
เธอรู้สึกได้เลยว่าเขาเอาจริง ไม่ใช่แค่ขู่
“และข้อที่สาม คุณสามารถไปทำงานเป็นคนงานที่ไร่หรือสวนของผมด้วยได้ไหม ผมมีสวนผลไม้มากมายที่ต้องดูแล”
“ได้ค่ะ” ต้องตอบว่าได้ก่อนแหละ เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ต่อให้ต้องลำบากเธอก็ต้องทน
“อีกข้อ ข้อนี้สำคัญมาก ต้องตอบให้ละเอียด”
“ค่ะ”
“คุณบอกว่ามาตามคำทำนายของหมอดู เพื่อแก้กรรมของคุณ ช่วยเล่าเรื่องที่คุณเจอให้ผมฟังหน่อยได้ไหม ว่ามันร้ายแรงแค่ไหน แล้วหมอดูทำนายเรื่องแก้กรรมนั่นยังไง”
มินตราถอยหายใจยาวออกมา ก่อนจะตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดออกไปให้ชายหนุ่มฟัง ประมาณสิบนาทีก็เล่าจบ
“อ่อ แล้วหลายคนก็คิดว่าคุณเป็นผู้หญิงกินผัวงั้นสิ”
“ค่ะ” เธอตอบหน้าเศร้าๆ
“แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระนะ”
“ไร้สาระแล้วทำไม ต้องมีคนมาตาย เมื่อมาแต่งงานกับฉันด้วยล่ะคะ มันไม่ใช่แค่คนเดียวนะมันตั้งเจ็ดคนแล้วที่ต้อง... ตายไป” ท้ายประโยคของเธอเสียงแผ่วเบา
“โอ้ว ผัวทั้งเจ็ดตายเรียบหรือนี่ เหลือเชื่อเลย แต่งนิทานหลอกเด็กหรือเปล่านี่คุณ”
“ไม่เชื่อก็ตามใจคุณสิ แต่ที่ฉันพูดไปทั้งหมด มันคือความจริงแล้วกัน”
“แล้วหมอดูบอกว่าชาติที่แล้ว เพราะคุณทำกรรมไว้กับเมียหลวง ซึ่งก็คือคุณยายของผมเมื่อชาติที่แล้ว คุณเลยต้องมาแก้กรรมกับคุณยายของผม เพื่อให้ท่านอโหสิกรรมให้กับคุณก็จะแก้อาถรรพ์ได้งั้นเหรอ นี่คุณเชื่อแบบนั้นจริงๆ เหรอ”
“ค่ะ แม่หมอบอกมาแบบนั้น แต่ฉันก็เชื่อ เพราะ... เพราะว่าสิ่งที่ฉันเจอมามันก็เหลือเชื่อ จนฉันก็นึกอยากให้มันเป็นแค่เพียงความฝัน แต่มันคือความจริง”
“แล้วคุณก็จะทำตามที่แม่หมอบอกให้ทำทุกอย่างงั้นเหรอ”
“ค่ะ”
“แล้วถ้าผมไม่เชื่อแล้วไม่ให้คุณมายุ่งกับคุณยายของผมล่ะ”
“ทำไมล่ะคะ หรือหน้าตาของฉันเหมือนเด็กเลี้ยงแกะงั้นเหรอ คุณถึงไม่เชื่อเรื่องที่ฉันเล่ามาทั้งหมด”
“ไม่รู้สิ มันเหลือเชื่อเกินไป อย่างแรก หน้าอ่อนๆ อย่างคุณเนี่ยนะ บอกว่าผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงเจ็ดครั้ง แล้วสามีทั้งเจ็ดคนของคุณก็ตายหมด ผมว่าคุณสร้างเรื่องมากกว่า”
“แล้วใครจะสร้างเรื่องให้ตนเองเสียหายล่ะคะ ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะมีผู้หญิงบ้าๆ ที่ไหนมาบอกว่าตนเองผ่านการมีสามีมาแล้วถึงเจ็ดคน แล้วสามีตายหมด ให้คนอื่นเขามาว่าฉันเป็นผู้หญิงกินผัวล่ะ”
“ก็คุณอาจจะบ้าไง แล้วถ้าผมบ้า นึกอยากจะเป็นสามีคนที่แปดของคุณ คุณว่าผมจะตายไหม”
เขาถามด้วยสีหน้าที่มินตราก็อ่านไม่ออก ว่าเขาพูดเล่นหรือคิดจะทำจริงๆ
“คุณ!!”
“อ้อ แล้วที่บอกว่า ระหว่างการแก้อาถรรพ์ก็ห้ามยุ่งกับชายที่มีเจ้าของอีก ผมว่า... ผู้หญิง... แบบคุณคงห้ามใจตนเองไม่ได้หรอก”
“ฉันทำได้แน่ค่ะ เพราะฉันไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนอีกแล้ว ไม่ว่าจะมีเจ้าของหรือไม่มีก็ตาม”