มินตราเดินตามหลังชายหนุ่มเข้าไปหลบฝนที่ใต้ถุนบ้านโล่งๆ แล้วหย่อนก้นลงบนแคร่ไม้ไผ่
เมื่อพายุเล็กๆ พัดมา กายก็เริ่มสั่นเทาเพราะหนาวจากการที่ยังอยู่ในเสื้อผ้าที่เปียกโชก
“คุณเปียก เปลี่ยนชุดก่อนไหม”
เขาถามด้วยน้ำเสียงธรรมดา ไม่ได้บ่งบอกว่าเขาเป็นห่วงเธอหรือว่าอะไร แต่มินตราก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง
อย่างน้อยเขาก็ไม่แล้งน้ำใจจนเกินไป เหมือนกับสีหน้าที่เย็นชาของเขา
“ขอบคุณค่ะ แต่ว่ากระเป๋าเดินทางของฉันตกน้ำจมหายไปหมดเลย”
“อืม”
ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน หญิงสาวมองตามแล้วก็ก้มมองสภาพเปียกปอนของตนเอง
คิดอยู่ว่าเธอจะอดทนอยู่ที่นี่ได้เกินสามวันไหม
จากคุณหนูไฮโซ มาเป็นคนรับใช้ มันจะไปได้สักกี่น้ำ
ทว่าเมื่อนึกถึงสิ่งเลวร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ก็ทำให้คนที่คิดว่าตนเองจะทนได้ไหม ต้องบอกให้ตนเองสู้ๆ แล้วผ่านมันไปให้ได้ ต่อให้เจออุปสรรคมากแค่ไหน เธอจะต้องอดทน
เธอไม่อยากต้องเจอกับฝันร้ายทั้งๆ ที่ยังลืมตาอยู่
มันทรมานใจเหลือเกิน
และมันเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะอธิบายให้ใครสักคนเข้าใจ
ดวงตาที่แสนเศร้ามองเหม่อไปทางบันไดที่ชายหนุ่มเดินขึ้นไปเมื่อครู่ แล้วก็เห็นเขาเดินลงมาพร้อมกับผ้าขนหนูสีเขียวหม่นผืนหนึ่งในมือ และยังมีผ้าถุงกับเสื้อคอกระเช้าลายจุดสีขาว เอามายื่นให้ตรงหน้าเธอ
“ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น คุณควรอาบน้ำล้างคราบน้ำคลองออกให้หมดก่อน จะได้ไม่เหม็น”
หญิงสาวตาโต นึกว่าเขาจะบอกว่า ‘จะได้ไม่เป็นไข้เสียอีก แต่เขากลับ...’
“นี่คุณ... เอ่อ... ค่ะ ฉันจะรีบไปอาบน้ำ” ก็เธอมาพึ่งใบบุญบ้านเขานี่นา จะรู้สึกขุ่นเคืองในใจยังไง ก็ต้องพูดจาดีๆ กับเขา
สองหนุ่มสาวจ้องตากันครู่หนึ่ง มินตราก็เป็นฝ่ายรับผ้าขนหนูกับชุดเปลี่ยนจากมือชายหนุ่มไป แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำอย่างงอนๆ
ชายหนุ่มเหล่ตาตาม ก่อนจะยืนรอแขกสาวอาบหน้าอยู่แถวต้นหวาย เขาลืมถามไปเลยว่าเธอชื่ออะไรมาจากไหน เห็นเธอตัวเปียกเลยรีบให้เธอไปอาบน้ำก่อน จึงไม่ทันได้คิด
มันเป็นเรื่องแปลกที่เธอบอกเขาว่า เธอมาหาคุณยายของเขาตามคำทำนาย มาเพื่อแก้ไขฝันร้าย
มันมีเรื่องประหลาดๆ แบบนี้ด้วยเหรอ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
ท่าทางเธอจะเป็นสาวชาวกรุงฯ เพราะดูจากการภาษาและสำเนียงที่พูดไม่ใช่คนท้องถิ่นทางเหนือแน่
แล้วเธอเดินทางมาตัวคนเดียวแบบนี้เนี่ยนะ ทำไมถึงได้กล้าหาญอะไรแบบนี้
หรือว่าเธอเจอแต่เรื่องร้ายๆ มามากจริงๆ จนไม่รู้สึกกลัวอะไรแล้ว แสดงว่าฝันร้ายของเธอคงจะหนักหนาสาหัสเป็นแน่ ถึงได้เร่งมาแก้ฝันไกลถึงที่นี่
แต่ก่อนที่จะให้เธอไปเจอกับยายของเขา เขาจะต้องพิสูจน์ก่อนว่าเธอมาดี หรือมาร้ายกันแน่ ซึ่งเขามีวิธีการพิสูจน์เด็ดๆ ที่จะใช้กับสาวสวยอย่างเธอมากกว่าหนึ่งวิธีแน่นอน
คุณยายของเขาเป็นทั้งพ่อและแม่ของเขามาโดยตลอด เขารักคุณยายเปรียบประดุจพ่อแม่ที่แท้จริง โดยไม่คิดโหยหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดแต่อย่างใด เขาชอบอยู่กับปัจจุบัน และทำทุกวันให้มีความสุข และจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณยายของเขามีความสุข
ยายประสงค์สิ่งใดเขาจะหามาประเคนให้ ยายต้องการให้เขาทำอะไร เขาก็จะทำเพื่อยายให้ได้ทุกอย่าง
แม้ว่าจะต้องหมั้นกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักก็ตาม
ยายบอกว่าถ้าแต่งงานกันไปแล้ว เป็นผัวเมียกันแล้ว อยู่ๆ กันไปก็รักกันไปเอง
เขาทำตามคำขอของยายทุกอย่าง
และหากใครก็ตามที่ทำให้ยายของเขาเสียใจ เขาจะทำให้มันผู้นั้นต้องเสียใจยิ่งกว่า
แดนดิน หนุ่มลูกครึ่งที่สาวๆ ทั้งคุ้มเวียงผางต่างก็หมายตาอยากได้มาเป็นพ่อของลูก เพราะเขาทั้งหล่อและรวย เขาสร้างฐานะของตนเองขึ้นมาจากการสืบทอดกิจการการเกษตรพอเพียงของคุณตาที่เพิ่งเสียไป
เขาเป็นชาวสวนชาวไร่ที่มีที่สวนหลายร้อยไร่และมีที่นาอีกร้อยกว่าไร่ เขาขับรถไถ รถแทรกเตอร์ สารพัดรถ เขาขับเป็นหมด เขามีสวนส้มหนึ่งร้อยไร่ สวนลิ้นจี้เกือบร้อยไร่ สวนลำใยและผลไม้อื่นๆ รวมกันอีกสามร้อยกว่าไร่ แถมมีสวนหน่อไม้ด้วยอีกหลายสิบไร่
และเขาปลูกข้าวกินเองและขายทุกปี จนทุกวันนี้เขามีเงินในบัญชีหลายร้อยล้านโดยที่ไม่มีใครรู้ แม้แต่คุณยายของเขาก็ยังไม่รู้ แล้วที่เขาไม่ได้บอกคุณยายเพราะว่ากลัวคุณยายจะความดันขึ้นก็เลยไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด บอกเพียงแค่ว่าเขามีเงินในบัญชีถึงล้านแล้วนะ แค่นี้สำหรับคุณยายคำ ถือว่ามากแล้ว
แต่ผู้ชายอย่างแดนดินถ่อมตัวเสมอ เขาเหมือนเสือซ่อนเล็บที่ไม่เคยคุยโม้โอ้อวดใคร ไม่เคยบอกใครว่าเขาทั้งเก่งและรวยมากแค่ไหน
เขาชอบแต่งตัวบ้านๆ ด้วยเสื้อยืดสีขาวที่สวมทับด้วยเสื้อยีนสีซีดกับกางเกงสีซีดขาดๆ กับผ้าขาวม้าของคุณตาที่ตกมาถึงมือเขาหลายสิบผืน พร้อมกับหมวกคาวบอยสีน้ำตาลที่กลายเป็นหมวกใบโปรดของเขา ซึ่งเมื่อก่อนเป็นของคุณตา แต่ตอนนี้เป็นของล้ำค่าของเขาไปแล้ว