บทที่ 1

908 คำ
กว่าจะถึงตอนที่ส่งแขกกลับบ้านก็ดึกดื่นค่อนคืนเข้าไปแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวส่งตัวเข้าหอกันที่โรงแรมนี้เลย แขกที่เดินทางมาจากทางไกลก็ค้างคืนที่โรงแรมนี้เช่นกัน รวมถึงข้าวปุ้น เพราะถ้าดึกขนาดนี้เธอก็ไม่อยากกลับบ้าน บ้านที่พักอาศัยอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่บ้านของเธอหรอก เธอเป็นเพียงแค่เด็กในบ้านที่ภรรยาคนเก่าของเจ้าของบ้านอุปถัมภ์ไว้ หลังจากผู้มีพระคุณเสียชีวิตไปแล้ว ข้าวปุ้นก็ต้องอยู่ดูแลลูกสาวของนางต่อ เพราะมันเป็นคำสั่งเสียสุดท้าย และลูกสาวของผู้มีพระคุณก็คือทรงอัปสร ภรรยาของเสี่ยนเรศวร ถึงแม้ว่าทรงอัปสรจะย้ายออกมาอยู่กับสามีแล้ว แต่ก็ยังฝากข้าวปุ้นช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลพ่อของเธอต่อ เพราะแม่เลี้ยงนิสัยเสียมาก เธอกับแม่เลี้ยงไม่ลงรอยกันแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วนน้องสาวที่เกิดจากภรรยาใหม่ของพ่อ แรกๆ ก็ไม่ถูกกันหรอก แต่ยังไงเลือดก็ต้องข้นกว่าน้ำพอน้องมีปัญหาทรงอัปสรก็เข้าไปช่วย ทั้งสองเลยพอที่จะหันหน้าเข้าหากันบ้าง เพื่อนร่วมงานที่พอจะคุยกันได้ตอนนี้ก็เป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว และห้องหอของทั้งสองก็อยู่ทางซ้ายมือคู่หนึ่ง​ ขวามืออีกคู่หนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ข้าวปุ้นอยากมีคู่หรอก กลัวการพลัดพราก กลัวการสูญเสีย เธอก็เป็นคนหนึ่งที่มีพ่อมีแม่ พวกท่านเสียชีวิตแล้ว ตั้งแต่เพิ่งจำความได้เลยมั้ง ต้องระหกระเหเร่ร่อนไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า กว่าจะมีผู้อุปถัมภ์ก็ผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน ถ้าเธอมีลูกกลัวว่าจะทำให้เขาต้องมาลำบากเหมือนแม่ บ่ายคล้อยของวันต่อมา.. พวกเธอเป็นคนทำงานกลางคืน และเวลากลางวันคือเวลานอน กว่าจะตื่นมาอีกทีก็ตอนที่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ โอ๊ยตายแล้วกว่าจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก ลืมตั้งนาฬิกาใหม่เลย ข้าวปุ้นรีบเก็บของส่วนตัวที่นำมาเมื่อคืนนี้ใส่กระเป๋า แล้วก็ลงมาแจ้งกับทางพนักงานว่าเธอจะออกแล้ว ห้องทุกห้องของแขกเมื่อคืนนี้ทางเจ้าบ่าวเป็นคนรับผิดชอบ แต่ก่อนออกก็ต้องไปเช็คเอาท์ออกก่อน "ขอโทษนะคะคุณชื่ออะไรคะ" "ชื่อข้าวปุ้นค่ะ ต้องยื่นบัตรด้วยไหมคะ" "ไม่ต้องหรอกค่ะ ถ้าคุณชื่อข้าวปุ้นเชิญทางนี้ก่อนนะคะ" "ค่ะ..?" ถึงแม้จะสงสัยแต่ข้าวปุ้นก็ยอมเดินตามพนักงานไป พนักงานพาเธอเข้ามานั่งอยู่ในห้องรับรองแขก และบอกว่าให้นั่งรอก่อนเดี๋ยวจะมีคนมาหา หน้าห้องรับรองแขกในเวลาต่อมา.. "คนที่มาขอพบผมอยู่ที่ไหน" "รออยู่ในห้องรับรองแขกค่ะ" "ใครเหรอ" "คุณอัคคีเข้าไปดูเถอะค่ะ" ว่าแล้วพนักงานก็เดินกลับไปประจำจุดทำงานของตัวเอง คล้อยหลังพนักงานอัคคีก็เปิดประตูเข้าไปในห้องรับรองแขกชั้นหนึ่งของโรงแรม "??" "......." ข้าวปุ้นหันไปมองก็เห็นว่าเป็นผู้ชายคนนั้น เขามีอะไรจะคุยกับเรา หรือเรื่องงานที่จะให้มาช่วย แต่มันใช่เวลาไหมเพราะถ้าช้ากว่านี้เธอต้องไปทำงานสายแน่ "พนักงานบอกว่าคุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอ" ข้าวปุ้นยังไม่ทันได้ถามอีกฝ่ายก็ถามมาก่อน เราอยากคุยกับเขาตอนไหนเนี่ย เขาเองไม่ใช่หรือที่บอกให้พนักงานพาเรามารออยู่ห้องนี้? "มีอะไรที่พูดไม่ได้หรือเปล่า" อัคคีเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบแถมยังมองหน้าเขา ที่ข้าวปุ้นมองเพราะสงสัยเขาความจำสั้นเหรอ ถ้าไม่ใช่แบบนั้นแล้วมันเรื่องอะไร ..ฉับพลันนั้นข้าวปุ้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือแม่ระย้าอีกแล้ว โอ๊ยฉันจะบ้าตาย ถ้าครั้งนั้นไม่เพราะแกล้งบอกว่าสนใจผู้ชายคนอื่น ระย้าก็คงจะสงสัยว่าเธอกับตุนท์มีความสัมพันธ์กัน ข้าวปุ้นเลยตัดปัญหาบอกว่าสนใจอัคคี และมันก็เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด รวมถึงตอนที่เธอเสียจูบให้กับอัคคีในห้องพิเศษนั้นด้วย "คือฉัน..ฉัน.." "ผมมีเวลาไม่มาก ถ้ายังนึกไม่ออกค่อยเอาไว้คุยวันหลัง" ชายหนุ่มพูดพลางดันตัวลุกขึ้นพร้อมกับติดกระดุมเสื้อสูทเตรียมที่จะออกไป "ฉันอยากจะคุยเรื่องงานค่ะ" ถ้าไม่พูดอะไรออกมาสักหน่อยเดี๋ยวก็หาว่าอยากเจอหน้าเขามากจนใช้แผนให้เขาเข้ามาหาในห้องนี้ "เรื่องงาน?" "ใช่ค่ะเรื่องงานที่คุณจะให้ฉันมาช่วย" "เรื่องนั้นถ้าคุณพร้อมตอนไหนก็เข้ามาได้เลย สถานที่อยู่ด้านหลังของโรงแรม" "...ค่ะ" "ยังมีอะไรอีกไหม" "ไม่มีแล้วค่ะ" พูดจบร่างเล็กก็ยันตัวลุกขึ้นแล้วสาวเท้าก้าวเดินนำหน้าออกจากห้องรับรองแขก จะให้เขาออกก่อนไม่ได้ เพราะถ้าไม่งั้นเธอต้องเสียหน้ามากกว่านี้แน่ ตุ๊บ.. "โอ๊ย" แต่เพราะรีบเกินเท้าของเธอเลยชนเข้ากับขอบประตู
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม