“คุณพ่อคุณแม่คะ พรีมให้สัญญาว่าพรีมจะยิ้ม ไม่ต้องห่วงพรีมนะคะ พี่ภูมิดูแลพรีมดีมากค่ะ พรีมเองก็จะดูแลพี่ภูมิให้ดีเหมือนกัน” ภูมินทร์ยิ้มรับก่อนจะจูงมือน้องสาวกลับมายังบ้านหลังใหญ่พร้อมกับตัวเองอีกครั้ง ทั้งสองช่วยกันทำให้งานทำบุญครบรอบวันตายของพ่อและแม่ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างไร้ที่ติ หากแต่ยังมีอีกเรื่องที่ภูมินทร์จำต้องบอกน้องสาวหลังงานจบ บางเรื่องที่เขาคิดว่าเธอคงไม่พอใจแน่ หากรู้ว่าเขาเฝ้าเพียรพยายามปิดมันมาแรมเดือน
“พี่มีใครบางคนอยากแนะนำให้พรีมรู้จัก” ราชาวดีแทบจะหยุดยิ้มลงไปในทันทีเมื่อได้ยินบางประโยคของพี่ชายเข้า หากแต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรไปภูมินทร์ก็เป็นฝ่ายเดินออกจากบ้านก่อนที่จะเดินกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอนั้นไม่รู้จักมาก่อน
“นี่พรีมครับริสาน้องสาวของผมที่เคยเล่าให้ฟัง พรีม…นี่คือริสา ริสาเขาเป็นคนรักของพี่เอง” ภูมินทร์เอ่ยออกไปตามความจริง ไม่ช้าก็เร็วราชาวดีก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดีจึงป่วยการจะปิดบังเธอได้อีกต่อไป
“คนรักเหรอคะ!” ราชาวดีทวนคำบอกเล่าอย่างไม่อยากจะเชื่อหูสักเท่าไหร่ เธอจ้องมองภูมินทร์เพื่อขอคำอธิบายมากกว่าการเงียบ เพราะการเงียบของเขามันจะยิ่งทำให้เธอรู้สึกเป็นคนไม่สำคัญ
“ครับ คนรัก! พี่กับริสาเราคบกันได้สักพักแล้ว ทำตัวน่ารักๆ กับพี่เขาหน่อยนะ”ภูมินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเอาการพร้อมขยี้ผมน้องสาวเล่น ต่างจากคนถูกกระทำที่ได้แต่จ้องมองพี่ชายสลับกับผู้หญิงตรงหน้าที่เขาบอกว่าคือคนรักด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจ ไม่นานอีกฝ่ายก็ส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเริ่มต้นเอ่ยแนะนำตัวเอง
“น้องพรีมใช่ไหมคะ พี่ชื่อริสาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ราชาวดียังคงวางตัวด้วยท่าทีเช่นเดิม สายตาเบนหนีไปหาพี่ชายต่างสายเลือดชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจหันกลับมาตอบโต้คนตรงหน้าที่เธอนั้นไม่อยากรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรืออีกสิบปีข้างหน้าก็ไม่อยากรู้จัก!
“ฉันมีพี่แค่คนเดียวค่ะ! ส่วนคนอื่นไม่ใช่!!” ราชาวดีตวาดเสียงแข็ง รู้สึกเกลียดชังคนรักของภูมินทร์อย่างหาเหตุผลไม่ได้ แต่แค่เพียงชั่วหนึ่งเท่านั้นที่หันไปสบตากัน เธอกลับเห็นแววตาเย้ยหยั่นจากอีกฝ่ายซึ่งมันก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนมาอ่อนโยนดั่งเดิม
“อย่าเสียมารยาทกับพี่ริสาเขาแบบนั้นสิพรีม! ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้!” ภูมินทร์รีบว่าปามน้องสาว สิ่งที่คิดไว้เป็นไปตามนั้นจริงๆ
“ไม่ค่ะ! พรีมไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย ถ้าพี่ภูมิอยากขอโทษเขาก็เชิญพี่ภูมิขอโทษไปคนเดียวเถอะค่ะ ส่วนเรื่องนี้ยังไงพรีมก็ไม่ยอมรับ! ยังไงก็ไม่ยอม!!” ราชาวาดีตวาดกลับอย่างไม่คิดเกรงกลัว เธอจ้องมองพี่ชายตาแข็งก่อนจะเป็นฝ่ายเดินหนีออกมาจากบ้านท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของภูมินทร์ที่ดังตามหลังมา แต่เธอก็ไม่คิดจะสนใจหันกลับไปมอง เพราะรู้สึกโกรธเขาที่ปิดบังเรื่องนี้กับตัวเอง
“อย่าไปว่าน้องเลยคะภูมิ น้องพรีมแกคงโกรธอยู่ ริสาเข้าใจค่ะ ให้ริสาไปคุยกับแกเองนะคะ ผู้หญิงกับผู้หญิงคุยกันน่าจะเข้าใจกันมากกว่า ภูมิไม่ต้องห่วงนะคะ” ภูมินทร์เงียบไปนานเพราะกลัวว่าเรื่องมันจะยิ่งไปใหญ่หากเขาปล่อยให้ริสาออกไปคุยกับน้องสาวตัวแสบตามลำพัง ด้วยรู้ฤทธิ์ฝ่ายนั้นดีกว่าบทจะดื้อก็ดื้อสุดๆ ไม่มีใครเอาอยู่นอกจากเขาที่เป็นคนตามใจจนทำให้เธอนั้นมีนิสัยเอาแต่ใจตัว
“แต่ผมว่าให้ผม…”
“นะคะภูมิ ให้ริสาลองไปคุยกับแกดูก่อน ถ้าไม่สำเร็จเราค่อยหาวิธีใหม่กัน” เมื่ออีกฝ่ายยืนยันที่จะทำแบบนั้นภูมินทร์จึงยอมพยักหน้าตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าในใจเขาจะไม่คิดว่าการทำอย่างที่ริสาว่ามันจะได้ผล แต่หากลองดูสักหน่อยมันก็ไม่น่าจะเลวร้ายอะไร
“น้องพรีมคะ” เสียงเรียกจากคนที่เดินตามกันมาทำให้ราชาวดีทำท่าจะเดินหนีแต่ติดตรงมือของอีกฝ่ายกระชากต้นแขนของเธอไว้ซะก่อน แรงบีบที่รุนแรงทำให้หญิงสาวกัดฟันแน่ก่อนจะสะบัดมือออกเพื่อที่จะได้หันกลับไปเผชิญหน้ากับคนสองหน้าได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อสองสายตาสบกันคนที่เป็นฝ่ายเรียกเลยชิงพูดก่อน
“พี่จะมาอธิบายเรื่องที่พี่กับภูมิคบกัน เราไม่ได้อยากปิดบังน้องพรีมหรอกนะคะ แต่ภูมิเขากลัวว่าถ้าน้องพรีมรู้จะกีดกันเราเหมือนที่เคยทำกับผู้หญิงคนอื่นก็เลยต้องปิด อย่าโกรธภูมิเลยนะคะ” หญิงสาวแสยะยิ้มออกมาให้กับการจีบปากจีบคอพูดของอีกฝ่ายที่ดูยังไงมันก็คือการแสดงละครมากกว่าที่จะเป็นนิสัยที่แท้จริงของเธอได้
“พี่ริสาคิดจริงๆ เหรอคะว่าพรีมจะยอมรับเรื่องนี้ ถ้าลองพรีมบอกให้พี่ภูมิเลือก พี่ริสาแน่ใจเหรอคะว่าเขาจะเลือกพี่” ริสายิ้มรับคำถามก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปอย่างไม่ต้องขบคิดอะไรให้มากความ
“มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นน้อง แต่ก็ไม่ใช่น้องแท้ๆ ก็แค่เด็กกำพร้าที่พ่อแม่เขารับมาเลี้ยง ลองเทียบกับคนรักพี่ว่ามันก็น่าจะพอเปลี่ยนใจเขาได้บ้าง น้องพรีมเองคิดแบบนั้นใช่ไหมคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยเกาะตำแหน่งคนรักเอาไว้แน่นๆ หน่อยนะคะ เพราะไม่แน่บางทีน้องสาวไม่แท้คนนี้…อาจจะแย่งมันมาก็ได้ ลองน้ำตาลได้อยู่ใกล้มด มีหรือจะไม่คิดลองชิม พี่ริสาก็คิดแบบนั้นใช่ไหมคะ” ราชาวดีตอบกลับไปพร้อมแสยะยิ้มเมื่อสามารถคืนคำพูดที่อีกฝ่ายพูดใส่กันกลับไปให้ ไม่นานร่างระหงก็เดินเชิดจากไปอีกทาง