คริสานึกถึงอดีตที่เกิดขึ้น ตอนนั้นเธอพาลูกชายเข้ามาอยู่ในบ้านของกลกันต์ ทำให้กรพักตร์ต่อต้านเป็นอันมาก เธอมารู้จากคชากรอีกว่ากรพักตร์เป็นคู่แข่งทุกอย่างของลูกชาย ทั้งเรียนดี กีฬาเด่น แถมเรื่องการสอบชิงทุนและอะไรอีกหลายอย่าง เธอจึงคิดที่จะกำจัดกรพักตร์ออกไปจากชีวิตของเธอกับลูก
กรพักตร์มีข้อเสียตรงที่อารมณ์ร้อน เธอจึงใช้ข้อเสียตรงนี้จัดการอีกฝ่าย
เธอพูดยั่วยุกรพักตร์ทำให้กรพักตร์เข้าตบตีเธอ แล้วกลกันต์มาเห็นเข้าพอดี นั่นทำให้เขาโกรธมาก บังคับให้ลูกชายคนเดียวขอโทษเธอ แต่กรพักตร์ไม่ยอม ด่าว่าพ่อตัวเองหลงเมียใหม่จนโงหัวไม่ขึ้น เมื่อวัยหนุ่มกลกันต์เป็นคนอารมณ์ร้อนไม่ต่างกัน จึงรู้สึกไม่ชอบใจที่โดนลูกชายพูดใส่หน้าแบบนั้น ทำให้ทะเลาะกันใหญ่โต ถึงขั้นลงไม้ลงมือ ตัดพ่อตัดลูก จนกรพักตร์หนีเตลิดออกจากบ้านไป และวสุธาได้รับไปเลี้ยงดู โดยวสุธาแจ้งข่าวมาให้กลกันต์ได้รับรู้ว่ากรพักตร์อยู่กับตนไม่ต้องเป็นห่วง สามีมีผู้มีทิฐิของเธอก็คิดว่าลูกชายควรมาขอโทษ พ่อลูกต่างมีทิฐิจึงแตกหักไม่มีใครยอมอ่อนลงหรือเป็นฝ่ายง้อก่อน เพราะกลัวเสียฟอร์ม ทำให้หมางใจกันมาจนถึงทุกวันนี้
“คุณแม่เป็นอะไรเหรอครับ หน้าตาดูซีเรียสจัง” ประโยคของลูกชายทำให้คริสาหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อครั้นอดีต
หลังจากนั่งคุยกับสามีเสร็จ อีกฝ่ายก็ขอตัวไปพักผ่อน ช่วงนี้กลกันต์สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง จึงไม่ใคร่ได้ออกไปไหน
“เป็นอะไรครับ ทำไมดูตกใจขนาดนั้น”
“แม่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่น่ะ”
“คิดอะไรครับ ไหนบอกผมมาซิ” เพราะสนิทกับมารดามาก ดูแลกันมาแต่เล็กแต่น้อย คุยกันได้ทุกเรื่อง เขาจึงเอ่ยถามมารดาถึงความไม่สบายใจของท่าน
“ลูกคงจำไอ้กรพักตร์ลูกชายของลุงกันต์ได้ใช่ไหม”
“ถามถึงหมอนั่นทำไมเหรอครับคุณแม่ มันกลับมาเหรอ” คชากรเลิกคิ้วขึ้นถาม
“ก็ไม่เชิงหรอก แต่คุณลุงพูดถึงมัน”
“ก็แค่พูดถึงนี่ครับ มันไม่ได้กลับมาเสียหน่อย” คชากรมองหน้ามารดา แต่สีหน้าของท่านเป็นกังวลอยู่มาก
“พูดถึงแสดงว่าคิดถึง แม่ไม่ไว้ใจ” ประโยคของมารดาทำให้คชากรนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
เขากับกรพักตร์เป็นคู่แข่งกันมาตลอด เขาสอบได้คะแนนเต็มหมอนั่นก็สอบได้คะแนนเต็ม เขาเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลที่เก่งไม่แพ้ใครในโรงเรียน แต่หมอนั่นก็ล้มเขาได้ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ สาว ๆ ที่ชอบเขาก็ชอบหมอนั่นด้วย แม้ในโรงเรียนจะมีสาว ๆ ชอบบุคลิกผู้ชาย แบบเขา น่ารัก อบอุ่นอ่อนโยนและเป็นที่พึ่งของทุกคนได้ แถมยังเป็นที่รักของครูบาอาจารย์อีก แต่ในขณะเดียวกันกรพักตร์ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าเขาเลย แม้อีกฝ่ายจะดูแบดบอย ไม่ค่อยสนใจใคร ทำสาว ๆ อกหักกันเป็นแถว แต่ก็เป็นจุดเด่นในโรงเรียนไม่แพ้กัน ทั้งเรื่องการเรียนและกีฬา ครูบาอาจารย์ในโรงเรียนจึงมองข้ามบุคลิกกวน ๆ ของกรพักตร์ไป
“ตาหมอ ตาหมอ ตาหมอ!”
“ครับคุณแม่”
“เป็นอะไรใจลอยไปถึงไหน แม่เรียกตั้งหลายครั้ง”
“ผมแค่คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะครับ”
“แม่คิดว่าเราต้องจัดการขั้นเด็ดขาดนะ ไม่อย่างนั้นไอ้กรพักตร์มันจะกลับมาทวงทุกอย่างของมันคืน แม่อุตส่าห์วางแผนเฉดหัวมันออกไปจากบ้านแล้ว แม่จะไม่ยอมให้มันกลับมาเอาอะไรในบ้านนี้ไปได้อย่างเด็ดขาด” เธออุตส่าห์วางแผนใส่ร้าย ทำให้กลกันต์เข้าใจผิดกรพักตร์ว่าทำร้ายตน และสร้างเรื่องอีกหลายอย่าง เธอจะไม่ยอมให้กรพักตร์ได้ทรัพย์สินอะไรของกลกันต์แม้แต่บาทเดียว
“คุณแม่หมายความว่า...” คชากรเอ่ยถามมารดา
“ทำให้แนบเนียนที่สุด อย่าให้ใครจับได้ ให้มันค่อย ๆ ตาย”
“คุณแม่ไม่รักคุณลุงกันต์บ้างเลยเหรอครับ”
“แม่รักเงินมากกว่า และรักลูกมากกว่าสิ่งใด ใครที่มันจะมาแย่งอะไรของลูกไป แม่ไม่มีวันยอมเด็ดขาด” เธอยื่นมือไปลูบศีรษะของบุตรชายเบา ๆ เธออยู่กับมารดาที่บ้านสวนและค่อนข้างฐานะไม่สู้ดี ติดไปทางยากจนอยู่มาก แม้จะมีบ้านช่องแต่ก็ไม่ได้มีเงินทองใช้จ่ายเหมือนอย่างคนอื่นเขา หลังจากที่สามีตาย เธอก็ต้องเลี้ยงลูกมาคนเดียว แม้จะมีมารดาคอยช่วยเลี้ยงดูลูกบ้างเวลาเธอออกไปรับจ้างทำงาน แต่ก็โดนดูถูกดูแคลนสารพัด เธอพร่ำสอนให้ลูกตั้งใจเรียน เป็นคนเก่ง ให้อยู่เหนือคนอื่น เป็นที่รักของผู้ใหญ่ จะได้มีคนเอ็นดู ไอ้พวกที่มันดูถูกเธอกับลูกแต่ลูกมันกลับมาลอกการบ้านลูกของเธอเธอ เธอก็เลยด่ากลับไปให้มันอาย และสอนให้ลูกเก็บเงินจากเด็กพวกนั้น ถ้าใครอยากให้ทำการบ้านให้ อยากลอกการบ้าน อยากให้ทำรายงานให้ ก็ต้องมีเงินมาแลก หลังจากนั้นจึงไม่มีใครกล้าดูถูกคชากรอีก ลูกชายของเธอกลายเป็นไอดอล เป็นผู้ชายน่ารัก มารยาทเรียบร้อยและดูดี จนสามารถสอบเข้าเรียนหมอได้ ในวันนั้นเธอรู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งที่ส่งลูกไปถึงฝั่งฝัน ประจวบเหมาะกับที่เธอได้เป็นภรรยาของกลกันต์ เธอก็ออดอ้อนออเซาะ ดูแลเอาอกเอาใจเขาสารพัด จนเขาส่งเสียคชากรเรียนจบหมอพร้อมด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง โดยที่เธอไม่ต้องคอยรับจ้างทำงานให้เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน
กลกันต์ก็ถือว่ามีบุญคุณ แต่สำหรับเธอแล้ว ไม่มีใครสำคัญกับเธอเท่ากับลูกอีกแล้ว ดังนั้นหากกลกันต์คิดจะหักหลังเธอยกทรัพย์สมบัติให้ศัตรูคู่อาฆาตของคชากร แม้จะเป็นลูกในไส้ของกลกันต์เธอก็ไม่เว้น เพราะนั่นเท่ากับทรยศเธอด้วย ทรัพย์สมบัติพวกนี้เธอช่วยดูแล เธอจะไม่ยอมให้ใครมาชุบมือเปิบไปได้ โดยเฉพาะคนที่หนีหายไปนานสิบกว่าปี จู่ ๆ จะกลับมาเอาทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเธอกับลูกไป เธอไม่มีวันยอม!
“แล้วผมจะจัดยาให้นะครับคุณแม่” คชากรตอบรับมารดา เพราะสำหรับเขาแล้ว เขาจะไม่ยอมให้กรพักตร์ได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างแน่นอน อะไรที่เป็นของมัน เขาจะแย่งมาเป็นของเขาให้หมด แม้แต่อนาคตของที่ดีของมัน
คชากรยอมรับกับตัวเองอย่างซื่อสัตย์ว่าตอนที่กรพักตร์ทะเลาะกับกลกันต์และหนีออกจากบ้านไป ไม่ยอมเรียนหมอทั้ง ๆ ที่สอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดได้ เขารู้สึกสะใจเป็นบ้า แทบจะจุดพลุเลยเสียด้วยซ้ำ
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่เป็นคู่แข่งของเขามาตลอดจะโดนเขากับมารดาเหยียบจนจมดิน ไร้อนาคตไม่ได้เรียนต่อ เป็นแค่ชาวสวนชาวไร่อยู่ต่างจังหวัดเช่นนี้ แค่ได้ข่าวว่ามันไปทำไร่ไถ่นากับลุงของมันเขาก็สะใจจนแทบบ้า
“ดีมาก เอาให้มันตายช้า ๆ ส่วนเรื่องพินัยกรรมแม่จะจัดการทุกอย่างเอง รับรองว่าไม่มีใครจับได้แน่นอนว่าเราปลอมพินัยกรรมขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นของลูก แม่สัญญา” คริสาโบกพัดในมือไปมาด้วยรอยยิ้มมาดร้าย
“ส่วนเรื่องแต่งงานเอาที่คุณแม่ชอบเลยครับ ผมยังไงก็ได้ แล้วแต่คุณแม่ครับ”
“แม่ก็คิดว่าจะจัดที่บ้าน บ้านของเราหลังใหญ่จะตายไป จะไปจัดที่โรงเรียนให้สิ้นเปลืองต้องเช่าสถานที่ทำไม แล้วพวกออแกไนเซอร์หรือพวกที่จะมาช่วยจัดสถานที่เป็นเพื่อน แฟนคลับลูกไม่ใช่เหรอ เขามาทำให้ฟรีใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“ดีจ้ะ จะได้ประหยัด เงินทองเป็นของหายาก อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปสิ้นเปลืองกับมันมาก ดอกไม้อะไรพวกนั้นพอจัดงานเสร็จก็ต้องขนไปทิ้ง เสียดายจะแย่”
“แล้วแต่คุณแม่ครับ” คชากรตามใจมารดาเสมอ
“เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามเดือน ทุกอย่างคงไม่มีปัญหาอะไร ให้ไอ้แก่นั่นมันตายหลังงานแต่งนะ เพราะถ้ามันตายก่อน เราจัดงานแต่งจะถูกครหานินทาเอาได้”
“ครับคุณแม่”
“ส่วนแม่ขวัญน่ะเขาไม่มีปัญหาอะไรหรอก” คริสานึกถึงหลานสาวนอกไส้ก็ยิ้มออกมา การที่เธอนำเพียงขวัญมาชุบเลี้ยงเอาไว้ ก็เพราะอยากได้สมบัติ และอยากให้เพียงขวัญมาคอยรับใช้ตนกับลูกชาย