เมฆฝนแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ค่ำคืนนี้ค่อนข้างมืดสนิท ปุณณ์ ว่าที่คุณพ่อในวัยเฟรชชี่ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลา จมูกสันโด่ง ดวงตาสีนิลของเขากำลังจ้องมองถนนอย่างไม่วอกแวก ตอนนี้เขากำลังขับรถเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังออกมาจากผับ DEMO69 ที่คนเป็นพ่อมอบหมายให้เขาเป็นคนดูแล ปุณณ์ทำเสียงจิจ๊ะในลำคออย่างหัวเสียเพราะฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เขาต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ
หลังจากวันที่เซ็นสัญญาเรื่องลูกในท้องของนุ่น เขาต้องรอให้อายุครรภ์ของนุ่นครบสิบสัปดาห์ถึงจะสามารถตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อสำหรับเด็กในท้องซึ่งเขาต้องรออีกสองสัปดาห์ และฟังผลในสัปดาห์ถัดไป และวันนี้ผลพิสูจน์ก็ออกมา เขากำลังจะได้เป็นพ่อคน ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามา เขากังวลไปเสียทุกอย่าง เขาจะเป็นพ่อที่ดีได้ไหม เขาจะเลี้ยงดูเด็กที่จะเกิดมาอย่างไรดี แต่เขาโชคดีที่มีครอบครัวที่รัก ที่พร้อมจะช่วยเหลือประคับประคองเรื่องนี้ไปด้วยกัน ถึงแม้ลูกจะเกิดจากคำว่าพลาด แต่เขาจะทำให้เด็กคนนี้สมบูรณ์แบบ เพรียบพร้อม จะไม่ทำให้รู้สึกว่าขาดหายอะไรแม้แต่ความรัก เขาจะเป็นทั้งพ่อและแม่ที่ดีให้ได้
ปี๊นนนนน!!! เอี๊ยดดดดดดดด!!!!
"เฮ้ย!!" ปุณณ์อุทานออกมาอย่างตกใจ หลังจากที่เผลอคิดเรื่องลูก นั่นทำให้เขาไม่ได้ระวังข้างหน้า กว่าจะรู้ตัวก็รู้สึกเหมือนสายตาเห็นเงาอะไรสักอย่างที่พุ่งออกมาจากข้างทาง จึงบีบแตรและเหยียบเบรครถอย่างกะทันหัน เขาพยายามรวบรวมสติของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูรถลงไป
ปุณณ์มองฝ่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ก่อนจะมองเห็นว่าเป็นร่างขาวโพลนที่สะท้อนไฟหน้ารถนอนอยู่ เขารีบวิ่งเข้าไปดูและพลิกร่างที่นอนอยู่เพื่อจะมองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ซึ่งเขาก็พบว่าเป็นผู้หญิงที่ใส่เพียงชุดว่ายน้ำเท่านั้น
"คุณครับ...คุณ...ได้ยินผมไหม" ปุณณ์ตัดสินใจรวบร่างของหญิงสาวขึ้นมาพร้อมเอ่ยถามไปด้วย เขาเห็นเหมือนว่าเธอยังพอมีสติเพราะอีกฝ่ายพยายามจะลืมตาขึ้นแต่สุดท้ายก็สลบไป
เมื่อเห็นแบบนั้นปุณณ์จึงตัดสินใจอุ้มร่างที่หมดสติไปขึ้นรถ ก่อนที่ตัวเขาจะอ้อมมาขึ้นรถอีกฝั่ง แต่พอเห็นร่างที่แทบจะเปลือยเปล่าของเธอเขาจึงเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมที่เบาะหลังมาคลุมทับไปที่ร่างนั้น เขาชั่งใจเพียงครู่ว่าจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาลที่อยู่ไกลออกไปหรือจะพากลับไปที่บ้านที่ขับรถอีกไม่ถึงห้านาทีก็ถึงเพื่อให้ผู้เป็นแม่ตรวจดูอาการ เขาตัดสินใจเลือกอย่างหลังรีบขับรถกลับบ้านในทันที
"ไปตามคุณแม่ แล้วก็เตรียมกล่องปฐมพยาบาลมาด้วย" เมื่อมาถึงบ้านปุณณ์รีบลงจากรถ สั่งบอดี้การ์ดที่อยู่บริเวณนั้น แล้วจัดการอุ้มคนหมดสติเข้าไปในบ้าน
"คุณปุณณ์" แม่บ้านที่เดินออกมาพอดีเอ่ยเรียกเขาด้วยความตกใจ ที่เนื้อตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก มิหนำซ้ำยังอุ้มผู้หญิงที่มีสภาพไม่ต่างกันเข้ามาอีก
"เปิดห้องนอนแขก" ปุณณ์สั่ง แม่บ้านรีบไปทำตามคำสั่งทันที
"ปุณณ์มีอะไรลูก" ปุณณ์วางร่างหญิงสาวลงบนเตียง เป็นจังหวะที่คนเป็นแม่กับพ่อเดินหน้าตาตื่นเข้ามาพอดี
"ปุณณ์พาผู้หญิงที่ไหนมา" อาชิมองร่างหญิงสาวที่หมดสติบนเตียงก่อนจะเอ่ยถามลูกชาย ชะเอมรีบเข้าไปดูอาการคร่าวๆ ระหว่างรอกล่องปฐมพยาบาล
"ปุณณ์ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเธอเป็นใคร จู่ๆ ก็วิ่งมาตัดหน้ารถปุณณ์"
"ปุณณ์ขับรถชนเธอเหรอลูก"
"ปุณณ์ว่าปุณณ์เบรคทันนะครับคุณแม่"
"พี่ว่าเอมตรวจดูให้ละเอียดก่อน" อาชิบอกเป็นจังหวะที่บอดี้การ์ดนำกล่องปฐมพยาบาลเข้ามาให้พอดี
"งั้นพี่อาชิกับปุณณ์ออกไปรอข้างนอกก่อน เอมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผู้หญิงคนนี้"
"พ่อว่าปุณณ์ก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะดีกว่า เปียกไปทั้งตัวแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้"
"ครับ" ปุณณ์ตอบก่อนจะหันมองร่างหมดสติบนเตียง ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเธอถึงมือแม่ของเขา ถึงจะมั่นใจว่าเธอไม่น่าจะเป็นอะไรมาก เพราะเขาไม่ได้ขับรถด้วยความเร็ว และเท่าที่มองดูจากภายนอกเขาก็ไม่เห็นบาดแผลจากตัวเธอด้วยซ้ำ
"คุณแม่ครับ เธอเป็นยังไงบ้าง" ปุณณ์เอ่ยถามคนเป็นแม่ทันทีที่เปิดประตูห้องนอนแขกเข้ามา
"เธอไม่มีอะไรผิดปกตินะปุณณ์ เท่าที่แม่ตรวจดูปุณณ์ไม่น่าจะชนเธอจริงๆ แต่คงตกใจมากกว่าเลยหมดสติไป จะมีก็แต่รอยช้ำที่ฝ่าเท้า แล้วก็รอยที่เนินไหล่ทั้งสองข้างซึ่งไม่ใช่รอยที่เกิดจากการถูกรถชนแน่นอน แม่ว่าเธอคงไปเจออะไรมา" ชะเอมอธิบายให้ลูกชายฟังอย่างละเอียด เธอผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนลูกๆ โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว มีหรือเธอจะไม่รู้ว่ารอยพวกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
"นี่มันรอย....." ปุณณ์เดินเข้าไปเลิกเสื้อคลุมอาบน้ำช่วงไหล่เพื่อดูร่องรอยที่คนเป็นแม่บอก เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยหันมองหน้าคนเป็นแม่ทันทีด้วยก็รู้ดีว่ามันคือรอยอะไร ชะเอมพยักหน้าตอบ
"แม่ว่าเธอคงวิ่งหนีใครสักคน ดูจากรอยช้ำที่ฝ่าเท้าคงวิ่งมานานพอสมควร"
"ขอบคุณคุณแม่มากนะครับ ปุณณ์นี่ขยันหาปัญหามาให้คุณแม่จริงๆ เลย" ปุณณ์นั่งลงตรงหน้าคนเป็นแม่ ซบใบหน้าลงใบบนตักอบอุ่น
"ปุณณ์อย่าพูดแบบนี้สิลูก ชีวิตคนเรามันผิดพลาดกันได้ เรื่องที่ผ่านมาแล้วเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ ปัจจุบันกับอนาคตต่างหากที่ปุณณ์จะต้องทำมันให้ดี อย่าให้คำว่าพลาดมาทำร้ายความเชื่อมั่นในตัวเอง ทุกคนสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ทุกคนในครอบครัวพร้อมที่จะเริ่มต้นไปกับปุณณ์นะลูก เด็กคนนั้นจะเป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดสำหรับปุณณ์ สำหรับครอบครัวของเรา แม่เชื่ออย่างนั้น" มือบางที่คอยเลี้ยงดู ประคับประคองลูกๆ ทั้งสามตั้งแต่ออกมาลืมตาดูโลก จวบจนเติบใหญ่ ลูบสัมผัสไปบนศีรษะของลูกชายอย่างอ่อนโยน
"ปุณณ์รักคุณแม่นะครับ"
"มาอ้อนอะไรเมียพ่ออีกห๊ะ ปุณณ์" อาชิเปิดประตูเข้ามาแกล้งกระเซ้าลูกชาย
"เมียพ่อก็แม่ปุณณ์นะครับ ทำไมปุณณ์จะอ้อนไม่ได้"
"อ้อนได้ แต่อย่าอ้อนเยอะ พ่อหวง เอมไปนอนเถอะดึกมากแล้ว" อาชิตอบโต้ลูกชาย ก่อนจะเข้าไปประคองภรรยาสุดที่รัก
"คุณแม่ไปนอนกับคุณพ่อเถอะครับ ปุณณ์พาเธอมาปุณณ์จะดูแลเธอเอง"
"แค่ดูแลนะ" อาชิย้ำเตือนลูกชาย
"คุณพ่อพูดอย่างกับปุณณ์จะไปทำอะไรเธอ ชื่อเธอปุณณ์ยังไม่รู้เลย แล้วปุณณ์จะไปทำอะไรเธอได้ยังไง แต่ถึงรู้ ปุณณ์ก็พอแล้วครับ ปุณณ์จะไม่สร้างปัญหาให้กับคุณพ่อคุณแม่อีก ต่อจากนี้ไปปุณณ์จะทำหน้าที่ลูกและพ่อให้ดีที่สุดเท่านั้น"
"แต่อย่าถึงขนาดปิดกั้นตัวเองนะปุณณ์"
"ครับคุณแม่ ไว้เรียนจบ ทำงานอย่างจริงจังเมื่อไหร่ปุณณ์หาลูกสะใภ้ให้คุณแม่แน่นอนครับ ฝันดีนะครับคุณแม่" ปุณณ์ตอบก่อนเข้าไปหอมแก้มคนเป็นแม่ฟอดใหญ่
"พี่อาชิพอแล้ว ไปนอนเลยค่ะ แม่ไปนะปุณณ์" ชะเอมร้องห้ามคนเป็นสามีที่หอมแก้มนวลของเธอข้างเดียวกับที่ปุณณ์หอมซ้ำๆ ย้ำๆ อยู่อย่างนั้น ปุณณ์ยิ้มขำกับการกระทำของคนเป็นพ่อที่รักและหวงแม่ไม่เคยเปลี่ยน
ปุณณ์เข้ามานั่งบนเตียงมองคนที่ยังคงหลับใหล นั่งพิจารณาดวงหน้านั้นอย่างหลงใหลในความสวยและมีเสน่ห์ของหญิงสาวที่เขาไม่เคยพบมาก่อน ใบหน้ารูปไข่ ขนตายาว ผิวขาวนวลเนียน ปากนิด จมูกหน่อย สวย เธอสวยจริงๆ แต่คงใช้ความสวยนั้นผิดไปหน่อย เขาคิด อันเป็นผลมาจากร่องรอยบนเนินไหล่ และสภาพของเธอที่เขาพบ
นาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างมึนงงในตอนเช้า รู้สึกหนักหัวเหมือนจะไม่สบาย มือน้อยกุมไปที่ศีรษะบีบนวดผ่อนคลายความล้า 'เราถูกรถชนนี่' นาวคิดถึงเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะหมดสตินั้นได้ก็เด้งตัวลุกนั่งด้วยความรวดเร็ว มือไม้จับไปทั่วร่างกายของตัวเองพร้อมมองอย่างสำรวจว่ามีบาดแผลตรงไหนหรือเปล่า ก่อนที่จะมองไปรอบๆ ว่าที่นี่คือที่ไหน ทำไมมันไม่เหมือนกับโรงพยาบาล แต่กับหรูหราเหมือนอยู่ในฝัน
"หรือว่าเราจะตายแล้วนะ" นาวพูดอย่างเศร้าสร้อยพลางหลุบตาลงต่ำทันที ดวงตากลมโตนั้นคลอไปด้วยน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องวิ่งหนีด้วยความกลัวอย่างไม่คิดชีวิตด้วยแล้วน้ำตาก็ยิ่งพานจะไหลออกมาเสียให้ได้
"ตื่นแล้วเหรอ? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?" ปุณณ์ที่ออกไปเอาน้ำส้มมาให้หญิงสาวเพราะคิดว่าเธอใกล้จะตื่นแล้ว และก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ กลับมาเธอก็ตื่นพอดี
"เอ่ออออ...คุณเป็นใคร? เข้ามาที่นี่ได้ยังไง?" นาวที่ตกใจกับผู้แปลกหน้าที่เข้ามาก็รวบผ้าห่มหนาขึ้นมาถึงคอ และขยับถอยหลังจนชิดติดกับหัวเตียงทันทีด้วยความตื่นกลัว ก่อนจะรวบรวมความกล้าถามด้วยน้ำเสียงที่กล้าแกร่ง แต่ภายในใจกลับสั่นระรัว เป็นเพราะเขาเป็นคนแปลกหน้าหรือหน้าตาที่หล่อราวเทพบุตรของเขากันแน่ที่ทำให้เธอใจสั่นขนาดนี้ นาวคิดพลางส่ายหัวไล่ความคิดบ้านั้นออกไป เกิดมายังไม่เคยอยู่กับผู้ชายสองต่อสองในห้องนอนแบบนี้เลย เขาจะข่มขืนเธอเหมือนผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า หรือว่าจะจับเธอไปขาย
"เธออยากตายหรือไงถึงวิ่งตัดหน้ารถอย่างนั้น?" ปุณณ์ไม่ตอบคำถามของเธอ แต่ถามกลับไป พร้อมกับวางแก้วน้ำส้มที่หัวเตียงแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้โซฟาที่อยู่ใกล้ๆ
"นาวขอโทษนะคะที่ทำให้คุณลำบาก งั้นนาวไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ" นาวกล่าวออกไปตามความรู้สึก สีหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด พูดพลางลุกออกจากเตียงนอนเพื่อกลับห้องพัก ป่านนี้อีฟคงเป็นห่วงเธอที่หายไปทั้งคืน แต่ก็ลืมดูเสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่ว่าเหมาะสมหรือเปล่า เธอค่อยๆ ก้าวลงจากเตียงนอนลงมายืน และโค้งให้ปุณณ์แทนคำขอบคุณ
ปุณณ์เห็นทุกการกระทำของนาวก็ถึงกับลำคอแห้งผาก ร่างเล็กที่อยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำที่หลุดลุ่ยนั้นทำให้เห็นสัดส่วนเว้าโค้ง หน้าอกที่ใหญ่รับเอวขอด และเหมือนมันจะใหญ่กว่ามือหนาของเขา ถึงจะแค่วับๆ แวมๆ แต่ก็ทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายลงคอ
"ว๊ายยยยยย!!! ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้คนลามก" นาวก้มลงไปมองตัวเองเมื่อเห็นสายตาของคนตัวโตที่มองมา เธอก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่นั้นหลุดลุ่ยแทบจะเปิดเผยให้เห็นอะไรต่อมิอะไร ก่อนจะส่งเสียงด่าชายหนุ่มตรงหน้า พลันตัวเองก็รีบกระชับเสื้อคลุมรีบวิ่งไปที่เตียงเหมือนเดิมและเอาผ้ามาปิดร่างไว้ 'เห็นช่วยเราไว้ก็คิดว่าจะเป็นคนดี หน้าตาก็ดี อร๊ายยยย!!! เกิดมาไม่เคยด่าใครหยาบคายแบบนี้มาก่อนเลย นี่เราหนีเสือปะจระเข้เหรอเนี่ย' นาวคิดพลางกรีดร้องอยู่ในใจ
ปุณณ์ที่เห็นหญิงสาวด่าก็โมโหอยู่ในใจ เกิดมาไม่มีผู้หญิงคนไหนด่าเขาขนาดนี้มาก่อน เขาย่างสามขุมมาหานาวด้วยความขุ่นเคือง