เช้าวันต่อมา…
น้ำมนต์ตื่นนอนแต่เช้ามาทำอาหารช่วยแม่ เป็นเด็กที่ดื้อมากสำหรับน้ำผิงบอกให้นอนพักผ่อนเยอะๆไม่ต้องมาช่วยก็ไม่ฟัง เธอไม่เคยคิดอยากจะให้ลูกมาลำบากแบบนี้เลย แต่ทำอะไรไม่ได้จริงๆ
“แม่บอกว่าให้นอนพักเยอะๆ วันนี้ก็ต้องไปเรียนอีกทำไมถึงไม่ฟังเลย เมื่อคืนก็ไลฟ์ขายของถึงดึกทำไมหนูจะต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยขนาดนั้นลูก”
น้ำผิงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่รู้ว่าลูกทำไปเพื่ออะไร ทุกวันนี้เงินเดือนเธอสามารถให้ลูกกินอยู่ได้สบายไม่ต้องลำบากทำงาน ถึงจะไม่หรูหราแต่พอเลี้ยงดูกันเองสองแม่ลูกได้ไม่เดือดร้อนใคร
“หนูกำลังเก็บเงินเพื่อนบ้านหลังใหม่ของเราไงจ้ะแม่ อดทนอีกนิดนะถ้าหนูเรียนจบได้งานทำจะซื้อบ้านให้แม่ แล้วเราย้ายออกไปอยู่ด้วยกันนะ”
เธอเอ่ยออกมาเสียงสดใส แค่คิดว่าจะได้มีความสุขกันสองแม่ลูกมันก็ทำให้หัวใจของเธอชุ่มชื่นอย่างประหลาด มีแรงที่จะทำงานต่อไปอีกเรื่อยๆ
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ลูก ถ้าหนูอยากออกไปอยู่ข้างนอกเราเช่าบ้านกันก็ได้”
“ไม่ค่ะ ถ้าจะเช่าอยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะเปลืองเงินค่ะ”
น้ำผิงมองลูกสาวก่อนจะส่่ายหน้าอย่างปลงๆ น้ำมนต์ช่วยคุณแม่ซักพักก็รีบไปแต่งตัวเพราะมีเรียนเช้าตอนเก้าโมง เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็สะพายกระเป๋าเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ เดินไปกอดแม่หอมแก้มซ้ายขวาเพื่อขอคำอวยพร
“ไปเรียนแล้วจ้ะแม่อวยพรหน่อย”
“ตั้งใจเรียนนะลูก เดินทางปลอดภัย”
“จ้ะแม่ งั้นหนูไปลาคุณหญิงป้าก่อนนะ”
น้ำผิงพยักหน้าก่อนจะเดินไปพร้อมกับลูกสาวซึ่งตอนนี้คุณท่านทั้งสองอยู่ในห้องอาหารกำลังทานอาหารเช้ากันอยู่
“อ่าวหนูน้ำมนต์จะไปเรียนแล้วเหรอลูก”
“ค่ะงั้นน้ำมนต์ไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะคุณลุงดล สวัสดีค่ะคุณหญิงป้า”
ทั้งสองคนรับไหว้ลุงดลจึงชวนเด็กสาวมาทานข้าวด้วยกันก่อน แล้วจะให้ลูกชายไปส่งยังไงก็ทางเดียวกันอยู่แล้ว
“หนูน้ำมนต์มาทานข้าวกับลุงก่อนมั้ย เดี๋ยวให้พี่เขาไปส่ง”
หญิงสาวรีบปฏิเสธทันที ใครจะกล้าไปร่วมโต๊ะกับพวกท่านล่ะ ถึงแม้จะเคยหลายครั้งแต่แม่เคยบอกว่ามันไม่เหมาะสม เราเป็นลูกจ้างไม่ควรไปตีตนเสมอเจ้านาย
“มะ..ไม่เป็นอะไรค่ะน้ำมนต์ยังไม่หิวเลย อีกอย่างไม่อยากรบกวนเฮียนนท์ด้วยค่ะ”
“รบกวนอะไรอีกละยัยน้ำเน่า”
นนท์ที่เดินมาจากชั้นบนถือเสื้อสูทเดินเข้ามาในห้องอาหาร เขาพอจะได้ยินรางๆว่าวันนี้ต้องไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย ทางผ่านก็ว่าได้ไม่ไกลจากกันมากนัก
“เปล่าค่ะ งั้นน้ำมนต์ไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ”
เธอยิ้มแห้งก่อนจะรีบหันหลังเดินออกไปทันที นนท์ดึงมือเธอให้เดินตามมาก่อนจะจับนั่งลงข้างๆเขาที่โต๊ะ
“กินข้าวสิเสร็จจะไปส่ง พี่เดือนตักข้าวให้น้ำมนต์ด้วย”
“คือว่าหนู…”
เธอรู้สึกลำบากใจที่ต้องร่วมโต๊ะกับทั้งสามคน ความรู้สึกเกรงใจและไม่กล้าจะไปนั่งอยู่ระดับเดียวกับพวกเขามันทำให้เธออึดอัดใจ เธอหันไปมองคุณแม่ท่านไม่ว่าอะไรเพราะเป็นความต้องการของคุณๆทั้งสามคน
“กินเถอะจะได้รีบไป เดือนเอาน้ำเย็นมาให้หนูน้ำมนต์อีกแก้วด้วย ว่าแต่ลุงลืมถามเลยว่าหนูฝึกงานที่ไหนนะ”
“ว่าจะไป W Channel ค่ะ”
“บอกว่าให้มาฝึกที่ช่องไง เธอนี่พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ”
เขาบ่นออกมาอย่างเสียอารมณ์ เมื่อวานอุตส่าห์บอกแล้วนะว่าให้มาฝึกที่เขาก็ยังดึงดันจะไปที่อื่นจนได้ น้ำมนต์หันไปมองทุกคนก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“น้ำมนต์หมายถึงตอนแรกค่ะ แต่ว่าตอนนี้จะไปยื่นที่ NBC Channel ค่ะ”
“ดีแล้วฝึกกับพี่เขานั่นแหละ จะได้ให้ความรู้กันได้เวลาไม่เข้าใจตรงไหน”
“ค่ะคุณลุงดล”
น้ำมนต์ยิ้มรับก่อนจะหันไปมองจานข้าวตรงหน้า คุณหญิงตักกับข้าวใส่จานให้เด็กสาวหลายอย่าง เธอไม่ค่อยได้ทานข้าวกับน้ำมนต์เลยไม่รู้ว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร
“กินเยอะๆนะหนูน้ำมนต์”
“ขอบคุณค่ะคุณหญิงป้า”
หญิงสาวเขี่ยอาหารในจานก่อนจะค่อยๆตักกินอย่างเรียบร้อย นนท์เหลือบสายตามองหญิงสาวก่อนจะหลุดขำออกมาทันที
“ถ้าไม่ชอบก็เขี่ยออก ไม่ต้องฝืนกินหรอก”
“คะ… ชอบสิคะน้ำมนต์กินได้”
เธอสวนกลับมาทันที ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบกินกุ้งแต่ว่าคุณหญิงป้าอุตส่าห์ตักให้เธอก็ต้องกินไม่ให้เสียน้ำใจ
“เธอไม่ชอบกินกุ้ง ผักนี้ก็ไม่กิน คราวหลังบอกแม่ท่านจะได้ไม่ตักให้”
เขาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ ดูก็รู้ว่ากำลังจะฝืนกินเพราะเกรงใจแม่ของเขา คุณหญิงหันไปมองทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยถามทันที
“หนูไม่กินกุ้งเหรอลูก”
“ไม่ชอบกินเฉยๆค่ะ แต่ว่ากินได้นะคะ”
“ตายแล้ว ป้าก็ไม่รู้นะสิตักให้เยอะเลย กุ้งของชอบตานนท์เค้าเลยนะนั่น”
คุณหญิงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม เห็นทะเลาะกันทุกวันไม่คิดว่าจะรู้ใจกันด้วย แต่ก็ว่าไม่ได้สองคนไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยจะรู้ก็ไม่แปลก ส่วนเธอไม่ค่อยได้กินข้าวกับน้ำมนต์เท่าไหร่ อาจจะเพราะเธอไม่ค่อยมาหาเวลาทานข้าวคงกลัวถูกชวนมาร่วมโต๊ะด้วย นิสัยขี้เกรงใจเหมือนแม่ไม่มีผิด
“เอานี่ไปกินแลกกัน ห้ามเอากุ้งฉันไปทิ้งเด็ดขาด”
เขาตักหมูให้เธอแทนก่อนจะเอากุ้งจากจานของเธอมาไว้ในจานของตัวเองทั้งหมด เสียดายของเฉยๆหรอกนะของโปรดทั้งนั้นใครจะไปทิ้งลงกันล่ะ
“ขอบคุณค่ะ”
น้ำมนต์มองสบตากับเขาก่อนจะยิ้มออกมา นนท์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะตักกับข้าวกินต่อ คุณหญิงกับสามีอมยิ้มมองหน้ากันทันที นี่ถ้าไม่รู้จักทั้งสองคนนึกว่าสามีภรรยากัน รู้ใจกันดีขนาดนี้สมแล้วที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก
ใช้เวลาร่วมโต๊ะเกือบยี่สิบนาที ทั้งสองคนก็เดินออกไปขึ้นรถพร้อมเดินทาง น้ำมนต์หันไปมองชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างเอาใจ เขาใจดีกับเธอตั้งแต่เมื่อวานแล้วต้องตอบแทนซะหน่อย
“เฮียนนท์กินกาแฟมั้ยคะเดี๋ยวน้ำมนต์ลงไปซื้อให้”
“เอาสิลงไปด้วยกัน เดี๋ยวไปกินหน้ามหาวิทยาลัยเธอก็ได้ อร่อยดี”
“ได้ค่ะ ร้านนั้นก็ได้”
เธอยิ้มออกมาก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเครื่องรางนำโชคที่มีเอาใส่กระเป๋าเสื้อสูทให้เขาตรงหน้าอก ชายหนุ่มก้มมองการกระทำของเธอก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เอาอะไรมาใส่ให้ฉันเนี่ย”
“เครื่องรางนำโชคค่ะ เฮียนนท์จะได้โชคดีไง”
“ไร้สาระ”
เขาเอ่ยออกมาเสียงรำคาญแต่ก็ไม่ได้หยิบออกเอามาคืนเธอแต่อย่างใด น้ำมนต์อมยิ้มมองเขาตาแป๋วถือซะว่าเขายอมรับไปแล้วนะ
“ไร้สาระอะไรคอยดูสิวันนี้เฮียนนท์จะโชคดีทั้งวันเลยค่ะ คิคิ”
“มันจะโชคดียังไง ฉันซวยตั้งแต่เมื่อวานละ เหอะ!”
“ซวยยังไงเหรอคะ”
น้ำมนต์เอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อวานเขาบอกว่าเซ็นสัญญาราบรื่นดีไม่ใช่เหรอแล้วมันจะซวยยังไงล่ะ ชายหนุ่มนึกได้ว่าเผลอหลุดปากก็รีบแถเปลี่ยนเรื่องทันที
“ปะ…เปล่า ฉันหมายถึงทั่วไปอ่ะ”
“ทั่วไปยังไงคะ”
“ถามเยอะรำคาญ นั่งเงียบๆหน่อย”