Chapter 6

1488 คำ
ช่วงบ่ายน้ำมนต์ไม่ได้มีเรียนอะไรแล้วเธอจึงนั่งรถเมล์ตรงกลับบ้านไม่ได้แวะเที่ยวที่ไหน อีกอย่างเธอมีคำถามจะคุยกับแม่มากมายแต่คงไม่ถามตามตรงไม่อย่างนั้นแม่อาจจะโกรธเอาได้ เมื่อถึงที่บ้านเธอก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปกติก่อนจะเดินไปหาแม่ที่สวนตอนนี้กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ “แม่จ๋า” “อ่าวน้ำมนต์ กลับมาเร็วจังเลยลูก กินอะไรมายังแม่ทำอะไรให้กินมั้ย” หญิงสาวส่ายหน้าทันทีก่อนจะเดินไปหยิบบัวรดน้ำมาช่วยแม่ไม่ไกลกันมากนัก “ไม่เป็นไรจ้ะแม่กินมาแล้ว หนูช่วยนะ” “ไปนอนพักเถอะกลับมาเหนื่อยๆ” “ไม่เป็นไรจ้ะไม่เหนื่อยอะไรเลย น้ำมนต์ว่าจะถามแม่อะไรซักหน่อย แม่พอจะตอบได้มั้ยจ๊ะ” เธอหันไปถามแม่เสียงเบา กลัวคำตอบอยู่เหมือนกันแต่ว่าถ้าไม่ถามมันจะคาใจอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ คนเป็นแม่มองลูกสาวอย่างแปลกใจ ท่าทางดูจะซีเรียสมากอยู่นะ “ถามมาสิตอบได้แม่จะตอบ” “พ่อยังมีชีวิตอยู่มั้ยคะ” เธอมองสบตากับแม่ก่อนจะเอ่ยถาม น้ำผิงมองลูกอย่างตกใจไม่คิดว่าเธอจะอยากรู้คำตอบตอนนี้ ตั้งแต่เด็กลูกไม่เคยถามหาพ่อแต่ทำไมตอนนี้ถึงถามขึ้นมา เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า “เกิดอะไรขึ้นอยู่ๆทำไมถึงถาม” “ก็แค่อยากรู้ค่ะแต่ถ้าแม่ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นอะไร หนูไม่ได้ซีเรียสค่ะช่างมันเถอะนึกเสียว่าหนูไม่เคยถามแล้วกัน” น้ำมนต์เอ่ยออกมาตัดบท เธอไม่อยากให้แม่ลำบากใจในการตอบเรื่องพ่อ ถ้าท่านอยากบอกคงจะบอกนานแล้วไม่ปล่อยให้เธอคาใจมาตลอดแบบนี้หรอก “มีสิ เขายังมีชีวิตอยู่” น้ำมนต์ชะงักไปก่อนจะหันมามองแม่อย่างสับสน ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่แสดงว่าเรื่องที่ผู้ชายคนนั้นพูดก็พอมีมูลอยู่บ้าง แต่ถ้าให้ถามตรงๆแม่คงลำบากใจจะตอบ “งั้นเหรอคะ…” “อยากรู้อะไรอีกถามมาสิแม่จะตอบ” เหมือนว่าลูกสาวจะไปรู้อะไรมาบางอย่าง ไม่อย่างนั้นพ่อลูกคนใดคนหนึ่งต้องไปเจอน้ำมนต์แน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกแล้ว หญิงสาวเงียบไปแย่างลังเล ไม่รู้ว่าจะถามดีมั้ยกลัวว่าแม่จะโกรธ “ไม่ต้องกลัวแม่โกรธ ถามมาสิ” น้ำมนต์เงยหน้ามองคุณแม่ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา ถามตอนนี้ดีกว่าปล่อยให้มันคาใจอยู่แบบนี้ อึดอัดทั้งตัวเธอเองและแม่ด้วย “เมื่อเช้ามีคนมาเจอหนูค่ะ บอกว่าเราสองคนมีพ่อคนเดียวกันเขาบอกว่าชื่อภูมิเป็นพี่ชายคนละแม่กับหนู แต่หนูว่าเขาคงจำผิดคนค่ะ น้ำมนต์มีพ่อที่ไหนกันจริงมั้ยคะแม่” หญิงสาวยิ้มขำอย่างตลก คนละแม่แสดงว่าพ่อคงเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้มากสินะ แต่ก็ช่างเถอะอย่าเก็บมาใส่ใจเลยคงไม่มีอะไรหรอก “แล้วถ้าแม่บอกหนูว่าผู้ชายที่ชื่อภูมิเป็นพี่ชายต่างแม่ของหนูจริงๆล่ะ หนูจะรับได้มั้ย” “แม่ว่าไงนะคะ” น้ำมนต์ถามย้ำอีกครั้งว่าที่เธอได้ยินมันไม่ผิดไป ตกลงว่าผู้ชายคนนั้นคือพี่ชายต่างแม่ของเธอจริงๆอย่างนั้นเหรอ แสดงว่าพ่อมีเมียหลายคนสินะ “แม่บอกว่าคุณภูมิคือพี่ชายแท้ๆของหนูไง” “แล้วเขามาหาหนูทำไมคะ ต้องการอะไรเหรอ ตั้งแต่เราเล็กจนโตไม่เห็นมีใครมาสนใจเลย มาทำไมตอนนี้คะ คือ… หนูแค่ไม่เข้าใจก็เท่านั้น” เธอต้องการรู้เหตุผลที่ลูกชายของเขามาแนะนำตัวในวันนี้ เธอไม่เคยเจอหน้าพ่อมาตลอดยี่สิบสองปี ทำไมวันนี้ถึงมา “รดน้ำต้นไม้ให้เสร็จแล้วแม่จะเล่าให้ฟัง” “เล่าตอนนี้ไม่ได้เหรอคะ” “ทำงานให้เสร็จก่อนสิ เรื่องมันยาวนะ” น้ำมนต์ยอมแพ้ไม่ตื้อต่อ รีบช่วยแม่ให้เสร็จเร็วๆจะได้รู้ความจริงซักที เธอไม่ได้โกรธพ่อที่ทิ้งเราสองคนเพราะท่านไม่เคยสอนให้เธอโกรธหรือเกลียดพ่อแท้ๆ แต่อย่างน้อยเธอเป็นลูกควรรู้อะไรบ้าง ไม่นานทั้งสองคนก็ทำงานเสร็จเรียบร้อย น้ำมนต์นั่งอยู่หน้าบ้านกับแม่สองคน เธอมองท่านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย “ตกลงมันเป็นยังไงคะ” “เมื่อก่อนพ่อกับแม่เราสองคนคบกัน แม่ทำงานอยู่โรงแรมแล้วมาเจอกับพ่อที่มาเข้าพัก เราสองคนก็เลยได้ทำความรู้จักกันจนถึงขั้นคบหาดูใจกันนานเกือบสองปี ตอนนั้นแม่คิดว่าเราคงได้แต่งงานกันแต่สุดท้ายก็มารู้มีหลังว่าพ่อเค้ามีครอบครัวอยู่แล้ว” น้ำผิงเล่าทุกอย่างให้ลูกฟังอย่างไม่ปิดบัง เธอพยายามเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดหลายปีมานี้ เธอกลัวว่าลูกจะรู้ความจริงจึงกันไม่ให้พ่อของเขามาเจอ แต่ตอนนี้คงไม่สามารถปิดบังอีกต่อไปได้แล้ว เพราะยังไงพ่อกับพี่ชายน้ำมนต์ก็ต้องหาทางมาเจอจนได้อย่างเช่นวันนี้ “พ่อใจร้ายกับแม่จังเลย” “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก พ่อยังรับผิดชอบเราสองคนทุกอย่าง ซื้อบ้านซื้อรถให้เงินใช้ไม่ขาดแต่แม่รับตัวเองไม่ได้ที่ต้องถูกมองว่าเป็นบ้านเล็ก ยิ่งภรรยาของพ่อเขาดีมากขนาดยอมให้แม่เป็นเมียอีกคน ยอมให้พ่อเลี้ยงดูเราสองคนเพราะสงสารหนู แม่จึงไม่อยากทำให้ครอบครัวของเธอต้องแตกหัก แม่จึงพาหนูออกมาใช้ชีวิตด้วยกันสองคน ถึงเราจะไม่มีเงินทองมากมายแต่ว่าแม่ก็เลี้ยงหนูมาด้วยความรักทั้งหมดที่มี” “แล้วทำไมเค้าถึงมาหาเราตอนนี้คะ” เธอเอ่ยถามคุณแม่ตาใสแป๋ว น้ำผิงยิ้มกว้างออกมาก่อนจะลูบผมลูกอย่างเอ็นดู ตอนแรกนึกว่าจะโวยวายเสียอีกมีสติกว่าที่คิด การรู้ตอนโตมันดีกว่ารู้ตอนวัยแรกรุ่นอธิบายคงยากจะเข้าใจเพราะยังเด็ก “เค้ามาหาเราตลอด แม่แค่ไม่อยากให้พ่อมายุ่งกับหนู แม่กลัวว่าถ้าหนูรู้ความจริงแล้วจะรับไม่ได้” “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ น้ำมนต์ไมใช่คนไม่มีเหตุผลซักหน่อย อีกอย่างแม่ก็ไม่ได้แย่งใคร พ่อไม่บอกแม่เองตั้งแต่แรกพอแม่รู้ก็ยอมถอยออกมา หนูนับถือในความเข้มแข็งของแม่ที่สุดเลยค่ะ ถ้าตอนนี้แม่ยังทนอยู่เป็นน้อยของพ่อ หนูคงรู้สึกผิดหวัง” เธอเอ่ยออกมาตามความจริง แม่ทำแบบนี้ถูกต้องที่สุดแล้ว ถึงเราจะรักเขามากขนาดไหนแต่ว่ามันไม่ถูกต้องแต่แรก มาถึงตอนนี้เธอก็ไม่อยากให้เขากลับมาหาเราสองคนอีกแล้ว เขาควรอยู่กับครอบครัวของเขาส่วนแม่เธอจะเติมเต็มความสุขให้ท่านเอง “ถ้าพ่อจะให้แม่กับหนูไปอยู่กับเขา หนูจะไปมั้ย” “ไม่ค่ะ เค้าก็มีครอบครัวของเค้าอยู่แล้ว หนูไม่อยากให้แม่ถูกใครตราหน้าว่าแย่งของคนอื่น” “จ้ะ เราอยู่กันแบบนี้ก็ดีแล้วเนาะ แม่รักหนูที่สุดเลยรู้มั้ยคะ” “หนูก็รักแม่ค่ะ” สองแม่ลูกกอดกันด้วยความรัก ชีวิตของทั้งสองครก็มีกันและกันเพียงเท่านี้ ส่วนคนอื่นไม่มีก็ได้ น้ำมนต์ชะงักไปก่อนจะผละออกแล้วก็ถามแม่อีกครั้ง “ว่าแต่พอจะบอกน้ำมนต์ได้มั้ยคะว่าพ่อเขาเป็นใคร รู้ไว้เฉยๆค่ะไม่ได้อยากเจอนะ” น้ำมนต์ยิ้มออกมาติดตลก ถ้าเธอเด็กกว่านี้คงโกรธมากตายไปก็คงไม่เผาผี แต่นี่โตขึ้นมากแล้วมีเหตุผลมากพอที่จะยอมรับการตัดสินใจของผู้ใหญ่ แต่ละครอบครัวมีวิธีการจัดการที่ไม่เหมือนกัน แม่เลือกวิธีนี้ถือว่าถูกต้องที่สุดแล้วสำหรับความคิดของเธอ “พ่อหนูคือท่านภูวนัย จิระกาญจน์กุล” “ห๊ะ! ใครนะแม่” น้ำมนต์เอ่ยถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง นี่เธอฟังไม่ผิดใช่มั้ยเขาเป็นพ่อเธออย่างนั้นเหรอ “ฟังไม่ผิดหรอก เขานั่นแหละพ่อของหนู”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม