ช่วงบ่ายน้ำมนต์ไม่ได้มีเรียนอะไรแล้วเธอจึงนั่งรถเมล์ตรงกลับบ้านไม่ได้แวะเที่ยวที่ไหน อีกอย่างเธอมีคำถามจะคุยกับแม่มากมายแต่คงไม่ถามตามตรงไม่อย่างนั้นแม่อาจจะโกรธเอาได้
เมื่อถึงที่บ้านเธอก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปกติก่อนจะเดินไปหาแม่ที่สวนตอนนี้กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่
“แม่จ๋า”
“อ่าวน้ำมนต์ กลับมาเร็วจังเลยลูก กินอะไรมายังแม่ทำอะไรให้กินมั้ย”
หญิงสาวส่ายหน้าทันทีก่อนจะเดินไปหยิบบัวรดน้ำมาช่วยแม่ไม่ไกลกันมากนัก
“ไม่เป็นไรจ้ะแม่กินมาแล้ว หนูช่วยนะ”
“ไปนอนพักเถอะกลับมาเหนื่อยๆ”
“ไม่เป็นไรจ้ะไม่เหนื่อยอะไรเลย น้ำมนต์ว่าจะถามแม่อะไรซักหน่อย แม่พอจะตอบได้มั้ยจ๊ะ”
เธอหันไปถามแม่เสียงเบา กลัวคำตอบอยู่เหมือนกันแต่ว่าถ้าไม่ถามมันจะคาใจอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ คนเป็นแม่มองลูกสาวอย่างแปลกใจ ท่าทางดูจะซีเรียสมากอยู่นะ
“ถามมาสิตอบได้แม่จะตอบ”
“พ่อยังมีชีวิตอยู่มั้ยคะ”
เธอมองสบตากับแม่ก่อนจะเอ่ยถาม น้ำผิงมองลูกอย่างตกใจไม่คิดว่าเธอจะอยากรู้คำตอบตอนนี้ ตั้งแต่เด็กลูกไม่เคยถามหาพ่อแต่ทำไมตอนนี้ถึงถามขึ้นมา เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า
“เกิดอะไรขึ้นอยู่ๆทำไมถึงถาม”
“ก็แค่อยากรู้ค่ะแต่ถ้าแม่ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นอะไร หนูไม่ได้ซีเรียสค่ะช่างมันเถอะนึกเสียว่าหนูไม่เคยถามแล้วกัน”
น้ำมนต์เอ่ยออกมาตัดบท เธอไม่อยากให้แม่ลำบากใจในการตอบเรื่องพ่อ ถ้าท่านอยากบอกคงจะบอกนานแล้วไม่ปล่อยให้เธอคาใจมาตลอดแบบนี้หรอก
“มีสิ เขายังมีชีวิตอยู่”
น้ำมนต์ชะงักไปก่อนจะหันมามองแม่อย่างสับสน ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่แสดงว่าเรื่องที่ผู้ชายคนนั้นพูดก็พอมีมูลอยู่บ้าง แต่ถ้าให้ถามตรงๆแม่คงลำบากใจจะตอบ
“งั้นเหรอคะ…”
“อยากรู้อะไรอีกถามมาสิแม่จะตอบ”
เหมือนว่าลูกสาวจะไปรู้อะไรมาบางอย่าง ไม่อย่างนั้นพ่อลูกคนใดคนหนึ่งต้องไปเจอน้ำมนต์แน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกแล้ว หญิงสาวเงียบไปแย่างลังเล ไม่รู้ว่าจะถามดีมั้ยกลัวว่าแม่จะโกรธ
“ไม่ต้องกลัวแม่โกรธ ถามมาสิ”
น้ำมนต์เงยหน้ามองคุณแม่ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา ถามตอนนี้ดีกว่าปล่อยให้มันคาใจอยู่แบบนี้ อึดอัดทั้งตัวเธอเองและแม่ด้วย
“เมื่อเช้ามีคนมาเจอหนูค่ะ บอกว่าเราสองคนมีพ่อคนเดียวกันเขาบอกว่าชื่อภูมิเป็นพี่ชายคนละแม่กับหนู แต่หนูว่าเขาคงจำผิดคนค่ะ น้ำมนต์มีพ่อที่ไหนกันจริงมั้ยคะแม่”
หญิงสาวยิ้มขำอย่างตลก คนละแม่แสดงว่าพ่อคงเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้มากสินะ แต่ก็ช่างเถอะอย่าเก็บมาใส่ใจเลยคงไม่มีอะไรหรอก
“แล้วถ้าแม่บอกหนูว่าผู้ชายที่ชื่อภูมิเป็นพี่ชายต่างแม่ของหนูจริงๆล่ะ หนูจะรับได้มั้ย”
“แม่ว่าไงนะคะ”
น้ำมนต์ถามย้ำอีกครั้งว่าที่เธอได้ยินมันไม่ผิดไป ตกลงว่าผู้ชายคนนั้นคือพี่ชายต่างแม่ของเธอจริงๆอย่างนั้นเหรอ แสดงว่าพ่อมีเมียหลายคนสินะ
“แม่บอกว่าคุณภูมิคือพี่ชายแท้ๆของหนูไง”
“แล้วเขามาหาหนูทำไมคะ ต้องการอะไรเหรอ ตั้งแต่เราเล็กจนโตไม่เห็นมีใครมาสนใจเลย มาทำไมตอนนี้คะ คือ… หนูแค่ไม่เข้าใจก็เท่านั้น”
เธอต้องการรู้เหตุผลที่ลูกชายของเขามาแนะนำตัวในวันนี้ เธอไม่เคยเจอหน้าพ่อมาตลอดยี่สิบสองปี ทำไมวันนี้ถึงมา
“รดน้ำต้นไม้ให้เสร็จแล้วแม่จะเล่าให้ฟัง”
“เล่าตอนนี้ไม่ได้เหรอคะ”
“ทำงานให้เสร็จก่อนสิ เรื่องมันยาวนะ”
น้ำมนต์ยอมแพ้ไม่ตื้อต่อ รีบช่วยแม่ให้เสร็จเร็วๆจะได้รู้ความจริงซักที เธอไม่ได้โกรธพ่อที่ทิ้งเราสองคนเพราะท่านไม่เคยสอนให้เธอโกรธหรือเกลียดพ่อแท้ๆ แต่อย่างน้อยเธอเป็นลูกควรรู้อะไรบ้าง ไม่นานทั้งสองคนก็ทำงานเสร็จเรียบร้อย น้ำมนต์นั่งอยู่หน้าบ้านกับแม่สองคน เธอมองท่านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
“ตกลงมันเป็นยังไงคะ”
“เมื่อก่อนพ่อกับแม่เราสองคนคบกัน แม่ทำงานอยู่โรงแรมแล้วมาเจอกับพ่อที่มาเข้าพัก เราสองคนก็เลยได้ทำความรู้จักกันจนถึงขั้นคบหาดูใจกันนานเกือบสองปี ตอนนั้นแม่คิดว่าเราคงได้แต่งงานกันแต่สุดท้ายก็มารู้มีหลังว่าพ่อเค้ามีครอบครัวอยู่แล้ว”
น้ำผิงเล่าทุกอย่างให้ลูกฟังอย่างไม่ปิดบัง เธอพยายามเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดหลายปีมานี้ เธอกลัวว่าลูกจะรู้ความจริงจึงกันไม่ให้พ่อของเขามาเจอ แต่ตอนนี้คงไม่สามารถปิดบังอีกต่อไปได้แล้ว เพราะยังไงพ่อกับพี่ชายน้ำมนต์ก็ต้องหาทางมาเจอจนได้อย่างเช่นวันนี้
“พ่อใจร้ายกับแม่จังเลย”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก พ่อยังรับผิดชอบเราสองคนทุกอย่าง ซื้อบ้านซื้อรถให้เงินใช้ไม่ขาดแต่แม่รับตัวเองไม่ได้ที่ต้องถูกมองว่าเป็นบ้านเล็ก ยิ่งภรรยาของพ่อเขาดีมากขนาดยอมให้แม่เป็นเมียอีกคน ยอมให้พ่อเลี้ยงดูเราสองคนเพราะสงสารหนู แม่จึงไม่อยากทำให้ครอบครัวของเธอต้องแตกหัก แม่จึงพาหนูออกมาใช้ชีวิตด้วยกันสองคน ถึงเราจะไม่มีเงินทองมากมายแต่ว่าแม่ก็เลี้ยงหนูมาด้วยความรักทั้งหมดที่มี”
“แล้วทำไมเค้าถึงมาหาเราตอนนี้คะ”
เธอเอ่ยถามคุณแม่ตาใสแป๋ว น้ำผิงยิ้มกว้างออกมาก่อนจะลูบผมลูกอย่างเอ็นดู ตอนแรกนึกว่าจะโวยวายเสียอีกมีสติกว่าที่คิด การรู้ตอนโตมันดีกว่ารู้ตอนวัยแรกรุ่นอธิบายคงยากจะเข้าใจเพราะยังเด็ก
“เค้ามาหาเราตลอด แม่แค่ไม่อยากให้พ่อมายุ่งกับหนู แม่กลัวว่าถ้าหนูรู้ความจริงแล้วจะรับไม่ได้”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ น้ำมนต์ไมใช่คนไม่มีเหตุผลซักหน่อย อีกอย่างแม่ก็ไม่ได้แย่งใคร พ่อไม่บอกแม่เองตั้งแต่แรกพอแม่รู้ก็ยอมถอยออกมา หนูนับถือในความเข้มแข็งของแม่ที่สุดเลยค่ะ ถ้าตอนนี้แม่ยังทนอยู่เป็นน้อยของพ่อ หนูคงรู้สึกผิดหวัง”
เธอเอ่ยออกมาตามความจริง แม่ทำแบบนี้ถูกต้องที่สุดแล้ว ถึงเราจะรักเขามากขนาดไหนแต่ว่ามันไม่ถูกต้องแต่แรก มาถึงตอนนี้เธอก็ไม่อยากให้เขากลับมาหาเราสองคนอีกแล้ว เขาควรอยู่กับครอบครัวของเขาส่วนแม่เธอจะเติมเต็มความสุขให้ท่านเอง
“ถ้าพ่อจะให้แม่กับหนูไปอยู่กับเขา หนูจะไปมั้ย”
“ไม่ค่ะ เค้าก็มีครอบครัวของเค้าอยู่แล้ว หนูไม่อยากให้แม่ถูกใครตราหน้าว่าแย่งของคนอื่น”
“จ้ะ เราอยู่กันแบบนี้ก็ดีแล้วเนาะ แม่รักหนูที่สุดเลยรู้มั้ยคะ”
“หนูก็รักแม่ค่ะ”
สองแม่ลูกกอดกันด้วยความรัก ชีวิตของทั้งสองครก็มีกันและกันเพียงเท่านี้ ส่วนคนอื่นไม่มีก็ได้ น้ำมนต์ชะงักไปก่อนจะผละออกแล้วก็ถามแม่อีกครั้ง
“ว่าแต่พอจะบอกน้ำมนต์ได้มั้ยคะว่าพ่อเขาเป็นใคร รู้ไว้เฉยๆค่ะไม่ได้อยากเจอนะ”
น้ำมนต์ยิ้มออกมาติดตลก ถ้าเธอเด็กกว่านี้คงโกรธมากตายไปก็คงไม่เผาผี แต่นี่โตขึ้นมากแล้วมีเหตุผลมากพอที่จะยอมรับการตัดสินใจของผู้ใหญ่ แต่ละครอบครัวมีวิธีการจัดการที่ไม่เหมือนกัน แม่เลือกวิธีนี้ถือว่าถูกต้องที่สุดแล้วสำหรับความคิดของเธอ
“พ่อหนูคือท่านภูวนัย จิระกาญจน์กุล”
“ห๊ะ! ใครนะแม่”
น้ำมนต์เอ่ยถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง นี่เธอฟังไม่ผิดใช่มั้ยเขาเป็นพ่อเธออย่างนั้นเหรอ
“ฟังไม่ผิดหรอก เขานั่นแหละพ่อของหนู”