ทำขนาดนี้ต้องยอมเป็นเมียแล้ว

2645 คำ
“กว่าจะเสร็จ!!!” “อุ้ย” ฉันเงยหน้ามองเจ้าของเสียงก่อนจะขมวดคิ้วนี่มันเพื่อนแฟนของไอ้ดรีมนี่หว่าหรือลืมอะไรไว้ในร้านอีก ถ้าเป็นแบบนั้นแม่จะด่าให้นะ ตอนยังไม่ปิดแม่งไม่ชอบจะมากัน พอกุญแจมาถึงที่คล้องปุ๊บโอโห ลืมนั่นเก่ง ลืมนี่ เก่งมาก “ไม่ต้องถามในใจเยอะขนาดนั้นก็ได้” “แล้วมีอะไรหรือว่าลืมของไว้ข้างใน” ฉันถอนหายใจก่อนจะถามออกไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ “ไม่ได้ลืม ตั้งใจมาขอ” “คือฟังนะ พวกต้นไม้หน้าร้านให้ไม่ได้นะของมงคล ไปหาซื้อเอาตลาดต้นไม้หรือออนไลน์อะมีเยอะแยะ” ฉันบอกก่อนจะปรายตาไปทางสวนเล็กๆ ที่จัดไว้อย่างสวยงามอยู่หน้าร้านเพราะมีคนมาขอเยอะเหมือนกัน แต่ให้ไม่ได้จริงๆ บางต้นแพงมากหายากมากด้วย แต่แบบนายนี่เนี่ยนะจะชอบต้นไม้ “ฮึ คิดว่าแบบฉันพิศวาสต้นไม้หรือไง เมาขนาดไหนเนี่ย” “เอ้า แล้วอะไรรีบพูดมา ตอนนี้เหนื่อยมากจะกลับบ้านละ เพื่อนนายก็กลับกันไปหมดแล้วนี่” “จะกลับแล้วใช่ไหม ไป เดี๋ยวไปส่ง” พูดจบคนที่ตัวสูงและแรงเยอะกว่าก็ลากฉันไปที่รถเขาทันที แหม่ คงจะไม่ทำธรรมดาหรอกมั้งดูจากรถก็พอจะรู้อยากจะโชว์ฉันหรือไง “ไม่ต้องหรอก ขี้เกียจไปสถานีตำรวจ แล้วนายก็ควรจะกลับบ้านด้วยแท็กซี่นะ” “เเล้วเห็นรถเพื่อนฉันจอดอยู่สักคันหรือเปล่าล่ะ” “เออ ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นแท็กซี่กลับเองได้ไม่อยากรบกวน” ฉันบอกเขาเพราะตอนนี้ร่างกายกำลังจะไม่ไหวแล้วเพราะง่วงมาก อยากจะอาบน้ำ คิดถึงที่นอน แล้วไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะโดนอะไรอีก “งั้นก็กลับดิ ไป กินสองแก้วขับได้ไม่เมาหรอก” “แต่ฉันไม่สนิทกับนายฉันจะกลับเอง” “หลังจากนี้ก็สนิทกันเองแหละ ไปได้แล้วง่วงจะตายอยู่แล้วเนี่ย” “เอ้า! นี่!!” ฉันพูดยังไม่มันจะจบไอ้บ้านี่ก็จับฉันยัดเข้ามาในรถก่อนจะขับออกมาจากหน้าผับอย่างรวดเร็ว “บอกสถานที่มา” “จอดข้างหน้านี่แหละ” “หมายถึงหน้าบ้านหรือคอนโด” ฉันเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะปรายตามองคนตัวสูงที่เอาแต่สั่งๆ แล้วฉันไปสนิทกันตอนไหนฉันก็ยังงงตัวเองเพราะตอนที่อยู่ในผับก็ไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ “จอดตรงนี้แหละเดี๋ยวฉันกลับของฉันเอง ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง” “เธอฟังที่ฉันพูดไม่รู้เรื่องเหรอวะห๊ะ” ฉันนั่งเงียบโดยที่ไม่สนใจคนตรงหน้าสักเท่าไหร่ ไม่จอดก็นั่งแม่งอยู่แบบนี้แหละไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน ฉันหันมามองคนตัวสูงที่ตอนนี้รถมาหยุดอยู่ที่บ้านของใครสักคนก็ไม่รู้คงไม่ใช่ หลังใหญ่มากพอสมควร แต่มันเหมือนเขาสร้างขึ้นมาบนที่ดินของตัวเอง เพราะไม่มีบ้านอยู่ตอดกันเหมือนโครงการบ้าน แล้วไกลมากกว่าจะเจอบ้านสักหลัง “เอ้า ลงดิ จะนอนในรถหรือไง” “นี่บ้านใคร” “เธอนี่บทจะไม่เข้าใจก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจอะไรจริงๆ เนาะ ถ้าบ้านคนอื่นฉันจะกล้าขับเข้ามาจอดหรือไง ฉลาดเป็นบางเวลาเหรอเธออะ” เดี๋ยวนะ ไอ้บ้านี่ ไม่รู้จะด่าเป็นภาษาอะไรดี ฉันส่ายหน้าพร้อมกับกอดอกและบอกเขาออกไป “กลับไปส่งฉันที่บ้าน ฉันไม่ลงหรอก” “ไม่ น้ำมันรถหมดละ ตอนถามไม่ตอบ” “นี่ รถของนายตั้งหลายคันมันหมดทุกคันเลยหรือไงน้ำมันอะ” ฉันเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ตอนนี้ส่งสีหน้ากวนๆ มาให้ อยากจะเตะก้านคอแม่งจริงๆ “ครับ หมดทุกคันนั่นแหละครับ เพราะขับอย่างเดียวไม่ได้เติม แล้วถ้าจะเดินออกไปก็เป็นกิโลนู่นแหละกว่าจะถึงปากซอยเพื่อหาแท็กซี่ เพราะบ้านฉันมันอยู่ลึกสุดใจ มืดๆ เปลี่ยวๆ ตอนเดินไปก็ระวังด้วยนะ” “นี่ งั้นก็ออกไปส่งฉันสิ!!” ผมเลิกคิ้วมองยัยตัวแสบที่ตอนนี้หน้ายุ่งไปหมด ที่สำคัญอารมณ์ยัยนี่เริ่มจะขึ้นละ ผมเลยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าปกติ “ก็ตอนถามอยู่ข้างนอกไม่ยอมบอก” “แล้วฉันสนิทกับนายถึงต้องบอกที่อยู่บ้านหรือไง” “ก็ไม่ยอมบอกเองอะ ลงมาดิ คืนนี้นอนนี่แหละเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง” “เหอะ! พูดง่ายเนาะ เหมือนสนิทมาเป็นสิบปีอะเนาะ” “ลงมา ยุงมันเยอะเนี่ย จะเป็นไข้เลือดออกอยู่ละ!” “นี่! โอ๊ยยยย ไอ้บ้าเอ๊ยยย” ผมเดินไปจับยัยตัวแสบลงมาจากรถก่อนจะรีบพาเดินเข้าบ้านถ้าไม่ดึงลงมาก็เถียงกันอยู่นั่นแหละ แล้วตอนนี้เวลาแม่งเกือบจะตีสองละ “นี่! ฉันไม่ได้สนิทกับนายนะจะได้พามานอนบ้านอะ ฉันจะกลับบ้าน อย่ามายุ่งกับฉัน” ผมถอนหายใจก่อนจะหันมามองยัยตัวแสบที่ยื้อไม่ยอมเข้าไป “เออ จะจีบ มีอะไรปะ ทีนี้สนิทได้ยัง แล้วไอ้ที่จะขอเนี่ยคือขอเป็นแฟนจบไหม ชัดทุกประโยคปะ” “ห๊ะ!!” ฉันตะโกนออกมาก่อนจะมองผู้ชายตรงหน้าที่บอกจะจีบไอ้จะจีบแม่งไม่ตกใจหรอก แต่ตกใจที่จะจีบแต่จีบได้นี้ได้เหรอวะ “ฉันว่านายท่าจะเมาหนักอยู่นะ อื้อออ” ผมใช้แขนดึงยัยตัวแสบที่ยืนเถียงคอเป็นเอ็นอยู่เข้ามาหาก่อนจะใช้มือกดหัวให้มาดมตรงเสื้อกินไปสองแก้วเนี่ยนะมันเอาจะอะไรมาเมาวะ ร่ากายมันยังไม่รู้สึกถึงแอลกอฮอล์เลย “นี่! อื้อ ปล่อย! นาย” ฉันปล่อยกระเป๋าที่ใส่ของมาลงบนพื้นและใช้มือดันตรงหน้าท้องเขาให้ปล่อยฉันออก ก่อนจะได้กลิ่นตัวเขาผสมกับกลิ่นน้ำหอมเบาๆ แต่ไม่ค่อยได้กลิ่นเหล้าเท่าไหร่ “ฮึ” “ไอ้บ้า!!!” ปั่ก!! ฉันดิ้นจนหลุดออกมาจากเขาได้ก็ใช้มือทุบไปที่บริเวณหน้าอกเขาแรงๆ “เป็นไงเมาไหมล่ะ” “คนบ้านนายเขาใช้วิธีพิสูจน์แบบนี้หรือไง” “ก็ใช้พิสูจน์กับว่าที่เมียเท่านั้นแหละ” “ใครเมียนาย” “ฉันจีบเธอ เธอก็เป็นเมียฉันละ จีบแล้วเป็นแค่เพื่อนจะจีบทำอะไรล่ะ เสียเวลาชีวิตเปล่าๆ” “นี่ นายไม่เมาหรอก แต่ประสาทคงกลับไปหมดละ” “หึ คนแบบเธอต้องมีผัวแบบฉันนี่แหละ ค่อยสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย อดีตผัวเธอก็” ฉันกอดอกพร้อมกับรีบตอบกลับคนตัวสูงออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แฟน ไม่ใช่ผัว! พูดให้ถูกด้วยและเป็นไปได้ไม่ต้องพูดถึง รำคาญ” “อืม นั่นแหละ อ่อนไปหน่อยนะ เจอแบบฉันนี่ค่อยสมกันหน่อย” “ใครเขาอยากจะสมกับนาย แล้วใครเขาจีบผู้หญิงกันแบบนี้วะ” “ก็ฉันนี่แหละ ชอบก็บอกว่าชอบ จีบก็บอกว่าจีบ ทำไมต้องคิดนาน ดีนะไอ้นั่นมันมีชู้ก่อน ตอนแรกฉันกะจะบังคับให้มันเลิกกับเธอเพราะมันติดหนี้ฉันอยู่ด้วยซ้ำ” ฉันเบิกตากว้างก่อนจะมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไอ้บ้านี่คิดจะพูดอะไรก็พูดอะ แล้วมาจีบแบบนี้ใครจะไม่งงก่อนวะ ฉันก็ว่าเจอคนแปลกมาเยอะอยู่นะแต่เขาคือแปลกไปมากอะ “นายนี่ประสาทจริงๆ นั่นแหละ พบหมอบ้างนะ” “หึ มีเธอเป็นเมียเดี๋ยวก็หายเองแหละ หรือไม่เธอก็กลายมาเป็นโรคประสาทเหมือนฉันไง” “เหอะ เลิกยุ่งกับฉันแล้วพาฉันกลับบ้านเถอะ แล้วพรุ่งนี้พี่ชายฉันไม่เห็นฉันอยู่ที่บ้านฉันก็โดนกักบริเวณเพิ่มอีก” “หึ พันตำรวจโทติณณภพอะนะ ซี้กัน เขาบอกให้ฉันมาส่งเธอ โทรถามได้ แล้วมีอะไรรับผิดชอบเอง” มองเม้มปากก่อนจะมองคนตรงหน้าอย่าไม่น่าเชื่อ แล้วก็ถามตัวเองสรุปฉันบ้าหรือไอ้บ้านี่บ้ากันแน่วะ “เฮ่อ ทำไมนายต้องมาสนใจฉันด้วย ฉันยังไม่พร้อมมีใครใหม่ เพิ่งอกหักมาเข้าใจปะ” ฉันถามคนตรงหน้าออกไป แล้วใครเขาจะบ้ามีแฟนเร็วขนาดนี้ คนเพิ่งโดนแฟนนอกใจมาจะมีแฟนใหม่เลยเนี่ยนะ มันเร็วไปปะวะ อย่างน้อยมันต้องมีขั้นตอนของการโดนแฟนนอกใจก่อนสิ เหมือนที่คนอื่นเค้าเป็นกันอะ แบบที่เสียใจกินข้าวไม่ได้ น้ำหนักลงฮวบฮาบยิ่งกว่ากินยาลดน้ำหนัก ร้องไห้เงียบๆ เหงาๆ มองไปทางไหนก็ร้องไห้ แล้วก็ฟังเพลงเศร้าก่อนหรือเปล่าวะ “ทำไม ตำรวจจะจับหรือไง และฉันไม่ได้จีบเธอมาเป็นแค่แฟนฉันจีบเธอมาเป็นเมียเข้าใจปะ ไปอาบน้ำนอน” “นี่ ใครเขาจะมีแฟนใหม่ไวขนาดนี้” “นี่ มีแฟนคนใหม่แล้วไง ทำไมต้องเสียใจให้เสียเวลาชีวิต วันนี้เธอไม่ได้รักฉันไม่ได้หมายความว่าวันพรุ่งนี้จะไม่รักฉันซะหน่อย ฉันยังรักยังชอบเธอได้เลยคิดไรเยอะแยะ เสียเวลา” “ฉันคิดเยอะหรือนายมันแปลก” “เออน่า ค่อยคุยต่อพรุ่งนี้ไม่ง่วงหรือไง” “ถามเนี่ย แหกตาดูเวลาด้วยว่ากี่โมงแล้ว ถามมาได้ว่าไม่ง่วงเหรอ” “หึ ง่วงก็ไปอาบน้ำนอนครับคุณเมีย” คนตัวสูงพูดพร้อมกับยักคิ้วส่งมาให้และหยิบกระเป๋าสานของฉันที่มันหล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาถือไว้และพาฉันเดินมายังชั้นสองของบ้าน เพราะดูทาทางเถียงกันไปเขาก็คงไม่พาไปส่งอยู่ดี “อืม ถ้าเพื่อนมาก็จะให้นอนห้องรับแขกแต่เธอเป็นเมียก็ต้องนอนห้องเดียวกับฉันนี่แหละถูกต้องละ” เขาพูดก่อนจะดึงฉันเข้ามาในห้องไอ้บ้านี่ ต้องนอนห้องเดียวกับไอ้นี่เนี่ยนะ ให้ตายเถอะ ยังรู้จักกันไม่ถึงวันเลยด้วย “ไม่ นี่ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะนอนห้องข้างๆ” ฉันหันมาบอกเขาก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งเกาะอยู่ที่ขอบประตูเอาไว้แน่น “เออน่า นอนด้วยกันนี่แหละ ง่วงจะตายอยู่แล้วไม่มีแรงทำไรหรอก” ผมบอกยัยตัวแสบก่อนจะใช้มือดึงมือของยัยตัวแสบที่จับอยู่ที่ขอบประตูเข้ามาในห้อง บอกดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้บังคับ “นี่!” “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามานอน พรุ่งนี้ค่อยคุย” “ฉันจะอาบยังไงไม่มีชุดเปลี่ยน ชุดชั้นในอีก” “เตรียมไว้ให้ละ นู่น ตู้เสื้อผ้าของเธอเพิ่งซื้อเตรียมให้เลยนะเนี่ย ไม่คิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้” ฉันอ้าปากก่อนจะมองตามมือเขาไป เขาไม่ใช่โรคจิตจริงๆ ใช่ปะวะ แล้วคืออะไร เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เรียบร้อย มันน่ากลัวนะเอาจริง “หึ คนอย่างฉันถ้าคิดจะทำอะไรต้องได้ผลลัพธ์นั้นมาและฉันคิดว่าจะจีบเธอฉันก็มั่นใจว่าจะได้เธอมา เพราะงั้นไม่ต้องคิดเยอะ ชุดทุกชุดแม่บ้านสักให้รีดให้เรียบร้อยละ” ฉันถอนหายใจก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าและเข้ามาอาบน้ำนอนเอาแรงแล้วกันพรุ่งนี้ไม่เมาค่อยว่ากันใหม่ บางทีไอ้บ้านี่คงจะเมาจนบ้าไปก็ได้ พรุ่งนี้อาจจะมีสติมากกว่านี้ก็เป็นได้ ฉันเดินเข้ามายังห้องน้ำที่มันมีแปรงสีฟันอันใหม่ที่ยังไม่แกะพร้อมกับครีมอาบน้ำและยาสระผมของผู้หญิงแต่ยังไม่ได้แกะใช้เตรียมไว้ให้ “นี่กูกำลังเจอกับอะไรในชีวิตวะเนี่ย อิเพ้นท์เอ๊ย ตอนไปดูดวงไม่เห็นหมอดูบอกอะไรเลยวะ ต้องเปลี่ยนหมอละหนึ่ง” ฉันบอกพร้อมกับถอนหายใจและพาตัวเองไปอาบน้ำสระผม พอร่างกายโดนน้ำก็สดชื่นขึ้นมาทันทีเออมันค่อยมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย ฉันเดินเช็ดผมที่ตอนนี้พอหมาดๆก่อนจะทิ้งผ้าเช็ดผมไว้ในตระกร้าและเดินมาที่เตียง “นี่ นายก็นอนบนเตียงเหรอ” “คิดว่าอยู่ในละครหรือไง ที่พระเอกจะไปนอนที่โซฟา แล้วแสดงความเป็นสุภาพบุรุษอะ ปวดหลังนะเอาจริง” “อืม พูดกับอะไรกับนายไปนายก็ไม่รู้เรื่องหรอก” ฉันถอนหายใจแบบปลงๆ ก่อนจะมองคนตัวสูงที่นอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทีสบายใจและเขาอยู่ในชุดนอนคงจะไปอาบน้ำที่ห้องอื่นมานั่นแหละ “เฮ้ย!! ทำไรอะ” “ถามอะไรไม่คิด ก็นอนดิ” ฉันบอกคนตัวสูงก่อนจะนั่งและกำลังจะล้มตัวลงนอนแต่ “นี่นาย!” “ผมมันยังไม่แห้งเดี๋ยวหัวก็เหม็นแล้วก็ไม่สบาย หมอนก็ขึ้นราอีก ลุกขึ้นมาเช็ดผมให้แห้ง” “โอ๊ย ผมฉันมันยาวกว่าจะแห้ง กว่าจะได้นอนก็ ตี 4 พอดีมั้ง นอนๆ ไปเถอะแล้วค่อยเอาหมอนไปตากพรุ่งนี้” “ไม่ เช็ดผมให้แห้งก่อน” “โอ๊ยย บอกแล้วไงให้พาไปส่งที่บ้านอะ” ฉันบอกเขาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดตาจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้วยังต้องมานั่งเช็ดผมอีก ไม่สระก็ไม่ได้นอนไม่สบาย โอ๊ะ “นั่งดีๆ เดี๋ยวเอาไดร์เป่าผมมาเป่าให้” ฉันปรือตามองคนตัวสูงที่กำลังเสียบปลั๊กของไดร์อยู่ข้างเตียงก่อนจะลงมือเป่าให้ฉัน “ฮึ บอกแล้วคนอย่างเธอเนี่ยต้องมีคนแบบฉันเป็นผัว” “อื้อ ง่วง พอแล้ว นอนได้แล้วมั้งถ้าหมอนเป็นราเดี๋ยวฉันซื้อมาใช้ให้นายเอง” ฉันถอนหายใจและบอกเขาออกไปซึ่งมันเป็นทางออกที่ดีที่สุดละขึ้นราก็ซื้อใบใหม่มาใช้เขาซะ แค่นี้ก็จบเรื่อง “ถ้ามันขึ้นราเธอก็ต้องทนนอนหมอนที่มันเป็นรานั่นแหละ” ผมพูดก่อนจะจับแขนยัยตัวแสบที่ตอนนี้ตาหลับไปแล้วเรียบร้อยแต่ปากก็ยังพูดได้อยู่เลยนะ ก่อนจะก้มลงพูดกับคนตัวเล็กเบาๆ และใช้มือดึงแขนทั้งสองข้างให้กอดเอวผมไว้ไม่ให้ล้มลงไปกับที่นอน “หลับเลย ตอนนี้มันยังไม่เสร็จ เสร็จแล้วจะปลุก” ผมบอกก่อนจะเห็นว่ายัยคนที่ชอบบ่นหลับไปแล้วจริงๆ “หึ ทำให้เธอมากขนาดนี้ ต้องยอมเป็นเมียฉันแล้วแหละ” ผมพูดก่อนจะยิ้มมุมปาก แล้วมองคนตัวเล็กสักพักผมก็แห้งเรียบร้อย ก่อนจะปิดไดร์และถอดปลั๊กและวางไว้บนโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ เตียงนอน จากนั้นก็แกะแขนของยัยตัวเล็กตรงหน้าออก “อื้อออ” “หึ ฉันจะเอาออกแล้วนะ แต่เธอกอดฉันแน่นเอง” ผมพูดกับคนที่คิดว่าตอนนี้ก็คงจะไม่รู้เรื่องอะไรแต่กอดเอวผมไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆประคองยัยตัวแสบแล้วล้มตัวลงนอนและกอดร่างนุ่มนิ่มเอาไว้แน่นๆ แล้วค่อยๆ หลับตาลงตามไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม