ตอนที่ 1 อดีตที่ยากจะลืม
“กาลครั้งหนึ่ง ณ ดินแดนอันแสนไกลโพ้น มีครอบครัวของแกะอยู่ครอบครัวหนึ่ง อยู่ด้วยกันสามตัวคือพ่อแกะแม่แกะและก็ลูกแกะ ครอบครัวนี้ประกอบอาชีพทำขนมขาย ในวันหนึ่งมีป้าหมีตัวอ้วนมาสั่งขนมที่ร้านเป็นจำนวนมากมายทั้งพ่อแกะและแม่แกะจึงช่วยกันทำขนมกันอย่างวุ่นวายเพราะว่ากลัวจะไม่ทัน”
“ซีเจนอยากทำขนมบ้างจังหม่ามี๊”
เสียงเด็กน้อยวัยสามขวบครึ่งเอ่ยขัดผู้เป็นแม่ที่กำลังจะเล่านิทานต่อ เด็กคนนี้ได้นอนข้างๆ กายของผู้เป็นแม่ที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงมือหนึ่งก็ลูบไปมาที่ศีรษะของเด็กน้อยส่วนอีกมือก็ถือหนังสือนิทานเล่มเล็กๆ
“จริงหรอจ๊ะแล้วซีเจนคนเก่งของหม่ามี๊อยากทำขนมอะไรน๊า”
คนเป็นแม่ได้หยุดฟังก่อนที่จะถามเด็กหญิงตัวน้อยแก้มตุ้ยนุ้ยแสนน่ารักที่นอนข้างๆ ตัวเองออกไป
“ซีเจนอยากทำขนมที่ซีเจนชอบทานกับหม่ามี๊บ่อยๆ” เสียงใสดังกังวานบอกคนผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้มและแววตาอันแสนสดใส
“ขนมเค้กใช่หรือป่าวเอ่ย?”
เสียงของคนเป็นแม่ตอบอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องคิดให้เปลืองเวลาสักนิดเพราะเธอเป็นคนเดียวที่รู้ใจลูกมากที่สุด
“ใช่ค่ะ ขนมที่เป็นก้อนกลมๆ มีสีสันเยอะๆ ซีเจนชอบมากเลยหม่ามี๊”
“งั้นไว้วันหลังหม่ามี๊จะสอนซีเจนทำขนมเค้กนะคะแต่วันนี้ถึงเวลาที่ต้องนอนแล้ว ซีเจนต้องพักผ่อนเยอะรู้ไหมร่างกายจะได้แข็งแรงไว้วันพรุ่งนี้หม่ามี๊จะซื้อขนมให้”
“ค่ะ หม่ามี๊เล่านิทานต่อเลยค่ะ” เสียงเล็กๆ บอกกับเธอเบาๆ
“จ๊ะ ลูกรักของหม่ามี้”
“ทันใดนั้นลูกแกะก็เดินเข้ามาในห้องทำขนมเมื่อเห็นทั้งพ่อและแม่ช่วยกันทำขนมแต่ก็ไม่ได้คิดจะช่วยอะไรเลยได้แต่เดินผ่านไปเฉยๆ แล้วไปนั่งดูการ์ตูนที่ทีวีอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งวันพรุ่งขึ้นป้าหมีตัวอ้วนได้มารับขนมที่สั่งไว้แต่ทว่าแม่แกะและพ่อแกะช่วยกันทำไม่เสร็จ ป้าหมีตัวอ้วนโกรธมากจึงดุด่าแม่แกะและบอกว่าจะไม่มาสั่งขนมอีกจะไปสั่งร้านอื่นแทน แม่แกะจึงบอกว่าวันนี้จะทำขนมให้เสร็จและก็จะแถมขนมให้ป้าหมีอีกด้วย ป้าหมีจึงยอมและบอกว่าจะมาเอาขนมในวันพรุ่งนี้เมื่อลูกแกะตัวน้อยเห็นแม่แกะโดนป้าหมีตัวอ้วนดุด่า ลูกแกะจึงเข้าไปขอโทษแม่แกะและก็พ่อแกะทันทีพร้อมกับช่วยกันทำขนมจนเสร็จตามที่ป้าหมีสั่งจนครบทั้งหมดเลยนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า... เด็กดีต้องขยันหมั่นเพียร”
เมื่อฉันผละสายตาออกจากหนังสือนิทานเล่มเล็กก็เห็นว่าซีเจนลูกสาวตัวน้อยของฉันได้นอนหลับปุ๋ยไปเรียบร้อยแล้วจึงค่อยๆ ดึงผ้ามาห่มลูกสาวตัวน้อยๆ ของตัวเองอย่างนุ่มนวล
ฉันมีชื่อว่า ‘เจนิส’ ออกตัวก่อนเลยว่าฉันไม่ได้เป็นลูกครึ่งอะไรหรอกเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งที่ถูกพ่อแม่ตัวเองทิ้งตั้งแต่ตอนเด็กๆ โชคยังดีที่มีคนนำไปฝากที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งพอเรียนจบแค่ปสว.ก็ต้องออกมาอยู่คนเดียวในห้องเช่าเล็กๆ แห่งนี้
ตอนนี้ฉันอายุได้เพียงยี่สิบสามปีเท่านั้น
ปัจจุบันยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่งเลยเพราะพึ่งถูกไล่ออกไปเมื่อวานนี้เอง เหตุผลที่โดนไล่ออกก็เพราะว่าโดนใส่ร้ายจากเพื่อนร่วมงานว่าแย่งแฟนเจ้าลูกของร้านอาหารที่ฉันทำงานอยู่นั่นก็คือแย่งไอ้กันจากพี่พิมซึ่งพี่พิมก็ไม่ค่อยจะชอบฉันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
จึงถูกไล่ออกมาอย่างง่ายดาย ส่วนไอ้กันมันเป็นคนที่เจ้าชู้ชอบเป็นคนมือเร็วค่อยจ้องแต่จะลวนลามฉันอยู่แล้ว
อย่าให้เจออีกทีนะแม่จะเอาไม้หน้าสามทุบจริงๆ
ส่วนซีเจนทุกคนคงจะสงสัยว่าเขาเป็นลูกของฉันจริงๆ ใช่ไหม ทำไมถึงมีลูกทั้งๆ ที่อายุยังน้อยล่ะคำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ฉันพยายามตอบมันมาเป็นสามปีแล้วมันยังไม่หมด ซีเจนเป็นลูกของฉันจริงๆ ตอนที่ฉันอายุได้ยี่สิบปีเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน....
ห้าปีก่อน
ตอนนั้นฉันทำงานอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นร้านที่เปิดเป็นกึ่งคลับกึ่งร้านอาหารเล็กๆ ในช่วงดึกๆ จะผู้ชายวัยรุ่นและผู้ชายรุ่นพ่อที่ใครๆ ต่างเรียกพวกเขาว่าเสี่ยเข้ามาทานอาหารและดื่มที่ร้านเป็นจำนวนมาก
“เพล้ง!”
อ๊าก!
เมื่อฉันทำลังเสิร์ฟอาหารอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าเสี่ยใช้มือเข้ามาจับที่ก้นของฉันฉันตกใจสุดขีดหันกลับหลังแล้วนำถ้วยใบใหญ่ที่มีต้มยำร้อนๆ ทุบเข้ากลางศีรษะของเ*******ูคนนั้นทันที
“นังนี่กล้าดียังไงถึงมาทำคนอย่างข้า!”
ร่างที่ทรุดลงใช่มือกุมศีรษะข้างหนึ่งที่มีเลือดออกเต็มไปหมดก่อนจะเข้ามากระชากแขนของฉันด้วยมือที่ว่างอีกข้างหนึ่ง
“ปล่อยฉันนะไอ้เ*******ูปล่อย ช่วยด้วยคะ ช่วยที ใครก็ได้ช่วยด้วยผู้ชายคนนี้เขาลวนลามฉันคะเมื่อกี้เขาจับก้นฉันด้วย”
ฉันร้องบอกทุกๆ คนที่กำลังยืนมองดูเหตุการณ์อยู่เพื่อขอความช่วยเหลือแต่เมื่อมีคนจะเข้ามาช่วยไอ้เ*******ูคนนั่นกลับตอบว่า
“อย่ามายุ่ง นังนี่มันเด็กของข้าดื้อจริงนะมันไม่รักดีแอบหนีมาเที่ยวกับผู้ชายคนอื่น ใช่ไหม?”
ฉันเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดเหล่าออกจากปากไอ้เ*******ูคนนั้นก่อนที่จะสะบัดแขนของตัวเองอย่างแรงเพื่อออกจากการจับกุมแต่มันก็ไม่ได้ผลเมื่อไอ้เ*******ูคนนั้นกลับกระชากแขนฉันตอบพร้อมกับจะเดินออกจากร้าน
“ไม่จริงนะคะ ฉันไม่ได้เป็นเด็กเขาไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำไปอีกอย่างฉันทำงานอยู่ที่ร้านนี้ไม่ได้หนีออกมาเที่ยวอย่างที่เขาพูดค่ะ ช่วยฉันด้วยนะคะ ช่วยด้วย!”
น้ำตาของฉันหลั่งไหลออกมาเป็นสายจากเบ้าตาของตัวเองตอนนี้มันกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆ ไม่ไหวแล้วเพราะดูท่าทางจะไม่มีใครฟังที่ฉันพูดเลยทำไมพวกเขาถึงได้เชื่อไอ้เ*******ูคนนั้นนะ ทั้งๆ ที่มันไม่เป็นความจริงเลย
“จะเอาเมียกูไปไหน!”
เสียงตะคอกหลุดออกมาจากปากผู้ชายคนหนึ่งเป็นเสียงการขู่คำรามอย่างแท้จริง ทุกๆ ราวกับถูกสะกดไว้ไม่ให้เกิดเคลื่อนไหว ไม่มีการเกิดเสียงพูดคุยสักนิด
เมื่อทุกคนได้สติก็ต่างหันไปทางเดียวกันที่เป็นต้นกำเนิดของเสียงรวมถึงตัวฉันด้วยก็ทำให้เห็นพวกผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่มีกันห้านั่งดื่มกันอยู่ ก่อนที่ผู้ชายที่นั่งหันหลังให้จะลุกขึ้นพร้อมหันหน้าแล้วเดินมาทางฉัน
“เมีย..”
ฉันบอกได้คำเดียวเลยว่าฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลยแล้วเขามาพูดว่าฉันเป็นเมียเขาได้ยังไงนะแต่ชั่งเถอะเอาตัวรอดไว้ก่อนเป็นดี
เขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากจมูกโด่งเป็นสันผิวขาวขับกับผมสีดำซอยตัวสูงไม่มีอะไรเลยที่ไอ้เ*******ูคนนั้นจะเทียบติด
แม้แต่ส้นเท้าก็เถอะ
เห็นอย่างนั้นแล้วฉันจึงรีบสะบัดมือตัวเองให้หลุดจากการจับกุมของไอ้เ*******ูคนนั้นอีกครั้งอย่างแล้วก่อนที่จะรีบวิ่งเข้ามายืนอยู่ข้างหลังผู้ชายนิรามที่ช่วยฉันไว้
“ช่วยฉันด้วยค่ะ ฉันไม่ได้เป็นเด็กเขานะ”
ฉันกระชากแขนชายนิรนามแล้วบอกเขาขึ้นมาเพื่อที่จะไม่ให้เขาได้เข้าใจผิดก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจไม่ช่วยฉันขึ้นมา
เขามองมาทางฉันแค่เพียงหางตาก่อนที่จะมองไปทางไอ้เ*******ูคนนั้น
“ยุ่งอะไรด้วยวะไอ้หนู!”
เสียงไอ้เ*******ูคนนั้นถามขึ้นมาอย่างไม่พอใจทั้งๆ ที่ตัวเองแทบจะเอาตัวไม่รอด
มือก็ยังกุมหัวที่แตกอยู่เลือดไหลเลอะออกมาเต็มเสื้อ
“แล้วมึงยุ่งอะไรกับเมียกูวะ”
ชายนิรนามที่ช่วยฉันตอบกลับขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่แฝงไปด้วยความจริงจังมาก
“ถ้าไม่อยากมีเรื่องส่งนังนั้นมาให้ข้า!”
ไอ้เ*******ูนั้นตอบกลับมาอีกครั้งด้วยวาจาที่เปลี่ยนไปจากเดิมคือคุกกรุ่นกว่าเดิมและยังไม่ถอยหนี ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาเป็นสามีฉันเนี่ยนะถึงจะแค่ในนามก็เถอะ
ทำไมไอ้เ*******ูนี้ถึงหน้าด้านอย่างไร้เทียมทานแบบนี้นะ
“แต่กูอยากมี ถ้าไม่อยากเข้าโลงตอนนี้ก็รีบไสหัวไปซะ”
ชายนิรนามที่ช่วยฉันบอกขึ้นมาอีกครั้งด้วยแววตาและแรงโทสะที่เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว
“งั้นมึงก็ได้มีสมใจแน่ แต่ไม่ใช่กับข้าแต่เป็นลูกน้องข้าต่างหาก เฮ้ย! มานี่หน่อย”
ไอ้เ*******ูคนนั้นพูดขึ้นก่อนที่จะส่งเสียงเรียกอะไรบ้างอย่างให้ออกมาจัดการกับชายนิรนามที่ช่วยฉันไว้พอได้ยิงเสียงคนวิ่งเข้ามาฉันต้องเบิกตากว้างเป็นหลายเท่าก่อนที่จะกลืนน้ำลายตัวเองเพราะสิ่งที่เห็นเป็นลูกน้องของไอ้เ*******ูคนนั้นวิ่งมาตรงหน้าถึงสามคน
แต่ละคนมีท่าทางที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
“ครับเสี่ยมีอะไรให้พวกผมรับใช้ครับ”
“จัดการไอ้หน้าอ่อนนี่หน่อย มึงไม่ตายดีแน่ไอ้หนูเพราะลูกน้องข้าแต่ละคนเก่งด้านต่อสู้ทั้งนั้น ฮ่าๆ”
ไอ้เ*******ูคนนั้นสั่งลูกน้องตัวเองก่อนที่จะหันมาแล้วยกมือชี้หน้ามาทางชายนิรนามที่ช่วยฉันไว้
ฉันเป็นคนทำให้เขาเดือนร้อนจริงๆ
ทำยังไงดีล่ะยัยเจนิส คิดสิ คิดๆ ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะตัดสินใจกระชากแขนชายนิรนามคนนั้นพร้อมกับพูดกับเขาทันที
“นาย แบบนี้ไม่ไหวหรอกหนีเถอะนะสู้ไปก็เจ็บตัวเปล่าๆ ยังไงก็ ขอบคุณมากนะที่ช่วยฉัน”
“เธอกลัวหรอ อยู่ข้างหลังไว้ก็แล้วกัน”
“…”
ชายนิรนามคนที่ช่วยฉันไว้หันหน้ามาตอบฉันก่อนที่จะกระชากแขนของฉันเบาๆ และบอกว่าให้อยู่ข้างหลังเขาไว้ก็แล้วกัน
ใบหน้าเขาไม่มีความกังวลเลยสักนิดเดียวมีแต่ฉันเท่านั้นแหละที่ตอนนี้น้ำตาคลอเบ้าตาอยู่แล้ว บอกได้เลยว่าตอนนี้ฉันกลัวมากที่สุด
“ได้ครับเสี่ย เฮ้ย! พวกเราลุย”
ไอ้พวกลูกน้องไอ้เ*******ูสามคนนั้นต่างก็รับคำของเจ้านายตัวเองก่อนที่จะเดินตรงเข้ามาหาพวกฉันในตอนนี้
กรื๊ก!
“พวกมึงเข้ามาตาย”