ภูผา

1290 คำ
“แม่ เรียกช่างมาใส่กลอนประตูข้างในห้องพราวให้หน่อยนะ” ฉันบอกผู้เป็นแม่หลังจากท่านทานข้าวเสร็จ “หืม เป็นอะไรหรือเปล่าพราว” คิดแล้วว่าท่านต้องสงสัย แต่ไม่บอกหรอก ไม่อยากให้ท่านคิดมาก “ไม่มีอะไร พราวชอบเดินละเมอแม่ก็รู้ ถ้ามีกลอนข้างในมันก็ป้องกันพราวเดินออกมามั่วๆ ตอนเช้าไง” แถฉันแถขั้นสุด “เออๆ เดี๋ยวแม่บอกลุงให้ แล้ววันนี้แต่งตัวซะสวยจะไปไหน” แม่มองฉันหัวจรดเท้าแล้วเอ่ยทัก “ออกไปช๊อปปิ้ง จะไปผลาญเงินลุงโยชิดะ” ฉันพูดให้คุณลุงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้ยินด้วย แต่แทนที่ท่านจะดุท่านแค่นขำออกมาเฉย “ฮ่าๆ หนูพราว ตามสบายเลยลูก บัตรวงเงิน 5 ล้าน” “หะ ห้าล้าน” ฉันแหกปากตะโกนออกมา บัตรบ้าบัตรบออะไรก่อนวงเงิน 5 ล้าน เกินนนนน “เสียงดังไอ้พราว สำรวมหน่อย” โอ๊ยแม่ก็แสดงเกินไปมั้ย จะมาทำตัวเป็นคุณนงคุณนายอะไรนักหนา ไม่รู้สิตอนนี้ฉันหงุดหงิดมากและอยากหาที่ลงสุดๆ สุดๆ และสุดๆ โอ๊ยทำไงดีว่ะ แล้วคุณลุงก็ดันปิ้งไอเดียบ้าบอ “ให้ลูกชายลุงพาไปมั้ย มาพอดีเลย ไอ้เจ้า ภูผา น่าจะช๊อปเป็นเพื่อนหนูได้” เหอะ ลูกชายอีกแล้วหรอ ไม่เอาแล้วโว้ยไอ้ลูกชายบ้านเฮงซวยนี้ไม่เอาแล้วนิสัยแย่เหมือนกันทุกคน เกลียดชะมัด ฉันพยายามสะกดกลั้นตัวเอง และใช่ ฉันกำลังจะหันหน้าไปบอกคุณลุงและลูกชาย ภูผาอะไรนั่นของแก ว่าไม่เอา “ไม่เอาค่ะคุณลุง ลูกชายคุณลุง…” สายตาฉันปะทะกับร่างใหญ่ในแว่นตาหนา ท่าทางติ๋มๆ ผมเผ้าถูกหวีให้เนี้ยบ ไหล่ตกหวาดระแวงเหมือนกลัวคน หูตกๆ เหมือนหมาชิวาว่านั่งรอเจ้าของ พระเจ้าน่าแกล้งสุดอะไรสุด “สวัสดีครับน้องพราวฟ้า พี่ชื่อภูผานะครับ น้องย้ายเข้ามาหลายวันแล้วแต่เราไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย” ท่าทีหวาดวิตก หูตกๆ นั่น หางตาตกๆ หน้าตากึ่งรับกึ่งสู้ ฉันมองเข้าไปในดวงตาที่มีแว่นหนาบังอยู่ แล้วเดินเข้าไปใกล้ ประชิดตัว เขาสะดุ้งเฮือกและหลบตา ไม่ประสาผู้หญิงด้วย แต่ใดๆ คือภายใต้แว่นตาคือเขาหล่อมาก ผิวขาวเนียน ขาวกว่าฉันอีกหรือเปล่าว่ะ ปากกระจับอมชมพู หางตาตกๆ นั้นโคตรน่ารัก อีกทั้งท่าทางเหมือนหมาชิวาว่านั่น ฉันกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ นายจงมาเป็นของเล่นของฉันแทนเจ้าอายาโตะนั่นซะ เจ้าภูผา “เรียกพี่ภูเฉยๆ ได้มั้ยคะ” ฉันทำท่าทางดีดกะโหลกใส่เขาที่กำลังทำท่าเหมือนระแวงฉัน “ได้ครับ” ท่าทางกึ่งรับกึ่งสู้ คิกๆ “งั้นเรียกพราวว่าพราวก็พอนะคะ” ฉันบอกเขาเรียบง่าย ไม่พิธีรีตอง “ครับพราว เธอสวยมาก” อะอ๊าหมอนี่แกล้งชมฉันแน่ๆ เอาเถอะ ถือว่าเอาไว้แกล้งละกัน อย่างน้อยหมอนี่ก็ไม่ร้ายเหมือนคนอื่น “งั้น พี่ภู พาพราวไปช้อปปิ้งค่ะ ได้มั้ยคะ พราวจะไปผลาญเงินคุณลุง” “ดะ ได้ครับ” คิกๆ น่ารักจังหมอนี่ . . “เจ้าหมาชิวาว่า พราวอยากดูหนัง” ฉันบอกเขาที่กำลังเดินตามหลังฉันมาท่าทางทุลักทุเล การแต่งตัวที่เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อผ้าแบรนด์เนม และนาฬิกาหรู เกลียดชะมัด “ครับ ดูเรื่องอะไรดี” หมอนี่ไม่โกรธที่ฉันเรียกว่าหมาชิวาว่างั้นหรอ แถมยังดูดีใจไปอีก อะไรของเขาว่ะ “เรื่องนี้” ฉันชี้มั่ว ฉันก็แค่อยากฆ่าเวลาให้หายหงุดหงิดเท่านั้น ไม่ได้อยากดูจริงจัง “งั้นพี่ไปซื้อตั๋วกับขนมให้นะ” คนดี ไอ้หมอนี่มันคนดีจริงหรือเปล่าเนี่ย ไม่หรอกยังตัดสินไม่ได้ ผู้ชายบ้านนี้มันเฮงซวย อย่าไว่ใจใครเด็ดขาดไอ้พราว หมอนี่ต้องเป็นทาสอารมณ์ให้เธอเท่านั้น ห้ามมองเป็นอย่างอื่น เมื่อเข้าไปอยู่ในโรงหนังและหนังฉายได้สัก 20 นาทีมั้ง ฉันก็คิดอะไรสนุก สนุกออกมาได้ ฉันหันไปจ้องหน้าเขาแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขา เขามีท่าทีตระหนกเล็กน้อย ฉันยื่นเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เรื่อยๆ และ ประกบริมฝีปากลงไป เขาหลับตาปี๋ คิกๆ น่ารัก แล้วพรึบลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใช้มือทั้งสองข้างของเขาสอดเข้ามาที่หลังใบหูฉันแล้วจูบตอบมา อืมม∼ ฉันครางในลำคอเบาๆ ใช่ ฉันอยากจะตกเขาใช้เขาเป็นเครื่องมือไม่ว่าอะไรก็ตาม อย่างน้อยถ้ามีเขาเป็นพวกฉันก็ยังพอมีที่ยืน ไหนๆ เรื่องมันก็มาขนาดนี้แล้ว จูบอีกสักคนคงไม่เป็นไรหรอกไอ้พราว เมื่อเขาถอนจูบออกแล้วเขาก็หน้าแดงก่ำ หน้าตากึ่งรับกึ่งสู้โคตรจะน่ารัก เขาจ้องมาที่ดวงตาของฉันแล้วพูด “เธอเป็นคนที่สวยมากพราวฟ้า” ตกได้แล้ว ฉันตกเขาได้แล้วคิกๆ ฉันกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ และพูดขึ้น “พราวไม่ดูแล้ว ขี้เกียจดู ไปช้อปปิ้งดีกว่า” “ครับ” เขาพูดมาแค่นั้น แล้วหลังจากที่ฉันซื้อทุกอย่างที่อยากซื้ออย่างบ้าพลัง “พราว พราว” เสียงทุ้มตำกับน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความตระหนกตลอดเวลา เดินตามฉันขณะที่ฉันกำลังเดินแกว่งแขนอย่างรวดเร็วในห้างหรู “เรียกอะไรนักหนา เจ้าหมาชิวาว่า” ฉันหันไปตะคอกเขา ไม่รู้สิฉันหงุดหงิดมากและนี่ก็เป็นวิธีเดียวที่พอจะทำให้ฉันรู้สึกดี “พี่จะบอกว่า ถ้าบัตรพราวไม่พอ เอาของพี่ไปใช้ก็ได้นะ พี่ไม่ค่อยได้ใช้” เขายื่นบัตรหน้าตาเหมือนกันให้ฉันหนึ่งใบ แล้วทำท่าตระหนก ติดอ่าง หมอนี่ต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ไม่สิฉันนี่แหละทำตัวแย่กับเขาเกินไปมั้ย “พี่ภู” ฉันเริ่มเรียกเขาเบาๆ และมองหน้าเขา เขาก้มลงมามองหน้าฉัน “พราว” เขาเรียกฉันเสียงสั่นเครือ เฮ้อ ลองคุยและรับฟังเรื่องราวของเขาดูหน่อยสิ ดูเหมือนหมอนี่จะเป็นเด็กเก็บกดและไม่มีเพื่อนสินะ “ไปนั่งกินติม แล้วคุยกันป่ะ” “ครับ” ท่าทางเขาดีใจมาก อะไรกันเด็กน้อยชะมัด . ร้านไอติม “อ๋อ เป็นน้องของเจ้าพิภพนั่น อยู่ ม.6 โรงเรียนเดียวกับที่พราวจะเข้าหรอ” “อืม” เขาตอบแบบเจื่อนๆ เนือยๆ ท่าทางไม่มั่นใจในตัวเอง เหมือนเด็กจัง “นี่ แล้วทำไมถึงใช่ชีวิตเหมือนหมาชิวาว่ารอเจ้าของเลยล่ะ” ฉันถามออกไปตรงๆ เพราะอยากรู้ว่าเขามีปมอะไร ถึงกลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองได้ขนาดนี้ “ไม่รู้สิ มันเป็นมาตั้งแต่เกิดแล้วมั้ง ทั้งบ้านมีแต่พี่ที่ไม่เอาไหน ใช้ชีวิตเอาแต่เรียนหนังสือ วันๆ ไม่เข้าสังคม” “งั้นหรอ นายเรียนเก่งหรอ” “ก็พอใช้ได้อยู่ 4 เต็มทุกวิชา” “ห๊ะ แบบนั้นไม่พอใช้ได้แล้วมั้ย นั่นมันระดับแรร์แล้ว โอ๊ย เก่งขนาดนั้นยังคิดมากอีก” “ก็นะ พี่ไม่ค่อยมีคนคบ พวกพี่น้องก็ไม่เคยเห็นพี่ในสายตา พี่ดีใจมากที่เธอเข้ามาอยู่บ้านของเรา และยอมคุยกับพี่” เฮ้อออ ฉันถอนหายใจใส่หน้าเขา แล้วไอ้แผนที่จะใช้เขาเป็นเครื่องระบายอารมณ์จะเอาไงดีวะ “กลับกัน” ฉันชวนเขากลับ “ครับ” เขาตอบแล้วเดินตามมาต้อยๆ . .
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม