ตอนที่ 4

1655 คำ
4 ทำไม...สาวน้อยแสนจะบอบบาง ท่าทางเหมือนสนต้องลมพายุพร้อมจะหักเป็นสองท่อนในวันนั้น สาวน้อยหน้าหวาน นัยน์ตาเศร้าอมโศก จะพูดสักคำก็ต้องถามย้ำแล้วย้ำอีก ท่าทางเหมือนกับคนขาดความมั่นใจ ที่เขาเจอที่โรงพยาบาลถึงได้มีท่าทีแปลกไป... กล้าพูดต่อปากต่อคำมากขึ้น แถมเสียงที่เปล่งออกมาก็เหมือนมะนาวไม่มีน้ำ เถียงคำไม่ตกฟากเสียอีก ตาหรือก็ใสแจ๋วแข็งดุ ไม่มีท่าทางขลาดกลัวหรือประหวั่นพรั่นพรึงยามอยู่ต่อหน้าเขาแม้สักนิด แล้วยังเชิดหน้าสูงอย่างไม่คิดจะง้อใคร ราวกับเป็นคนละคนอย่างนั้นแหละ “อ้าวคุณ ว่าไง มีอะไรก็พูดมาซิ กลัวฉันกลายเป็นลมลอยหายไปหรือไง ถึงได้จ้องอยู่อย่างนั้นน่ะ” เมื่อไม่อาจสู้ตากับอีกฝ่ายได้ นิลลดาเลยใช้เสียงเล็กหวานใสอย่างที่เจ้าตัวไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่เข้าข่ม กลีบปากนุ่มขมุบขมิบทำเสียงจุ๊บๆ จิ๊บๆ ส่งไปก่อกวนอารมณ์อีกฝ่าย “ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากแต่งงานด้วย แต่ยังไงเธอก็ตัดสินใจแล้ว ช่วยทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง” หลุดเสียงเรียบ ๆ แต่เน้นหนักอย่างคนคุ้นเคยกับการออกคำสั่งให้คนอื่นทำตาม เหอะ...นิลลดาเบะหน้าและกลีบปาก ไหล่กว้างเลิกขึ้น ถ้าเป็นคนอื่นคงจะกลัวจนตัวสั่นกับน้ำเสียงแข้งกระด้างดุ แต่โทษทีย่ะ...ไม่ใช่เธอ ไม่พอใจก็ไม่ทำ ใครจะทำไม “ทำไม ฉันก็ทำหน้าที่ของตัวเองอยู่นี่ไง ไม่ดีตรงไหน มิทราบคะ” ถามกลับอย่างก่อกวน ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงหน้าตาที่แทบไม่มีรอยยิ้มให้เห็นเลย แถมยังบูดบึ้งอย่างกับว่าโกรธใครมาสักสิบปีอย่างนั้นแหละ ก็เกิดเรื่องขนาดนี้ ใครยังจะยิ้มอยู่ได้กันล่ะ ถ้าดีใจว่าได้แต่งงานจนเนื้อเต้น ฉีกยิ้มกว้างให้ปากฉีกถึงใบหูน่ะหรือ เขาเรียกว่าคนบ้าแล้ว “มุกลดา!” เรียกอยู่ได้ ไม่ได้ชื่อนั้นโว้ย! คนถูกเรียกแสยะกลีบปากอย่างเซ็งจับจิต “ก็แล้วไง ฉันก็ทำหน้าที่ของฉัน ยืนเป็นเจ้าสาวคู่กับคุณอยู่นี่ไง ส่วนจะทำหน้ายังไง มันก็เรื่องของฉัน ยังไงคนในงานเขาก็รู้กันอยู่แล้วแหละ ฉันแต่งงานกับคุณเพราะอะไร คงไม่จำเป็นที่จะต้องรักษาหน้าให้ใครนี่นา” นิลลดาสวนกลับอย่างไม่มีอาการหงอหรือยอมแพ้ เธอไม่คิดทำตามคำพูดของอีกฝ่ายด้วย สองมือเล็กจับปลายกระโปรงดึงขึ้นให้สะดวกกับการเดิน สบช่องเมื่อไหร่ แม่จะหนีออกจากงานให้ได้อายคนกันบ้างแหละ แต่...ถึงจะคิดอย่างนั้น ด้วยสภาพน้องชาย ซึ่งนอนเป็นเจ้าชายนิทรา หน้าตาแทบจะไม่เห็นเค้าเดิม เพราะผิวเนื้อครูดไปกับถนนจนเป็นแผลถลอกปอกเปิกกับน้ำตาของพ่อก็เป็นห่วงให้ตัดสินใจทำอะไรได้ยากแล้ว ไหนจะท่าทีจะเป็นจะตายของแม่เลี้ยงอีกล่ะ นิลลดาแอบผ่อนลมหายใจออกจากปอด เธอไม่คิดจะสวมไอ้ชุดเจ้าสาวบ้าๆ นี่แทนมุกลดาหรอก ยังไม่อยากมีสามี ไม่อยากถูกเจาะไข่แดงฟรีๆ โดยไม่มีความรัก...ซึ่งอย่างเธอนะ แม้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่รู้ดีว่าไอ้คำว่า ‘ความรัก’ นี่นะ หายากมากถึงมากที่สุดเชียวละ พายุมองดูเจ้าสาวตัวเล็กที่วันนี้มีฤทธิ์มากจนเกินความจำเป็นไปนิด ลอยหน้าลอยตาเถียงเขาคำไม่ตกฟาก เรียวปากหนาแสยะออกเล็กน้อย นัยน์ตาเป็นประกายดุกร้าววาวโรจน์ด้วยเพลิงโทสะที่ห้อมล้อม ไม่เคยมีใครกล้าที่จะเถียงเขาหน้าดำหน้าแดงอย่างหญิงคนนี้ทำสักที แล้วเมื่ออีกฝ่ายพลั้งเผลอ... “ว้าย!” หวีดร้องเสียงหลง เมื่อหมียักษ์เคลื่อนไหวเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว สอดแขนล่ำสันเต็มไปด้วยมัดกล้ามรอบสะเอวคอดกิ่ว ทาบฝ่ามือบนแผ่นหลัง ดันให้สองกายแนบชิดจนได้กลิ่นหอมสะอาดของเรือนกายบึกบึนและสัมผัสถึงลอนกล้ามเนื้อแข็งกระด้างภายใต้เสื้อตัวใหญ่ “ปล่อยฉันนะโว้ยไอ้หมียักษ์ ไอ้คนเส็งเคร็ง” ด่ากราดและประทุษร้ายอีกฝ่ายด้วยปลายเล็บจิกข่วนลงไปเต็มๆ แรง อย่างไม่ยอมให้ถูกกอดรัดฟรีๆ เธอไม่ได้เป็นเจ้าสาวตัวจริงเสียหน่อย เป็นแค่คนขัดตาทัพ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะถูกกอดรัดแนบชิดพาใจและกายหวั่นไหวแบบนี้ หนังตาชายหนุ่มนิ่วเล็กน้อยกับเสียงหวีดร้องแหลมเล็กที่ดังสอดแทรกเข้ามาในช่องหู และรำคาญมือบางที่ร่ายระบำปลายเล็บบนกายอย่างไม่สนใจว่าจะถูกตรงไหนบ้าง จนต้องรีบรวบแขนเรียวไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวไพล่ไว้ด้านหลังกายบาง “ถ้าเธอยังไม่หยุดด่า...และทำร้ายฉันนะมุกลดา ฉันจะจับเธอไปขังเอาไว้ แล้วหันไปเอาเรื่องกับครอบครัวเธอ ไอ้เด็กนั่นจะได้ตายเร็วขึ้น” ยังไงเขาก็เป็นคนใจร้ายและหน้าไม่อายใช้สถานการณ์เลวร้ายเอารัดเอาเปรียบคนไม่มีทางสู้อยู่แล้วนี่นา จะสนใจไปทำไมว่าจะรังแกผู้หญิงปากจัดนี่อีกสักครั้ง “ไอ้...” มีหรือที่นิลลดาจะสนใจน่ะ “เลือกเอา จะหยุดด่าหรือว่าจะโดนปล้ำในห้องนี้” ดวงตาสีนิลกระจ่างวาบขึ้นมาเหมือนกับท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิด มีสายฟ้าวาบขึ้นมา มุมปากข้างหนึ่งยกขึ้น เมื่อเห็นประกายตากลัววูบแวบขึ้นมาในดวงตากลมโตใสแจ๋วราวกับลูกแก้วของแม่ตัวเล็ก ดวงตากลมโตกลับต้องเบิกกว้าง กลีบปากอิ่มนุ่มซึ่งอ้าจะด่าต้องรีบหุบฉับลง ใบหน้ารูปหัวใจแดงปลั่งไล่ไปถึงใบหู งอง้ำยิ่งกว่าจวักตักอาหาร นัยน์ตาแดงก่ำด้วยเพลิงไฟโทสะที่พุ่งลิ่วๆ ยิ่งกว่าน้ำถูกต้มจนเดือดพล่าน ‘ไอ้บ้าเอ๊ย! เห็นว่าตัวเองตัวใหญ่กว่า แล้วเธอสู้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ถึงได้ขู่กันแบบนี้น่ะ โอ๊ย! อยากกัดคนจริงๆ โว้ย!’ “ทีนี้เรามาคุยกันดี ๆ ไม่มีคำพูดส่อเสียด ชวนให้ฉันบันดาลโทสะ เปลี่ยนใจจากคุยเป็น...ปล้ำเธอแทน” ไม่มีล้อเล่นในน้ำเสียงคมเข้มดุ ฝ่ามือหนาทาบบนแผ่นหลังบาง ดันกายอรชรไปนั่งบนโซฟาตัวนุ่มโดยมีตัวเขานั่งแนบชิด ไม่ยอมถอยห่าง แล้วยังใช้ปลายนิ้วไล้วนบนเรือนกายสาว ก่อกวนอารมณ์คนตัวเล็ก ที่ดูจะหวั่นไหวจนพวงแก้มใสซับสีเลือดขึ้น “คุยก็คุยซิ แต่ช่วยปล่อยฉันก่อนได้ไหมล่ะ อยู่แบบนี้อึดอัด หายใจไม่ออก” ยังจะต่อรองกับอีกฝ่าย ด้วยอยู่แบบนี้ดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นี่นา วูบๆ วาบๆ เหมือนกับถูกไฟช็อตอย่างนั้นแหละ ไม่ชอบเลยให้ตายซิ ความรู้สึกแบบนี้น่ะ มันเหมือนไม่ใช่ตัวของเธอเลย จะควบคุมอะไรก็ไม่ได้ ความคิดมันก็เรื่อยเปื่อยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ “อย่าเรื่องมากมุกลดา” เน้นเสียงเข้มดุ ‘ชิ...ไอ้หมียักษ์บ้า เห็นเธอตัวเล็กกว่าสู้ไม่ได้ ครอบครัวก็ยังต้องพึ่งความช่วยเหลืออยู่ใช่ไหมล่ะ ถึงได้ข่มขู่เอาแบบนี้น่ะ’ นิลลดาหน้างอง้ำ นัยน์ตาหลุบต่ำ พยายามข่มกลั้นความโกรธที่พุ่งขึ้นราวกับปรอทถูกความร้อน “จะให้ฉันทำอะไรก็ว่ามา” ‘ถ้าทำได้จะทำ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ทำโว้ย’ “อยู่ในงานช่วยยิ้มสักหน่อย คงไม่ทำให้เธอชักแหง็ก ๆ เหมือนคนติดยาที่กำลังลงแดงหรอกนะ” อยากชักอยู่เหมือนกัน คนอยู่ในอารมณ์อะไรก็น่าจะรู้อยู่ ดันจะให้ยิ้มอย่างคนมีความสุขอยู่ได้ แล้วสั่งให้คนอื่นยิ้ม ทีตัวเองล่ะ ทำหน้าเหมือนกับอมบอระเพ็ดอย่างนั้นแหละ “ยิ้ม...” กลีบปากนุ่มแยกออก แยกจนเห็นเหงือกสีชมพู อย่างที่เรียกว่าแยกเขี้ยวมากกว่ายิ้ม “แบบนี้ได้ใช่ไหมคุณ” นิลลดาพูดทั้งที่ฉีกปากอยู่ “ฉันให้เธอยิ้ม ไม่ใช่ให้เธอฉีกปาก ถ้า...” ชะโงกหน้าไปจนปากเกือบจะแตะกับปลายจมูกเล็กโด่ง “ไม่ทำให้มันดี ๆ ฉันก็จะทำให้เธอยิ้มเอง” โอ๊ะโอ๋...เก่งขนาดนั้นเลย ทำให้เธอยิ้มได้นี่นะ อืม...อยากลองเหมือนกัน เพียงแค่คิดแต่นิลลดาคงไม่รู้ เธอได้ส่งคำท้าทายไปทางดวงตากลมโตใสแจ๋วราวกับแก้ว กลีบปากหนากระตุกเล็กน้อย ไฟในดวงตาเปล่งประกายวาบขึ้นมา ก่อนทุกอย่างจะเลือนรางหายไป แขนแกร่งโอบกระชับร่างแบบบาง วาดฝ่ามือขึ้นไปตามแผ่นหลังเนียนนุ่ม “อยากลองดีใช่ไหมมุกลดา ได้ซิ ฉันจัดให้” นิลลดาไม่ทันได้ถามว่าเขาจะจัดการอย่างไร กลีบปากนุ่มก็ถูกปิดทับลงอย่างไม่ทันจะได้ตั้งตัว ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ชาวูบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนเร่าราวกับถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จากกลีบปากนุ่ม ซึ่งถูกบดเบียดอย่างหนักหน่วงไม่มีผ่อนเบา จะเบี่ยงส่ายศีรษะหนีหรือก็ทำไม่ได้ เพราะมือแกร่งจับตรึงท้ายทอยเอาไว้จนขยับไม่ได้ กายอรชรหรือก็ถูกรัดราวกับงูรัดเหยื่อ 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม