เจ้าหนี้ซาตาน ตอนที่ 1
ปิ่นปัทมา เขตโสภณ หญิงสาววัย 25 ปี เธอมีใบหน้าสวยหวาน เค้าโครงหน้ารูปไข่ ริมฝีปากอิ่มย้อยสีชมพูจัด ผิวพรรณนั้นขาวนวลเนียนสะอาดสะอ้านหมดจดเหมือนมารดาไม่มีผิดเพี้ยน คิ้วเรียวแม้ไม่ได้ผ่านการตกแต่งแต่กลับสวยน่ามอง ขนตางอนงามน่าชม แก้มแดงระเรื่อตามวัยสาว บ่งบอกถึงความมีสุขภาพดี เรือนร่างของเธออรชร อวบอิ่มในสัดส่วนความเป็นหญิง ทั้งอก เอว สะโพกรับกันอย่างเหมาะเจาะ หุ่นเหมือนนาฬิกาทราย นิ้วเท้าเล็กๆ กับเท้าบอบบางนั้นช่างน่าสัมผัส นิ้วมือเรียวสวยกับมือเล็กๆ ช่างเข้ากันเป็นอย่างดี ส่วนสูงของเธอเกือบหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ทำให้รูปร่างของเธอนั้นดูโดดเด่นสวยสง่า
คุณนวลแข โขมพัสตร์ เจ้าแม่เงินกู้รายใหญ่ของจังหวัด ซึ่งมีวัยล่วงเลยห้าสิบกว่าปีไปแล้วขยับกรอบแว่นตาเล็กน้อย เพื่อพิศมองคนตรงหน้า ยิ่งมองท่านก็ยิ่งนิยมชมชอบในตัวปิ่นปัทมายิ่งนัก
หญิงสาวตรงหน้าช่างมีคุณสมบัติครบทุกประการที่จะเป็นภรรยาที่ดี รูปร่างหน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่สวยจับตาจับใจ หากมีลูกมีเต้าคงเกิดมาหน้าตาดีเหมือนมารยา กิริยามารยาทนั้นช่างเรียบร้อยอ่อนหวาน พูดจามีสัมมาคารวะ ลูกเต้าที่เกิดมาถ้าไม่ผ่าเล่าผ่ากอก็ต้องนิสัยเหมือนคนเป็นพ่อแม่
การเลี้ยงลูกนั้นสำคัญอยู่ที่การอบรมสั่งสอน เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่หากเราไม่ได้ปล่อยปละละเลยหรือตามใจจนเกินไป
คุณนวลแขยิ่งมองก็ยิ่งชอบ คิดหวังไปไกลถึงกับอยากได้ไปเป็นเมียของหลานชายคนเดียวที่ตอนนี้ยังครองตัวเป็นหม้ายไร้คู่เคียงข้าง แถมยังไร้ทายาทสืบสกุลอีกด้วย แม้ท่านอยากจะให้หลานชายเลือกผู้หญิงมาสักคน แต่ก็ยังไม่ถูกใจเท่าคนนี้
ปิ่นปัทมาคนนี้ ถูกใจท่านที่สุด...
เจ้าแม่เงินกู้รายใหญ่ของจังหวัดขยับแว่นสายตาไปมาอีกครั้ง เมื่อหญิงสาวตรงหน้า ค่อยๆ คลานเข่าเข้ามาเสิร์ฟน้ำให้ท่านอย่างนอบน้อม และเป็นปกติที่ลูกหนี้จริงๆ ของท่านจะส่งลูกเลี้ยงมารับหน้า แล้วตัวเองก็ไปหลบอยู่ตรงไหนสักแห่งในบ้านหรือหนีออกไปทางประตูหลัง
“แม่เลี้ยงเราไม่อยู่รึ” คุณนวลแขเอ่ยถามอย่างรู้ทัน ท่านรู้ดีว่ารัตนาพยายามหลีกเลี่ยงหนี้สินที่มีอยู่ และตอนนี้โฉนดที่ดินบ้านได้หลุดจำนองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในฐานะเจ้าหนี้ ท่านจึงต้องทำตามข้อตกลงที่วางเอาไว้ตั้งแต่แรก เพราะนี่ก็ผัดผ่อนมานานมากโขแล้ว อาจเพราะท่านใจอ่อนกับคนตรงหน้าก็เป็นไปได้ จึงยังไม่เร่งรัดหนี้สินก้อนโตอย่างจริงจังนัก
“น้ารัตเหรอคะ เอ่อ...” ปิ่นปัทมาอึกๆ อักๆ เพราะไม่ชอบโกหก แต่ถ้าพูดความจริงออกไป เธอก็คงจะโดนเล่นงานอีกเป็นแน่แท้ รู้แค่ว่าคุณนวลแขเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของครอบครัว ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ เนื่องจากไม่เคยกล้าที่จะเอ่ยถาม มีแต่พยายามหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวเท่านั้นเอง
“คุณแม่น่ะเหรอคะคุณนาย” ปลายรุ้งซึ่งเป็นน้องสาวต่างมารดาของปิ่นปัทมาพรวดพลาดออกมาทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ใบหน้าเหลอหลา ปิ่นปัทมารู้ได้ทันทีว่าน้องสาวกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่าง และไอ้อาการที่ทำเหมือนไม่รู้เรื่องราวนั้นก็เป็นการเสแสร้งแกล้งทำทั้งสิ้น เพราะเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก เหตุใดจะไม่รู้ว่าน้องสาวคนเดียวกำลังหาเรื่องให้แม่ตัวเองอับอายขายหน้า
“ใช่จ้ะ แม่เราน่ะไปไหน” คุณนวลแขเอ่ยถาม ในสายตาของท่านปลายรุ้งเหมือนม้าดีดกะโหลกดีๆ นี่เอง แตกต่างจากผู้เป็นพี่สาวเหมือนหน้ามือกับหลังมือ ปิ่นปัทมาพยายามมองตาน้องสาวเพื่อห้ามปรามไม่ให้อีกฝ่ายพูดอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรออกไป แต่ก็ดูจะไร้ผลเมื่อปลายรุ้งแทบไม่สนใจคำขอร้องทางสายตาของพี่สาวเลยแม้แต่น้อย แถมยังมีสีหน้าเจ้าเล่ห์จนน่าหมั่นไส้เสียอีกด้วย
“คุณแม่สั่งหนูกับพี่ปัทเอาไว้ค่ะคุณนาย ว่าไม่ให้บอกว่าคุณแม่หลบอยู่หลังบ้านน่ะค่ะ” นั่นปะไร!!! ความแสบเกินใครของน้องสาวเธอ ปิ่นปัทมาคิดเอาไว้ไม่มีผิด...
ปลายรุ้งทำท่ากระซิบกระซาบแววตาใสซื่อ ปิ่นปัทมารู้ดีว่าน้องสาวไม่ใช่คนซื่อบื้อเช่นนั้น แต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ถึงเธอจะเป็นแค่พี่สาวต่างมารดา แต่ปลายรุ้งกลับรักเธอยิ่งกว่ารัตนาซึ่งเป็นมารดาแท้ๆ ถ้ารัตนาหาเรื่องใช้งานเธอหนักๆ หรือดุด่าว่ากล่าว ปลายรุ้งก็จะกระโดดเข้าช่วยเหลือตลอด เรียกว่าประทะฝีปากกับมารดาเพื่อปกป้องเธอ
อาจเป็นเพราะเธอเลี้ยงดูปลายรุ้งตั้งแต่เด็ก ในขณะที่รัตนาออกไปเที่ยวเตร่ไม่สนใจลูกเต้า พอบิดาของเธอเสียชีวิต ภาระทุกอย่างในบ้านจึงตกมาอยู่กับเธอทั้งหมด นอกจากต้องหาเลี้ยงปากท้องทุกคนแล้ว เธอยังต้องส่งเสียตัวเองเรียน โชคดีที่เธอหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบ แต่งานในต่างจังหวัดแบบนี้หายากนัก เงินเดือนก็ไม่เพียงพอเลี้ยงครอบครัว เธอจึงลาออกมาทำขนมส่งขาย ซึ่งขนมที่ทำนั้นเป็นขนมไทยโบราณ มีรสชาติหอมหวานอร่อย เป็นสูตรดั้งเดิมของคุณยายที่เธอได้รับการสืบทอดมาช้านาน ทำให้ขนมของเธอมีร้านค้าสั่งจองเข้ามาจนทำส่งขายแทบไม่ทัน ดีที่ปลายรุ้งคอยเป็นลูกมือคอยช่วย และเธอก็ได้ค่าขนมนี้ส่งเสียน้องเรียน เพิ่งจบระดับปริญญาตรีเมื่อไม่กี่เดือนมานี้
แม้ปลายรุ้งจะคอยเป็นลูกมือทำขนมหรืออาหารเล็กๆ น้อยให้เธอได้ แต่พอให้เข้าครัวเอง ทำอาหารเอง กลับไม่เอาไหนเสียเลย เรียกว่าไม่มีพรสวรรค์ทางเกี่ยวกับการทำอาหารเลยแม้แต่น้อย ดีไม่ดีจะเข้าไปเผาห้องครัวเสียให้วอดวาย ปลายรุ้งจึงมีหน้าที่ช่วยแพ็กขนมให้พี่สาวเสียมากกว่า
“งั้นก็ไปเรียกแม่เรามาสิ” คุณนวลแขเองก็ฉลาดรู้เท่าทันคนอื่น ไม่เช่นนั้นคงไม่ร่ำรวยเป็นเจ้าหนี้เงินกู้รายใหญ่ของจังหวัด และยังมีเส้นสายมากมายแบบนี้
รัตนาที่แอบฟังอยู่อีกด้านได้ยินเข้าก็อยากจะร้องกรี๊ดๆๆ ในคำพูดของบุตรสาว ปลายรุ้งเป็นเด็กฉลาดเธอรู้ แต่ลูกสาวของเธอกำลังหาเรื่องแกล้งเธอ อยากจะหยิกยายเด็กปากมอมนี้ให้เนื้อเขียวนัก ไม่รู้เกิดมาเป็นลูกเธอได้ยังไง ไม่เคยเข้าข้างเธอเลยสักครั้งเดียว
“แม่คะ คุณนายเรียกแม่น่ะ” ปลายรุ้งตะโกนเรียกมารดาเสียงดัง ปิ่นปัทมาจะหันไปปรามน้องสาวก็ไม่ทันเสียแล้ว ในขณะที่รัตนากระแทกเท้าออกมาจากที่ซ่อนตัว เชิดหน้าทรุดนั่งลงตรงข้ามกับคุณนวลแขที่ขยับแว่นสายตามองมาอย่างเอือมระอาเหลือเกิน
รัตนาหันมาถลึงตาใส่บุตรสาว ก่อนจะตวัดสายตาใส่ลูกเลี้ยงสาวที่ยืนสงบนิ่งอยู่อีกด้าน ปลายรุ้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงมือพี่สาวไปหลังบ้านเพื่อทำขนมต่อ ปิ่นปัทมาถอนใจเฮือก อยากจะดุน้องแต่เห็นสีหน้าทะเล้นและท่าทีบีบนวดออดอ้อนก็ดุไม่ลง เธอรักปลายรุ้งยิ่งกว่าอะไร ไม่ว่าน้องจะทำอะไรก็ไม่เคยทุบตีหรือดุด่ารุนแรงให้ต้องเจ็บช้ำใจกันเลย
“ไม่เห็นต้องหลบเลยแม่รัต ฉันเองก็ไม่ใช่เจ้าหนี้หน้าเลือดนักหรอกนะ” คุณนวลแขพูดเสียงเนิบนาบไม่ได้แสดงอาการโกรธเคือง แต่รัตนารู้ดีว่านั่นคือประโยคเหน็บแนมเธอให้เจ็บใจเล่น
รัตนาแกล้งทำเป็นยิ้มหวานส่งไปให้ ก่อนจะก่นด่าในใจ ไม่ใช่เจ้าหนี้หน้าเลือดเลย แต่เค็มไปทั้งตัว เรียกว่าทวงหนี้ทุกวิถีทาง จนตอนนี้เธอรู้ดีว่าบ้านหลังนี้ ที่เธอกับลูกอาศัยอยู่หลุดจำนองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณนวลแขจะมายึดเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ จะยึดตอนนี้เลยก็ยังได้ จะไล่เธอกับลูกเหมือนหมูเหมือนหมา เธอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมีสัญญาณที่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ชัดเจน
“แหม... คุณนายก็อย่าเคี่ยวนักสิคะ” รัตนาจีบปากจีบคอพูด วางหน้าไม่ค่อยจะถูก เพราะดอกเบี้ยที่ลูกเลี้ยงให้มาจ่ายหนี้ เธอก็เอาไปเข้าบ่อนจนหมดตัวเสียแล้ว
“เงินทองไม่ใช่ของหากันง่ายๆ นะแม่รัต ฉันก็ทำไปตามที่ตกลงกันเอาไว้”