จินนี่มองแผ่นหลังของว่าที่สามีเธอ เขากำลังจับจูงมือของเธอเพื่อที่จะพาเธอออกไปยังงานเลี้ยงที่น่าอึดอัดนี้
แต่ทว่าเพราะเธอสวมรองเท้าส้นสูงอีกทั้งชุดแต่งงานนี่ก็หนักมากมันจึงทำให้เธอเดินตามเขาได้ช้า..แต่เขาก็ไม่ได้กระชากหรือว่าลากเธอเลย ท่านดยุคเดินช้าลงเพื่อให้เธอได้เดินตามเขาทัน และในที่สุดเราก็เดินมาที่รถม้าที่มีตราประทับของตระกูลเดอเรก
เขาหยุดอยู่เบื้องหน้ารถม้าก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมาแล้ววางเธอลงอย่างแผ่วเบาบนโซฟาของรถม้า ใบหน้าของจินนี่พลันเห่อร้อนขึ้นมา เธอพยายามละสายตาจากใบหน้าของเขาเพื่อที่จะมองไปทางอื่น แต่ทว่ามันก็ทำได้ไม่ง่ายเลย..
เพราะว่าเสียงความคิดของเขามันดังขึ้นมารบกวนสมาธิของเธอตลอดเลย
“ทำไมไม่มองสบตากันล่ะ? เพราะว่าไม่ชอบหรือว่ากลัวข้างั้นหรือ? ข้าไม่คิดจะทำร้ายเจ้าเลยนะเพราะฉะนั้นหันใบหน้าสวยๆ นั่นมาให้ข้ามองหน่อยเถอะ”
เธอช้อนสายตามองหน้าเขาด้วยความประหม่า เธอพึ่งผ่านการแต่งงานและพึ่งจะมีจูบแรกไป แถมความคิดของชายผู้ซึ่งหล่อเหลามากกว่าบุรุษทุกคนที่เธอเคยพบเจอมา กำลังคิดเรื่องของเธอ
เขากำลังคิดว่าเธอนั้นงดงามแถมยัง..คิดเรื่องของเราในแบบที่ชวนให้หัวใจของจินนี่สั่นไหวอีกด้วย
“ข้าแต่งงานกับเจ้าทั้งที่ไม่ทราบชื่อของภรรยาเลย ไม่นึกว่าเราจะต้องมาแนะนำตัวบนรถม้าแบบนี้ ข้าคือดยุคแห่งเดอเรก เจ้าสามารถเรียกข้าได้ว่าดันเต้..หรือไม่ก็ดัลเฉยๆ ก็ได้”
“ขะ..ข้าชื่อว่า..จินนี่ค่ะ ทะ..ท่านดยุค..เรียกข้าว่าจีน”
“ให้ตายเถอะ แม้แต่ชื่อยังน่ารักเลย!! ข้าอยากจะดึงนางมากอดแรงๆ สักที แล้วแก้มทั้งสองข้างจะแดงอะไรขนาดนั้นทำไมถึงได้น่ารักจังเลยล่ะภรรยาของข้า”
จินนี่พยายามสูดหายใจเข้าปอดเพื่อที่เธอจะได้มีสติกับการนั่งรถม้า เขายังคงมองหน้าเธอ เรียกได้ว่ามันคือการจ้องมองน่าจะเหมาะกว่า
“อะ..เอ่อ ข้าคิดว่ามีเรื่อง ทะ.ที่ข้าสมควรจะต้อง บอกกล่าวแก่ท่าน”
“ว่ามาสิ”
“นางคงไม่ได้มีคนรักอะไรแบบนั้นหรอกใช่ไหม?”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ!!”
เมื่อจินนี่เผลอหลุดปากตอบความคิดของเขาเธอจึงรีบยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้เป็นการเร่งด่วน
“คะ..คือว่า ข้าเป็นลูกนอกสมรสของท่านเคาน์ค่ะ ขะ..ข้าอ่านหนังสือไม่คล่องอีกทั้งเรื่องมารยาทของชนชั้นสูง ข้าก็..มะ..ไม่เคยเรียนมาก่อน”
ดูท่าทางนางจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารสินะ นี่มันเหมือนกับว่าเขามองเห็นตัวเองในอดีตเลยแฮะ เพราะว่าขี้อายจึงพูดจาติดๆ ขัดๆ และเวลาพูดก็ไม่มองหน้าผู้ที่กำลังสนทนาด้วย
“เรื่องนั้นไม่ได้เป็นปัญหาจีน เพราะว่าที่แกรนด์ดัชชีของเราห่างไกลเรื่องที่จะต้องใช้มารยาทชนชั้นสูงเยอะเลยล่ะ เรามิได้จัดงานรื่นเริงหรือว่างานสังสรรค์ใดๆ เพราะว่าเราเป็นเมืองที่ติดชายแดน อีกทั้งสภาพอากาศยังเลวร้ายมากด้วยมีฤดูหนาวแปดเดือนเต็ม จะมีช่วงที่รู้สึกอุ่นเพียงแค่สี่เดือนต่อไป ไม่มีดอกไม้หรือว่าอาหารเลิศรสอะไร..อยู่ได้ใช่ไหม?”
“ต้องอยู่ให้ได้นะเพราะว่าข้ารับเจ้ามาเป็นภรรยาแล้ว..”
ริมฝีปากของจินนี่หยักยิ้มขึ้นมา เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าของท่านดยุคแล้วส่งยิ้มให้เขา มันคือรอยยิ้มให้รอบปีของเธอเลยก็ว่าได้
“ค่ะ ข้า..ยะ..อยู่ได้ค่ะท่านดยุค”
ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้คิดว่าการอยู่ที่แกรนด์ดัชชีที่สภาพอากาศเลวร้าย จะอบอุ่นมากกว่าการอยู่ที่คฤหาสน์เคนโนชาที่แสนหรูหราเสียอีก
บางทีนี่อาจจะเป็นของขวัญจากพระเจ้าก็ได้ เรื่องที่เธอสามารถอ่านใจคนอื่นได้ ถึงแม้ว่ามันจะมีข้อเสียใหญ่ๆ ก็คือพลังนี้ทำให้จินนี่พูดน้อยลง หรือเรียกได้ว่าเธอไม่ค่อยพูดเลยในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะเมื่อได้ยินว่าคำพูดกับสิ่งที่พวกเขาคิดมันคนละอย่างกัน เธอจึงไม่รู้ว่าจะต้องตอบออกไปเช่นไร จะต้องตอบคำถามของพวกเขาหรือว่าจะต้องตอบความคิดในใจของพวกเขากันแน่
เรื่องนั้น..ทำให้จินนี่เลือกที่จะไม่พูด เธอเลือกที่จะเงียบและเก็บสิ่งที่ได้ยินเอาไว้ในใจ จนบางทีเธอเกือบจะลืมเลือนวิธีการตอบโต้ไปแล้ว
แต่ทว่าชายเบื้องหน้ากลับทำให้เธออยากพูดอีกครั้ง เธออยากจะเปล่งเสียออกมาเพื่อตอบโต้เขา..เพื่อให้ได้พูดคุยกับเขา
“ยินดีต้อนรับครับดัชเชส ข้ารับใช้ในคฤหาสน์เดอเรกทุกคน พร้อมรับใช้ดัชเชสแล้วครับ”
เบื้องหน้าของจินนี่คือพ่อบ้านที่อายุไม่เกินสามสิบปี เขามีรอยยิ้มที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่นและดวงตาที่เต็มไปด้วยความเป็นมิตร
“ดูเป็นเด็กน่ารักเหมาะสมกับท่านดยุคเหมือนกันนะเนี่ย ท่าทางว่าคฤหาสน์เดอเรกจะมีเรื่องสนุกๆ เกินขึ้นแล้ว..”
มะ..เหมาะสมอย่างนั้นหรือ คนอย่างเธอเนี่ยนะ จะเหมาะสมกับท่านดยุค เรื่องนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย.. บางทีพ่อบ้านอาจจะมองเธอผิดไป หรือไม่ก็เขาอาจจะไม่รู้ว่าเธอคือลูกนอกสมรส เธอไม่ใช่เลดี้ชนชั้นสูงอย่างที่เขาคิดเลย
“คาร่าพาดัชเชสไปที่ห้องพักเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนนะครับ ข้าจะจัดการเตรียมมื้อเย็นเอาไว้ให้”
อารอนกล่าวพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อทำความเคารพแก่นายหญิงคนใหม่ของคฤหาสน์ เขาปรายตามองใบหน้าของท่านดยุคที่มันกำลังขึ้นเป็นสีแดงระเรื่ออยู่
“ท่านดยุคครับ ไม่เข้าไปเปลี่ยนชุดหรือครับ”
จะยืนอยู่ชุดแต่งงานแบบนั้นทั้งวันรึยังไงกัน?
“อะ..อืม”
นั่นสินะ เขาจะต้องไปเปลี่ยนชุด และจัดการงานที่ค้างเอาไว้
“เรื่องการเข้าหอ ท่านดยุคจะให้ข้าจัดห้องเอาไว้รึเปล่าครับ..”
“…”
ดันเต้ยกมือขึ้นมากุมขมับเอาไว้ เพื่อกลบเกลื่อนใบหน้าที่กำลังแดงซ่านของตัวเอง และการกระทำเช่นนั้นมันทำให้อารอนเข้าใจผิดว่านายท่านของเขากำลังอารมณ์ไม่ดี
“รับทราบครับท่านดยุค ข้าจะยกเลิกกำหนดเข้าหอ..”
“ดะ..เดี๋ยวก่อน จะยกเลิกทำไมกัน!!”
อารอนขมวดคิ้ว
“ก็ท่านดยุคดูเหมือนไม่ชอบใจที่ข้าถามเกี่ยวกับเรื่องการเข้าหอนี่ครับ”
“ไม่ใช่อารอน ไม่ใช่แบบนั้น จัดพิธีเข้าหอต่อไปเถอะ หากไม่มีพิธีเข้าหอคนอื่นจะคิดยังไงกัน ข้าไม่อยากให้นางถูกดูหมิ่นเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง..”
โอ้..นี่เขาลืมไปได้อย่างไรว่าท่านดยุคนั้นเป็นผู้ที่เห็นใจคนอื่นมากแค่ไหน ช่างน่าประทับใจยิ่งนักนายท่านของเขาเป็นผู้ที่มีน้ำใจมากขนาดนี้
“รับทราบครับนายท่าน ข้าจะจัดพิธีเข้าหอให้สมเกียรติของดยุคแห่งเดอเรกเลยครับ!”
“ดี..ดีมากอารอน”