บทที่ 3
หยางพ่านชุนกลับมาจากดูแลชาวบ้านก็ตรงกลับจวนเจ้าเมือง เดินตรงเข้าเรือนไปเปลี่ยนชุดและรีบออกมากินข้าว เขาไม่ได้กลับจวนมาหลายวันเพราะติดภารกิจของบ้านเมือง กลับมาก็หวังว่าจะได้เห็นฮูหยินรออยู่ที่จวนแต่กลับไม่มี
“ฮูหยินไปที่ไหน” เสียงเข้มเอ่ยถามคนในจวน ไม่แม้แต่จะยกอาหารตรงหน้าขึ้นมากิน “ข้าถาม ใครก็ได้ตอบข้ามาสักคน”
พ่อบ้านที่เป็นคนดูแลตระกูลหยางก่อนที่หยางพ่านชุนจะย้ายเข้าจวนเจ้าเมืองเป็นคนเดียวที่กล้าพูดออกมา
“นางกลับไปตระกูลหลี่ขอรับ” คิ้วของเจ้าเมืองหนุ่มขมวดแน่น
“กลับตระกูลของนางทำไมกัน” เมื่อรับรู้แล้วว่าที่ภรรยาไม่ออกมาต้อนรับเพราะไม่อยู่ มือแกร่งก็เอื้อมออกไปหยิบถ้วยข้าวตรงหน้าก่อนจะคีบเอากับมาวาง ระหว่างรอคำตอบจากพ่อบ้าน
“ไม่ได้บอกขอรับ แต่มีจดหมายบางอย่างฝากเอาไว้ให้นายท่านอยู่ที่ห้อง ฮูหยินบอกว่าท่านเจ้าเมืองจะเข้าใจทุกอย่างหลังจากได้อ่านจดหมายนั่นขอรับ”
หยางพ่านชุนพยักหน้าก่อนจะปัดมือส่ง ๆ ราวกับจะบอกให้พ่อบ้านออกไป
เขาเริ่มกินอาหารต่อ และก็รู้สึกว่ารสชาติมันไม่ได้เป็นอย่างที่อยากกินเลยแม้แต่นิด ก่อนหน้านี้ตอนที่ไม่กลับจวนก็รู้สึกไม่พอใจอาหารข้างนอกนี่ยังต้องมารำคาญใจกับอาหารในจวนอีก
หลังจากจบมื้ออาหารเจ้าเมืองหนุ่มที่ทุกคนต่างชื่นชมก็เดินไปยังห้องทำงานของตน จดหมายและเอกสารถูกวางเอาไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน เขาเดินตรงไปหยิบจดหมายที่คาดว่าจะเป็นของภรรยา แต่เมื่อได้อ่านรอยยิ้มที่ปกติก็มีน้อยอยู่แล้วบนใบหน้าของหยางพ่านชุนก็ยิ่งอันตรธานหายไปทั้งหมด
หนังสือหย่าที่ถูกเขียนแล้วประทับตราและชื่อเอาไว้อย่างชัดเจนทำให้ชายหนุ่มโกรธเป็นอย่างมาก ส่วนจดหมายของคนที่พยายามจะหย่าขาดจากเขาอย่างหลี่อ้ายเฉินก็ไม่ได้บอกอะไรชัดเจนเลยสักอย่าง มีเพียงแค่ย้ำชัดว่านางต้องการหย่า แม้แต่เหตุผลที่ให้ก็ไม่ได้เขียนเอาไว้
ท่ามกลางแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ที่สาดส่องลงมาในยามเช้า หลี่อ้ายเฉินเดินออกจากตลาดด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความตื่นเต้นและความหวัง นางก้าวเดินไปตามถนนในเมืองที่ยังคงคึกคัก มีผู้คนเดินขวักไขว่ เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของชาวเมืองทำให้นางรู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน
แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องแสงผ่านต้นไม้ใหญ่ที่อยู่รอบจวน ในที่สุดนางก็ถึงจวนของบิดามารดา จวนใหญ่ที่ตั้งอยู่ในมุมเงียบสงบของเมือง หลี่อ้ายเฉินยืนอยู่หน้าประตูจวน หัวใจเต้นแรง นางยกมือขึ้นเคาะประตูเบา ๆ สองสามครั้ง เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากภายใน และประตูเปิดออก ยามเฝ้าประตูทำสีหน้าตกใจไม่น้อยที่คุณหนูปรากฏตัวที่หน้าจวนเช่นนี้ เขารีบหลีกทางให้นางเดินเข้าไปด้านในโดยไม่เอ่ยถามสักคำ
หลี่อ้ายเฉินเดินผ่านประตูใหญ่เข้ามาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งโล่งใจที่กล้าเดินออกมาจากอนาคตที่ต้องเจ็บปวดและหวาดกลัว ในขณะเดียวกัน นางไม่รู้ว่าครอบครัวจะยอมรับสตรีที่หย่าร้างกลับจวนมาได้หรือไม่
เมื่อนางเดินเข้ามาถึงเรือนหลัก เผยให้เห็นใบหน้าของบิดาที่คุ้นเคย
"อ้ายเฉิน! เจ้ามาทำอะไรที่นี่" บิดาของนางพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความตกใจและความยินดี
"ท่านพ่อ...ข้ากลับมาแล้ว" หลี่อ้ายเฉินพูดเสียงสั่นเครือ ก่อนจะก้าวเข้าไปในอ้อมกอดของบิดา น้ำตาเริ่มไหลพรากลงมาจากดวงตาของนาง ความอบอุ่นของอ้อมกอดบิดาทำให้นางรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจขึ้นมา
บิดาของหลี่อ้ายเฉินพานางเข้าไปด้านในของเรือน บรรยากาศอบอุ่นและคุ้นเคยของคนรอบตัวทำให้นางรู้สึกถึงความปลอดภัยที่ไม่เคยมีในจวนของหยางพ่านชุน นางมองไปรอบ ๆ ห้องโถงที่ตกแต่งด้วยของสะสมจากหลายยุคสมัย ความทรงจำในวัยเด็กผุดขึ้นมาในหัวใจของนาง
เมื่อเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น นางพบกับมารดาที่นั่งทำงานเย็บปักอยู่ มารดาของนางเงยหน้าขึ้นและเห็นบุตรสาว น้ำตาแห่งความดีใจไหลลงมา
"ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน" หลี่อ้ายเฉินพูดพร้อมกับสะอื้นไห้ในอ้อมกอดของมารดา นางคิดถึงความอบอุ่นที่หายไปนาน
"อ้ายเฉิน! ลูกกลับมาแล้ว" เสียงอ่อนหวานของหลี่ฮูหยินดังก้องขึ้น เมื่อเห็นบุตรสาวที่ไม่ได้พบกันเกือบปี แต่สำหรับผู้เป็นแม่นั้นมันช่างนานนับสิบปีเลยก็ว่าได้ หลี่อ้ายเฉินหยุดชะงัก น้ำตาคลอเบ้า ไม่คิดว่าการกลับมาครั้งนี้จะได้รับการต้อนรับด้วยความอบอุ่นเช่นนี้
"อ้ายเฉิน! ลูกกลับมาแล้ว" มารดาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีและความรัก นางลุกขึ้นมาสวมกอดบุตรสาวแน่น