ตอนที่ 3 เชื่อมสัมพันธไมตรี

1638 คำ
ตอนที่ 3 เชื่อมสัมพันธไมตรี “พระองค์ไม่ทรงพอพระทัยหม่อมฉันหรือเพคะ” เสียงใสถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ ไม่ใช่มีเพียงแค่นางที่ไม่เต็มใจ เขาเองก็ไม่เต็มใจเช่นกันใช่หรือไม่ คิ้วเรียวขมวดขึ้นอย่างใช้ความคิด ถึงแม้จะรู้ดีว่าเชื้อพระวงศ์โดยมากก็มักจะแต่งงานเพื่อความเหมาะสม หาได้มีเรื่องรักใคร่มาเกี่ยวข้อง หากแต่นางเองก็เป็นเพียงสตรีนางหนึ่ง ย่อมอยากแต่งให้บุรุษที่รักยิ่งไม่ได้เชียวหรือ ถึงแม้จะมิมีใจทว่าท่าทางรังเกียจกันเช่นนี้ ก็เกินจะรับไหว “คำพูดข้าเจ้าไม่เข้าใจตรงไหน หรือสตรีซีจิ้งจะโง่เขลาเบาปัญญา หูพิการถึงได้ไม่เข้าใจคำพูดของข้า”น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยออกไป พร้อมด้วยสายตาที่มองมาอย่างดูแคลน จ้าวฟางหลินสูดลมหายใจเข้าปอดจนสุดเพื่อข่มกลั้นโทสะในใจเอาไว้ ตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าใช้วาจาหยาบคายกับนางเช่นนี้ องค์ชายแคว้นฉู่ไม่เพียงแค่ป่าเถื่อนดังคำร่ำลือ ทว่าฝีปากยังจัดจ้านกว่าสตรีบางผู้บางคนเสียอีก เพียงแค่เจอหน้า ยังมิทันได้พูดจากลับต่อว่าต่อขานนางเสียแล้ว “เช่นนั้นเหตุใดองค์รัชทายาทผู้ยิ่งใหญ่ไม่ทรงปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรกเลยล่ะเพคะ จะให้หม่อมฉันทนลำบากเดินทางมายังบ้านป่าเมืองเถื่อนของพระองค์ด้วยเหตุใด”ใบหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างไม่ยินยอม นางเองไม่ใช่สตรีสามัญชน มีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นซีจิ้งจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องยอม “เจ้า!...” เหลียงเฟิงไห่ได้ยินคำพูดดูแคลนของพระชายาหมาดๆของตนเอง โทสะในใจก็พุ่งทะยานจนแทบทะลุเพดานตำหนัก ใครเล่าจะไปคิดว่าสตรีบอบบางแลอ่อนโยน กิริยาดูเหมือนจะว่าง่ายหัวอ่อน ยามเผชิญหน้ากับเขาตามลำพังกลับกล้าเถียงเขาเช่นนี้ ช่างเป็นสตรีที่ดูเบาไม่ได้เสียจริง จ้าวฟางหลินถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ไร้ซึ่งความสนใจต่อพระสวามีรูปงามของตนเอง ในเมื่อเขาไม่ได้อยากแต่งงานกับนาง และนางเองก็ไม่ได้อยากจะแต่งกับเขาภายภาคหน้าก็ต่างคนต่างอยู่เป็นเช่นนี้ก็นับว่าดีไม่ใช่น้อยจ้าวฟางหลินไม่สนใจบุรุษตรงหน้าอีก ดวงตาหวานกวาดมองรอบห้อง ก่อนจะเดินไปนั่งที่หน้ากระจก ทว่าหางตายังคงเห็นคนตัวโตยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่กลางห้องหากเขาจะยืนหน้าเขียวคล้ำตรงกลางห้องเช่นนั้นก็หาได้เกี่ยวอันใดกับนางไม่ เหลียงเฟิงไห่มองร่างอรชรที่เดินผ่านหน้าเขาไปนั่งลงตรงหน้ากระจก และเริ่มปลดเครื่องประดับที่อยู่บนศีรษะของนางออกช้า ๆ โดยที่ไม่สนใจการมีอยู่ของเขาเลย นึกแล้วก็อยากฆ่าคนขึ้นมา “หึ!...ฮ่องเต้กับฮองเฮาแคว้นซีจิ้งสั่งสอนบุตรีได้ดีเสียจริง ฝีปากช่างเยี่ยมยอด ข้าเหลียงเฟิงไห่นับถือนับถือ”จ้าวฟางหลินขบกรามแน่น อีกฝ่ายดุด่าตำหนินาง นางรับได้ แต่การดูแคลนไปถึงบิดามารดาของนาง นางรับไม่ได้และไม่ยินดียอมรับ ผู้เป็นพระธิดาของแคว้นซีจิ้งผุดลุกขึ้น มือบางกำปิ่นปักผมเอาไว้แน่น เอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา “อย่าได้บังอาจมากล่าวหาเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของหม่อมฉัน”เหลียงเฟิงไห่ขมวดคิ้วเข้ม ดวงตาคมมองทุกการกระทำของนาง แล้วยกมุมปากขึ้นอย่างเย้ยหยันจ้าวฟางหลินเห็นการกระทำอันหยาบคายของอีกฝ่าย โทสะในใจก็ยิ่งทบทวีสาวเท้าก้าวไปหาเขาด้วยท่าทางคุกคาม “เหลียงเฟิงไห่ เจ้าเองเป็นเชื้อพระวงศ์ตัวข้าเองก็เป็นเชื้อพระวงศ์ ดังนั้นไม่มีเหตุผลที่ข้าองค์หญิงแห่งซีจิ้งจะต้องก้มหัวให้รัชทายาทแคว้นฉู่เช่นเจ้า”เหลียงเฟิงไห่ยกแขนขึ้นกอดอก สายตาคมมองสตรีตรงหน้าด้วยความเย้ยหยันดูแคลน ก่อนสาวเท้าเข้าหาองค์หญิงแห่งซีจิ้งด้วยท่าทางคุกคามไม่ต่างกัน “เช่นนั้นให้ข้าเปิดสงครามเลยดีหรือไม่”เปิดสงคราม บุรุษตรงหน้าเห็นเรื่องสงครามเป็นเพียงเรื่องสนุกหรือไร ดวงตาเรียวจดจ้องใบหน้าคมด้วยแววตาแค้นเคืองความอดทนของจ้าวฟางหลินหมดสิ้นลงในทันทีมือบางยกปิ่นปักผมง้างขึ้นหมายจะจ้วงแทงคนตรงหน้าให้สิ้นลม หากเขาสิ้นลมสงครามก็สิ้นสุด ทว่าไม่ทันที่นางจะขยับแขน ข้อมือบางก็ถูกมือหนารวบยึด พร้อมกับกระชากนางเข้าแนบอก “จะได้รู้กันไปว่าสงครามที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะพระชายาบรรณาการเช่นเจ้า” ไหนเสด็จแม่กล่าวว่าชาวฉู่มิได้โหดร้ายอย่างไรเล่า เท่าที่นางเห็นยังห่างไกลคำนั้นนัก เหลียงเฟิงไห่ช่างมีฝีปากคมกล้านัก และหน้าหนาเกินบุรุษใดในใต้หล้าเสียจริง “มองหน้าข้าอย่างนั้นหมายความว่าเช่นไรหรือพระชายาบรรณาการ วางปิ่นปักผมในมือของเจ้าลงเสียฟางหลิน หยุดความคิดของเจ้าลงอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ความอดทนของข้าไม่มากพอจะมาล้อเล่นกับเจ้า” เสียงเย็นชาขององค์รัชทายาทเอ่ยออกไป เขาไม่แน่ใจนักว่าสตรีที่ถูกโทสะเข้าครอบงำจะสามารถทำเรื่องใดลงไปได้บ้าง นอกจากไม่วางแล้วองค์หญิงฟางหลินยังพยายามจะจ้วงแทงลงมาอีกครั้งดวงตาแข็งกร้าวเงยหน้ามองสวามีไม่ลดละ เหลียงเฟิงไห่จึงจำต้องบีบข้อมือนางจนแดงช้ำ ปิ่นปักผมหล่นลงสู่พื้นทันที “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะเหลียงเฟิงไห่เจ้าคนป่าเถื่อน” “ป่าเถื่อนหรือ...มาลองดูกันสิว่าคนป่าเถื่อนแบบข้าจะทำสิ่งใดได้บ้าง ดี!!!...ในเมื่อเจ้าอยากแต่งเชื่อมสัมพันธไมตรี เช่นนั้นก็มาเชื่อมกับข้าก่อนเถอะ” แควก!!! เสียงอาภรณ์สีแดงขาดออกจากกันเพราะแรงกระชาก จ้าวฟางหลินเบิกตากว้างอย่างตกใจ มือบางรีบยกขึ้นมาปิดบังหน้าอกกลมกลึง กระชากเพียงครั้งแต่อาภรณ์มงคลและเอี๊ยมตัวน้อยก็ขาดไปทั้งสอง การกระทำนี้หากไม่เรียกป่าเถื่อนจะเรียกอย่างไรได้อีก “หยุดเดี๋ยวนี้นะเหลียงเฟิงไห่” เสียงหวานทั้งตวาดทั้งสั่นไหว ความหวาดกลัวเกาะกินไปทั้งจิตใจ องค์รัชทายาทหนุ่มจ้องมองหน้าอกที่ไร้อาภรณ์ด้วยสายตานุ่มลึก เลือดลมในกายพลันร้อนรุ่มกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกายนางโชยเข้ามาในจมูก จากตอนแรกเพียงแค่ต้องการสั่งสอน ทว่าไม่ทันเสียแล้วเหลียงเฟิงไห่หมดความอดทนลงแล้ว ร่างหนาลากพระชายาตนเองลงไปที่เตียง เขาผลักให้นางล้มตัวลงไปนอนบนนั้น มือหนาตามลงไปกระชากอาภรณ์ที่เหลืออยู่ให้ขาดออกจากกัน ร่างท่อนบนเปลือยเปล่าของพระชายาขาวดุจน้ำนมแพะ สายตาคมจ้องมองไปอย่างต้องการ เมื่อปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางจนเกือบหมด เขาก็ยืดตัวตรงและลงมือปลดอาภรณ์ของตนเองออกไปบ้างแท่งหยกร้อนดีดดันออกมา ใบหน้าหวานหันหนีอย่างไม่อาจทนมองแก้มใสซับไปด้วยสีเลือด เฟิงไห่แสยะยิ้มออกมา จ้าวฟางหลินรู้ตัวแล้วไม่ควรไปยั่วโทสะขององค์รัชทายาทป่าเถื่อนพระองค์นี้ ร่างอรชรขยับหนีไปจนสุดเตียง ทว่าก็ไม่อาจพ้นบุรุษที่ถูกครอบงำด้วยราคะ “จะหนีไปที่ใดฟางหลิน เรามาทำพิธีสุดท้ายให้เสร็จสิ้นเถิด” “องค์รัชทายาทจะทรงทำอะไร ถอยไปนะเพคะ” “ทำอะไรหรือหึ!!!... ก็ทำให้เจ้ารู้จักคำว่า ป่าเถื่อน หยาบช้าอย่างไรเล่า” จ้าวฟางหลินเบิกตากว้าง ในใจสั่นระรัวตื่นกลัว เมื่อคาดเดาได้ว่าคนตรงหน้ากำลังจะทำให้นางรู้จักคำว่า ป่าเถื่อน หยาบช้าด้วยวิธีการใด “หยุดนะเพคะ จะทรงทำเช่นนี้ไม่ได้ หม่อมฉันไม่ยินดี” “ในเมื่อเจ้าแต่งให้ข้าแล้ว จะยินดีหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ”เมื่อตระหนักได้ถึงสถานะของตนยามนี้จ้าวฟางหลินพลันสะท้านในอก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น เอ่ยเสียงลอดไรฟัน “เช่นนั้นหม่อมฉันจะถือเสียว่าทำทานสักครั้ง” ทำทาน!เหลียงเฟิงไห่ขบกรามแน่น ดวงตาอาบไล้ไปด้วยโทสะ “เช่นนั้นข้าจะช่วยส่งเสริม ให้คืนนี้เจ้าได้ทำทานทั้งคืน” เอ่ยจบมือหนาก็จับที่ข้อเท้าเล็ก ออกแรงดึงรั้งโดยที่ไม่ทันให้จ้าวฟางหลินได้ตั้งตัว แผ่นหลังบางล้มลงบนเตียงกว้าง ยังไม่ทันได้คิดหาทางโต้ตอบ กางเกงตัวในตัวสุดท้ายก็ถูกฉีกขาด เสียงกรีดร้องไม่ทันได้หลุดสักเพียงครึ่งคำ เหลียงเฟิงไห่ก้มลงไปมอบจุมพิตเร่าร้อนให้กับพระชายาตนเอง มือหนาบีบเคล้นไปที่หน้าอกอวบเสียเต็มมือ ลิ้นร้อนชื้นกระหวัดไปทั่วโพรงปากน้ำหวานไหลย้อยลงมาอย่างไม่อาจห้าม องค์รัชทายาทหนุ่มส่งมือหนาลงไปที่กลีบบุปผางาม นิ้วร้ายค่อย ๆ สอดแทรกเข้าไปยังช่องคับแคบ องค์หญิงต่างแคว้นเบิกตาขึ้น น้ำตาไหลออกมาจากปลายหางตา ความเจ็บปวดพุ่งเข้าร่างกายอย่างไม่ทันตั้งตัว นางจึงกัดลงไปที่ลิ้นชื้นของสวามีอย่างเต็มแรง กลิ่นคาวคลุ้งของสนิมฟุ้งกระจายไปทั่วโพรงปากของทั้งคู่ “ไม่คิดว่าองค์หญิงผู้สูงศักดิ์จะชอบบทรักที่เจ็บปวดเช่นนี้ ดี!!!...เห็นว่าเจ้าชอบข้าก็จะสนองให้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม