ตอนที่ไม่มีชื่อ
ตอนที่ 1 มิอาจฝืนชะตา
“...เสด็จพ่อลูกไม่แต่งได้หรือไม่ แคว้นฉู่มิใช่เป็นแคว้นที่ป่าเถื่อนหรอกหรือ เสด็จพ่อส่งลูกไปเช่นนี้เห็นทีว่าคงจะส่งลูกไปสู่ความตาย ไม่ทรงรักลูกแล้วหรือเพคะจึงได้ผลักไสกันเช่นนี้”
น้ำเสียงหวานเอ่ยตัดพ้อผู้เป็นบิดาจ้าวฝูหมิงองค์ฮ่องเต้แคว้นซีจิ้งถอนหายใจออกมาอย่างปวดใจ ไม่ใช่ว่าพระองค์จะไม่ทรงรักพระธิดาคนนี้ของตน ทว่าพันธสัญญาที่เคยมอบให้ไว้กับแคว้นเพื่อนบ้านนั่นก็สำคัญ เป็นกษัตริย์ตรัสแล้วมิอาจคืนคำ
“หลินเอ๋อร์ใช่ว่าพ่อจะไม่รักเจ้า แต่เพราะสวรรค์ลิขิตเอาไว้เช่นนี้ อีกอย่างแคว้นฉู่ก็หาได้ป่าเถื่อนอย่างที่ว่า เสียงร่ำลือมักเกินจริงเสมอ ไม่เห็นหรือว่าผู้คนต่างก็ลือกันไปว่าซานเอ๋อร์ดุร้ายเช่นไร แต่เจ้าก็เห็นแล้วมิใช่หรือว่าน้องสามของเจ้าหาได้เป็นเช่นนั้น ชาวฉู่ก็เช่นกัน อย่าได้ด่วนตัดสินเพียงแค่ได้ยินมาหากเจ้ายังไม่พบเจอลูกเอ๋ย”
ถึงแม้จะได้ยินคำปลอบประโลมจากบิดาจ้าวฟางหลินก็หาได้คลายความกังวลไม่ ใบหน้าหวานยังคงอาบไปด้วยหยาดน้ำตา สายตาตัดพ้อยังคงส่งไปที่องค์ฮ่องเต้อย่างไม่ลดละ
“เสด็จพ่อเมตตาลูกสักครั้งเถอะเพคะ ลูกไม่อยากจากบ้านจากเมืองไปไกลเช่นนี้ ให้ลูกได้อยู่ปรนนิบัติเสด็จพ่อและเสด็จแม่ที่แคว้นของเรามิได้หรือ”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าอยากให้พ่อเป็นกษัตริย์ที่ตระบัดสัตย์หรือหากทำเช่นนั้นคงมิอาจเลี่ยงสงคราม หรือเจ้าอยากให้ประชาชนต้องเดือดร้อนเพราะเชื้อพระวงศ์เช่นเราไม่รักษาสัจจะวาจา เฮ้อ...ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วหลินเอ๋อร์ อย่างไรเสียการแต่งงานครั้งนี้ก็ไม่อาจยกเลิกได้ ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องแต่งให้ผู้ใดผู้หนึ่งอยู่ดี แล้วแต่งให้องค์รัชทายาทเหลียงเฟิงไห่ไม่ดีตรงไหน”
เสียงทรงอำนาจจำเป็นที่จะต้องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดกับบุตรี เพราะพระองค์ไม่ต้องการจะเห็นน้ำตาและใบหน้าที่เศร้าหมองของบุตรอันเป็นที่รักอีกต่อไปแล้ว
พระธิดาจ้าวฟางหลินก้มหน้าลง ใครกันบอกว่าเกิดเป็นลูกหลานมังกรแล้วจะดี ดีที่ตรงไหนกันขนาดจะแต่งงานยังไม่สามารถเลือกบุรุษที่ตนเองรักได้เลย ใครเลยจะไม่รู้ว่าการแต่งงานของนางเป็นเพียงแค่การแต่งงานทางการเมืองเท่านั้น นางต่างจากเชลยศึกที่ตรงไหน
องค์ฮองเฮาเห็นใบหน้าของสวามีและบุตรีที่ไม่สู้ดีนัก จึงได้พาจ้าวฟางหลินออกมาจากห้องทรงงานของสวามีเสียก่อนที่จะเกิดความตึงเครียดมากไปกว่านี้
เมื่อทั้งสองพระองค์เดินออกมาไกลแล้ว องค์หญิงใหญ่ก็ทิ้งตัวนั่งลงบนศาลาอย่างหมดเรี่ยวแรง ดวงตาเรียวไม่จางหายจากคราบน้ำตา องค์ฮองเฮาเห็นแล้วก็อดจะเสียพระทัยไปด้วยมิได้
“เจ้าอย่าได้ร้องอีกเลยหลินเอ๋อร์ เจ้าไปแต่งงานมีสวามีมิใช่ไปออกรบ เหตุใดจึงทำตัวไม่รู้จักโตเช่นนี้กันเล่า” จ้าวฟางหรงดึงบุตรีเข้ามากอดเอาไว้แนบอก คนเป็นมารดาเงยหน้าขึ้นกะพริบตาเพื่อไล่ไม่ให้น้ำตารินไหล ในพระทัยกลัดหนองหมองไหม้ หากเป็นไปได้ ใครเลยจะอยากเห็นธิดาเป็นทุกข์เช่นนี้
“เสด็จแม่ลูกไม่อยากแต่ง ไม่มีหนทางอื่นเลยหรือเพคะ เสด็จพ่อพระทัยร้ายนักเหตุใดจึงได้ทำสัญญากันเช่นนั้น ไม่ทรงถามลูกสักครึ่งคำ” เสียงหวานยังคงต่อว่าออกมาไม่ขาดสาย
“อย่าได้พูดเช่นนั้น อย่างไรเจ้าก็เป็นบุตร ต่อว่าเสด็จพ่อเป็นเรื่องที่ดีหรือ หลินเอ๋อร์อย่าได้คิดมากไปเลย แม่เองก็มาจากแคว้นฉู่ หาใช่คนแคว้นซีจิ้งไม่ แต่งเข้ามาเสด็จพ่อของเจ้าก็โปรดปรานแม่เป็นที่สุดมิใช่หรือ แม่เชื่อว่าองค์ชายใหญ่จะโปรดปรานเจ้าเช่นเดียวกับแม่ อีกอย่างที่นั่นท่านตาของเจ้าก็อยู่จะกลัวไปไย หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นเจ้าสามารถไปที่จวนท่านตาของเจ้าได้เข้าใจหรือไม่ แม่จะฝากฝังเจ้ากับท่านตาอย่าได้กังวลไปเลย”
จ้าวฟางหลินพยักหน้าทั้งน้ำตา หากเป็นลิขิตของสวรรค์ และประสงค์ของเสด็จพ่อ มีหรือนางจะหลีกเลี่ยงได้ มีเพียงต้องก้มหน้ารับชะตากรรมนี้อย่างยอมรับ ถึงอย่างไรแคว้นฉู่ก็ยังพอจะมีท่านตาเป็นที่พึ่งของนางได้บ้างถึงแม้จะไม่ได้สนิทกันสักเท่าไรนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสายเลือดครึ่งหนึ่งของนางเป็นสายเลือดของแคว้นฉู่เช่นเดียวกับท่านตานางเอง ร่างอรชรเหม่อมองออกไปยังสวนดอกไม้ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ เวลานี้สิ่งที่นางต้องทำคือการทำใจยอมรับเท่านั้นเอง