“สวัสดีค่ะคุณยะ”
“สวัสดีครับคุณเกด”
ขัตติยะส่งยิ้มให้กับการะเกด สายตาเหลือบมองปานไพลินอย่างไม่พอใจเท่าไร หลังจากที่หญิงสาวขัดคำสั่งของเขา ก่อนหน้านี้เขาก็โทรศัพท์ไปสั่งแล้วเชียวว่าให้รอก่อน แต่สุดท้ายปานไพลินก็ขัดคำสั่งอีกจนได้ เห็นทีเขาต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเสียที ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้มีหวังปานไพลินต้องหัวเราะเยาะเขาเป็นแน่
“ยังไม่กลับอีกหรือคะคุณยะ”
“ผมเพิ่งเคลียร์งานเสร็จน่ะครับ”
“ค่ะ”
การะเกดพยักหน้าตอบสั้นๆ สายตาเหลือบไปมองสีหน้าของเพื่อนอย่างเป็นห่วง ดูเหมือนขัตติยะจะคอยหาเรื่องและขัดขวางอาจารย์ภัทรเหลือเกิน ตกลงอาจารย์หนุ่มผู้นี้คิดยังไงกับเพื่อนของเธอกันแน่ รัก ชอบ หรือว่าเกลียด จะเลือกอย่างไหนก็เลือกมาสักอย่าง ไม่ใช่ทำตัวขวางโลกอยู่เช่นนี้
“ทำไมไม่รอฉัน”
“ฉันเห็นว่ามันห้าโมงเย็นแล้ว คุณยะคงกลับไปแล้วก็เลยไม่ได้รอ”
ปานไพลินตอบเสียงอ่อน ใบหน้าก้มลงมองพื้นอย่างอึดอัด ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้จะเอายังไงกับเธอกันแน่ หาเรื่องเธอไม่หยุดหย่อน
“แล้วทำไมถึงไม่โทรถาม”
ขัตติยะถามกลับเสียงแข็ง นับวันปานไพลินก็ยิ่งแข็งข้อกับเขา แม้กลับไปอยู่ที่วิโรจนวิศิษฐ์แต่ผู้หญิงคนนี้ก็พยายามหลบหน้าเขาตลอด แค่คิดก็หงุดหงิดหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
ชายหนุ่มมองร่างบอบบางที่เอาแต่ก้มหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร ชายหนุ่มที่เขาเคยคิดสนับสนุนให้จีบปานไพลินก็ดันโผล่หน้าเข้ามาเสียก่อน
“จะกลับหรือยังครับคุณเกด คุณปาน”
ภัทรถามการะเกดกับปานไพลินตั้งแต่ชายหนุ่มยังไม่เดินมาถึงประตู แต่เมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มที่เพิ่งจะกลายเป็นศัตรูของเขายืนอยู่ด้วย ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มก็หุบลงทันที
“กำลังจะกลับค่ะคุณภัทร”
หญิงสาวหันไปตอบแล้วยิ้มให้อาจารย์ภัทร อาการดังกล่าวสร้างความหงุดหงิดให้ขัตติยะไม่น้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มกับน้ำเสียงหวานใสที่ปานไพลินพูดกับภัทร เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไรถึงไม่ชอบขี้หน้าภัทร แต่ที่แน่ๆ เขาไม่ต้องการให้ภัทรเข้ามาวุ่นวายกับปานไพลิน
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปส่งคุณปานที่บ้านนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณภัทร เพราะปานไพลินกับผมอยู่บ้านเดียวกัน เดี๋ยวผมพาน้องสาวผมกลับเองได้ ว่าแต่คุณภัทรไม่มีธุระที่ไหนหรือครับ”
ขัตติยะหันมาประจันหน้ามองหน้าภัทรอย่างไม่พอใจสักเท่าไร ยิ่งรู้ว่าบิดาเห็นดีเห็นชอบกับการที่ภัทรสนิทสนมกับปานไพลิน เขาไม่รู้ว่าตอนนี้บิดากำลังคิดอะไรอยู่ ถึงยอมให้ภัทรเข้าออกบ้านวิโรจนวิศิษฐ์ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ และยังอนุญาตให้ภัทรพาปานไพลินออกไปเที่ยวในวันหยุดได้ด้วย
“ผมก็ไม่มีธุระอะไรที่ไหนนี่ครับ”
ภัทรตอบกลับเสียงนุ่มนวล สายตามองสบตามองขัตติยะอย่างไม่ค่อยจะพอใจ แต่ก็ไม่อยากแสดงออกให้ปานไพลินกับการะเกดเห็นมากนัก
“เดี๋ยวฉันไปส่งปานเองค่ะ ส่วนคุณยะกับคุณภัทรก็ต่างคนต่างกลับเถอะค่ะ”
การะเกดพูดขึ้นเมื่อเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อย ขืนปล่อยให้สองหนุ่มนี้ยืนทะเลาะกันแบบนี้ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องก็เอาแต่ก้มหน้า ถอนหายใจออกมาอย่างเครียดๆ
“งั้นเรากลับกันเถอะปาน”
“อืม...”
ปานไพลินตอบ นึกขอบใจเพื่อนที่ช่วยแก้สถานการณ์ให้ นับวันเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจความคิดของขัตติยะเลย ชายหนุ่มกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ หาเรื่องคนอื่นเขาไปทั่ว ไม่รู้ว่าเขายังสติดีหรือว่าเสียสติไปแล้ว
การะเกดกับปานไพลินเดินออกจากห้องพักอาจารย์โดยไม่สนใจสองอาจารย์หนุ่มที่ยืนมองหน้ากันเหมือนจะโกรธแค้นกันมาสักสิบชาติก็ไม่ปาน
“คุณจะขัดขวางผมไปเพื่ออะไรคุณขัตติยะ”
“ผมขัดขวางอะไรคุณไม่ทราบ” ขัตติยะสวนกลับเสียงแข็ง
“ก็เรื่องที่ผมจะจีบคุณปานไง”
ภัทรถามกลับอย่างไม่พอใจ นึกหรือว่าเขาไม่รู้ว่าขัตติยะกำลังขัดขวางความรักของเขา
“คุณอยากจีบปานไพลินก็จีบไปสิ แต่ผมเป็นพี่ชายของปานไพลิน ผู้ชายที่จะจีบปานไพลินจะต้องฝ่าด่านผมไปให้ได้ก่อน ถึงจะจีบปานไพลินได้” มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องปล่อยให้ภัทรจีบปานไพลิน ผู้ชายที่จะแต่งงานกับปานไพลินจะต้องเป็นเขาเลือกให้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นชาตินี้เขาจะไม่ยอมให้ปานไพลินแต่งงานกับใครเด็ดขาด
“ที่คุณขัดขวางผมแบบนี้ เป็นเพราะคุณรักคุณปานใช่ไหม”
เจอคำถามของภัทรแบบนี้ ทำเอาขัตติยะถึงกับยืนอึ้งไปพักใหญ่ เขาน่ะหรือจะรักปานไพลิน ไม่มีทางเด็ดขาด ผู้หญิงที่เขารักคือการะเกดต่างหาก เขาก็แค่ไม่ชอบใจที่ปานไพลินแข็งข้อและไม่สนใจเขาก็เท่านั้น ภัทรคิดผิดแล้วที่คิดว่าเขารักปานไพลิน
“ผิดแล้วล่ะคุณภัทร ผู้หญิงที่ผมรักคือการะเกด ส่วนปานไพลินคือน้องสาวของผม ไม่ว่าจะเป็นน้องสาวแท้ๆ หรือน้องสาวปลอมๆ ก็ตาม ยังไงความจริงก็คือปานไพลินเป็นคนในครอบครัวของผม”
ขัตติยะพูดจบก็เดินออกจากห้องพักอาจารย์คณะบัญชีทันที โดยไม่สนใจสายตาไม่พอใจของภัทรแม้แต่น้อย ไม่คิดเลยว่าภัทรจะพูดประโยคนั้นออกมา
เขาไม่มีทางรักปานไพลินเด็ดขาด!
ผู้หญิงที่เขารักจะมีแต่การะเกดคนเดียวเท่านั้น!!
ภัทรมองขัตติยะที่เดินหนีเขาไปอย่างหัวเสีย ตกลงขัตติยะรักใครกันแน่ระหว่างการะเกดกับปานไพลิน ชายหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจในคำพูดของศัตรูเสียแล้ว ดูเหมือนว่าปานไพลินจะมีความสำคัญกับขัตติยะไม่น้อย ว่าแต่ขัตติยะจะรู้ตัวหรือเปล่าเท่านั้นเอง
///////////
การะเกดขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยด้วยความหนักใจ เห็นอาการกังวลของปานไพลินก็ยิ่งห่วง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ระหว่างขัตติยะกับเพื่อนสนิทคนนี้ แล้วยังมีภัทร อาจารย์หนุ่มคณะนิติศาสตร์ที่เข้ามาพัวพันจนยุ่งเหยิงจนแกะไม่ออก
ปานไพลินถอนหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อนึกถึงคำสนทนาระหว่างขัตติยะกับภัทร ไม่รู้ว่าสองหนุ่มนั้นกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ โดยเฉพาะขัตติยะ นับวันเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจความคิดของเขา อารมณ์ก็แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนเธอตามไม่ทัน
“ตกลงปานกับคุณยะมีปัญหาอะไรกันเหรอ”
“ปานก็ไม่รู้เหมือนกันลูกเกด ช่วงนี้คุณยะหาเรื่องปานตลอดเลย ผีเข้าผีออก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จนปานรู้สึกกลัวเขาจะแย่อยู่แล้ว”
“คุณยะทำเหมือนหึงปานกับคุณภัทรเลย” การะเกดถามอย่างสงสัย อดคิดไม่ได้ว่าการที่ขัตติยะคอยขัดขวางภัทรไม่ให้จีบปานไพลินอาจเพราะชายหนุ่มอาจจะหลงรักเพื่อนของเธอก็ได้ แต่เขาไม่รู้ตัวก็เท่านั้น
ปานไพลินถอนหายใจอย่างอึดอัด หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอเหนื่อยเหลือเกินกับการรับมือขัตติยะ ยิ่งเข้าไปอยู่วิโรจนวิศิษฐ์ เธอก็ยิ่งเครียดเพราะชายหนุ่มคอยหาเรื่องเธอได้ทุกวัน เหน็บแหนมได้ทุกเวลา แม้จะพยายามหลบหน้า แต่ดูเหมือนเขาก็พยายามตามหาเธอตลอด
“มันไม่ใช่อย่างที่ลูกเกดคิดหรอก คุณยะเกลียดปานจะตายไป คอยหาเรื่องต่อว่าปานตลอด โดยเฉพาะเรื่องของคุณภัทร ทั้งๆ ที่ปานก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณภัทร แต่คุณยะก็ไม่เชื่อ เวลาคุณภัทรโทรมาหาปาน คุณยะก็จะนั่งฟังด้วย ไม่ยอมให้ปานคุยกับคุณภัทรสองต่อสองหรอก”
“ลูกเกดว่าคุณยะรักปานชัวร์ เพียงแต่คุณยะไม่รู้ตัวเท่านั้น”
“ไม่จริงหรอกลูกเกด ผู้ชายอย่างคุณยะไม่มีทางมาสนใจผู้หญิงที่พ่อของเขารับมาอุปการะหรอก”
“ก็ไม่แน่หรอกปาน ไม่เชื่อปานก็ลองสังเกตท่าทางและพฤติกรรมของคุณยะดูเวลาคุณภัทรไปหาปานหรือชวนปานไปเที่ยว”
////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...