ตอนที่ 6
“เรามาสานต่อเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นให้จบดีกว่าครับคุณหนู มันไม่ได้น่ากลัวและน่ารังเกียจอะไรเลยสักนิด เชื่อเถอะครับว่าผมจะไม่ทำให้คุณหนูเจ็บปวด”
ชายหนุ่มแนบจุมพิตจนทั่วใบหน้าเนียนนุ่ม กดซับน้ำตาบนใบหน้าขาวนวล พร้อมกดทับกายไม่ให้หญิงสาวในอ้อมแขนได้เคลื่อนไหว เพราะเธอเป็นเสมือนน้ำมันที่ราดลงไปบนไฟ กายเขาจะร้อนรุ่มด้วยปรารถนาที่ยากจะกักเก็บเอาไว้ได้
“ไม่จริง ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่นายพูด ปล่อยฉันไปเถอะนะ...ภีมะ” แข็งขืนไปก็รังแต่จะทำให้เธอเพลี่ยงพล้ำเร็วขึ้น สู้ใช้ความอ่อนหวานที่มีทำให้อีกฝ่ายใจอ่อน ยอมปล่อยน่าจะเป็นการดีกว่า
“ให้ผมลองก่อนดีกว่าครับ ถ้าหากคุณหนูไม่ชอบจริงๆ ก็ยังจะหยุดได้ทัน แต่ถ้าไม่ใช่...คุณหนูคงจะต้องยอมเป็นของผมโดยไม่มีข้อแม้”
ไม่ว่าจะหนทางไหน ดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบภีมะไปเสียหมด หนีจุมพิตที่กดทับลงมา ขบกัดดูดเม้นจนปากเธอเหมือนจะเห่อบวมขึ้นมา ไหนจะสัมผัสจากมือที่ร้อนผ่าวราวกับถ่านไฟ สร้างความปั่นป่วนและรวดร้าว ก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เธอทั้งกังวลและหวาดกลัว
“ปล่อย.....”
“ไม่ชอบสิ่งที่ผมทำอยู่จริงๆ หรือครับคุณหนูโรส” ถามเสียงพร่าแหบ พร้อมเคลื่อนใบหน้าลงไปหาทรวงอกคู่งามที่เขาติดใจตั้งแต่อยู่ในห้องทำงานแล้ว และเพียงแค่ได้เห็นปทุมถันสีขาวสล้างราวกับไข่มุกตัดกับเม็ดบัวสีชมพูเข้มที่อยู่ด้านบนก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับตื่นตะลึงและกลืนน้ำลายลงคอ
“ทรวงอกของคุณหนูสวยมากเลยนะครับ ขอผมชิมมันหน่อยนะครับ”
หญิงสาวไม่ทันได้ห้าม ภีมะก็แนบปากลงมาบนทรวงอกข้างที่มีหัวใจเต้นอยู่
“อื้อ...” โรสรินทร์ครางเสียงแผ่ว พลางบิดตัวหนีริมฝีปากอุ่น ขณะมือที่ไม่รู้ว่าถูกปล่อยเมื่อไหร่ยื่นไปหาศีรษะทุย สอดแทรกนิ้วยาวเข้าไปในเส้นผมนุ่มสลวย บ้างก็จิกทึ้งดึงออก สลับกับกดให้จุมพิตร้อนผะผ่าวอยู่แนบชิดกับสองปทุมถันที่ถูกสัมผัสอย่างหนักหน่วงด้วยเพลิงพิศวาสที่รุนแรง
ชายหนุ่มฟอนเฟ้นบัวอีกดอกที่ยังว่างอยู่ ปลายนิ้วไล้วนรอบจะงอยถันกดคลึงเบาๆ ขณะปากและฟันก็ขบกัดไปบนเม็ดบัวอีกข้างด้วยความหลงใหล
ปากบอกว่าไม่! หากกายกลับไม่เป็นอย่างที่เธอต้องการ สัมผัสพิศวาสมีอำนาจเกินกว่าเธอจะต้านทานได้
“ไม่! หยุดนะ...นายภีมะ” โรสรินทร์อ้อนวอนเสียงขาดเป็นห้วงๆ เมื่อเริ่มป่วนปั่นกับธารอารมณ์ที่เริ่มก่อตัวจากกึ่งกลางเรือนกาย มือเรียวจิกทึ้งผ้าปูเตียงเนื้อตัวสั่นระริกจากเพลิงพิศวาสที่ช่างผู้ชำนาญกาลปลุกเร้า
“คุณหนูจะให้ผมหยุดจริงๆ หรือครับ” เขาแกล้งถาม ก็เห็นอยู่แล้วว่าโรสรินทร์ดิ้นเร่า ขบกัดริมฝีปากสะกดกลั้นเสียงร้องหวานๆ เอาไว้ไม่ยอมให้เขาได้ยิน ทำให้เขาต้องเร่งเร้าปลุกปั่นอารมณ์เธอให้เพิ่มมากขึ้น
“ไม่อยากให้ผม...ทำอย่างนี้จริงๆ หรือครับ” เขารวบสองปทุมถันมาแนบชิดกัน จากนั้นก็ตวัดเรียวลิ้นหยอกเย้าปลายยอดหดเกร็งจนแข็งเป็นไต
“ภะ...ภี...มะ...” โรสรินทร์ที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรร้องเรียกแต่ชายหนุ่มเสียงแหบพร่า ร่างกายก็ส่ายไปมาด้วยความคิดที่ว่าสิ่งที่ทำอยู่จะช่วยผ่อนคลายความรู้สึกปั่นป่วนและรัญจวนใจที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นหญิงสาวยอมแพ้ รับในสิ่งที่เขามอบให้ ภีมะก็ผละจากสองเต้าอวบกลมกลึง เคลื่อนปากและลิ้นขบเม้มลงไปบนกายนุ่มและหยุดทักทายหน้าท้องแบนราบเรียบ
“ผมเคยจินตนาการไปว่า ภายใต้เสื้อผ้าที่ห่อหุ้ม กายคุณหนูจะยังไง”
ปลายนิ้วร้อนลากไล้ไปจนทั่วกายโปร่งบาง พลางกดจุมพิตร้อนราวกับถ่านไฟนาบไปตามลำตัวนุ่ม เย้าแหย่เรียวลิ้นเข้าไปในสะดือสวย ก่อนจะต่ำลงไปๆ แล้วชายหนุ่มก็ต้องหงุดหงิด เมื่อเห็นสิ่งขวางกั้นสายตา เป็นกางเกงตัวเล็กรัดรูปสีชมพู
“ถอดออกนะครับคุณหนูโรส ให้ผมได้เห็นความสวยงามของคุณเต็มตาหน่อย” ภีมะขออนุญาตและทำการกำจัดสิ่งกีดขวางออกไปในทันที
โรสรินทร์ไม่ทันได้ห้าม เพราะกว่าจะรู้ว่าเขาขอสิ่งใด ก็เมื่อเรือนกายของเธอเปลือยเปล่าเหมือนทารกแรกกำเนิด
“ช่างงดงาม...ไม่มีที่ติเลยครับคุณหนู” ภีมะกวาดสายตากายสูงโปร่งที่ไร้สิ่งปกปิด พร้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
“ช่างต่างกับที่ผมจินตนาการไว้ลิบลับ” เขาลากไล้มือไปบนผิวเนื้อขาวนวลลออ มันช่างตัดกับสีผิวของเขามากมายนัก ในขณะที่โรสรินทร์มีผิวขาวผ่องเป็นยองใยแบบผิวนมสด ส่วนเขานั้นแม้จะทำงานอยู่ในร่มก็จริง แต่ยังมีผิวสีแทนอยู่ดี
“อย่า...นะ...ภีมะ...อย่าทำแบบนี้” โรสรินทร์รีบร้องห้าม เมื่อรับรู้ถึงอันตรายจากปลายนิ้วที่ลากไล้คลึงอยู่บนหน้าท้องแบนราบเรียบ เรื่อยลงไปจนเกือบจะถึงส่วนที่ซุกซ่อนอยู่ในกลุ่มไหมนุ่ม
“ได้โปรด...หยุดเถอะนะ” แม้เธอจะหลงเข้าไปในวังวนแห่งเพลิงพิศวาสที่ชายหนุ่มก่อนขึ้น แต่ก็ยังพอมีสติเหลืออยู่ทำให้รับรู้ว่าสิ่งที่กระทำอยู่นี้มันผิด
“คุณหนูใจร้ายจัง แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะทำให้เปลี่ยนใจ เป็นขอร้องให้ผมรีบละกัน” ภีมะเคลื่อนนิ้วไล้วนเวียนรอบเส้นไหมนุ่ม ก่อนที่จะเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างแผ่วเบา
เขาแยกขาเรียวออกกว้างและล็อกมันไว้อย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้หญิงสาวขัดขืนในสิ่งที่เขากำลังจะทำ
“ก่อนที่เราจะเป็นของกันและกัน นอกจากคุณหนูจะต้องทำความรู้จักผมซึ่งก็อีกไม่นาน ผมจะต้องทำความรู้จักกับคุณหนูเสียก่อน”
นิ้วยาวเรียวเหมือนนิ้วผู้หญิงกรีดไปตามร่องกุหลาบดอกโต ทักทายกลีบกุหลาบสีสวยอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบา
“อย่า...ภีมะ...หยุด” โรสรินทร์ห้ามเสียงพร่าแหบ เพราะการถูกรุกรานจากชายที่เธอไม่เคยชื่นชอบ ไม่อยากเป็นคนในสายตา เพราะความกลัวที่ซุกซ่อนฝังลึกอยู่ภายในใจ
หญิงสาวยกสะโพกหนี พร้อมรีบยื่นมือไปดันร่างแกร่งให้ห่างไกลจากเรือนกายอันอ่อนไหว
“การต้องเฝ้ารอคนที่เมินหน้าหนี มันเจ็บปวดที่สุด คุณหนูยังจะทรมานผมอีกหรือครับ” ภีมะถามพร้อมส่งนิ้วเข้าไปทักทายเกสรกุหลาบสีชมพูที่ทำให้เขาถึงกับเหงื่อแตกซิก
“ภีมะ...” สะโพกกลมมนยกขึ้นรับสัมผัสแผ่วเบาอย่างไม่รู้ตัว ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มขบเข้าหากัน ความปั่นป่วนและเสียวซ่านแผ่กระจายราวกับกำลังมีพายุลูกใหญ่เคลื่อนไหวรุมเร้ากึ่งกลางเรือนกาย
“ถ้านายทำแบบนี้ ฉัน...ฉันจะโกรธ ไม่ให้อภัยนาย” หวังว่าคำขู่จะทำให้ภีมะหยุดสร้างความปั่นป่วนให้เสียที ทำไมเพียงแค่การถูกสัมผัส ถึงได้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับตกทะเลเพลิง แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนกับได้อยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้แรกแย้มบานสะพรั่ง สวยงามจนเกินจะบรรยายออกมาได้
“ผมยอมครับ ผมชอบเวลาคุณหนูโกรธ ตาเป็นประกายกับใบหน้าแดงระเรื่อทำให้ผมอยากจะอยู่ใกล้ชิด” ชายหนุ่มทำการเคล้าคลึงเกสรแดงระเรื่อที่เชิญชวนให้เขากลืนกิน
“ปรารถนาที่จะทำอย่างนี้” ชายหนุ่มแนบจุมพิตลงไปบนผิวเนื้อนวลเนียนนุ่ม ขบเม้มเรื่อยลงไปจนได้พานพบกับเกสรกุหลาบที่ยั่วเย้าให้เขารีบเรียวลิ้นเข้าไปแตะ
“...”
เหมือนความร้อนในกายจะแตกตัว พร้อมเสียงร้องครางที่หลุดออกไปอย่างหักห้ามเอาไว้ไม่ได้
“แต่มันไม่ถูกต้อง นายจะเอาเปรียบ...รังแกฉันจริงๆ หรือไง”
ถามไปแบบนั้น หากมือกลับจิกทึ้งสลับกับกดศีรษะทุยได้รูปให้แนบชิดกุหลาบอ่อนเยาว์ เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำอยู่นั้นมันสร้างความป่วนปั่นและเสียวซ่านรัญจวนใจให้กับเธอมากเหลือเกิน หากในความรู้สึกยังเหมือนกับมันขาดบางสิ่งบางอย่างไป ที่เธอยังหาคำตอบไม่ได้