2| แตกหัก 1/2

769 คำ
“ถ้ามึงเก่งมากก็ออกไปจากบ้านกู ออกไปเลย” “เออ ออกแน่ ไม่อยากอยู่นักหรอก” ไม่ใช่ไม่รู้สึกแค่ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้คนพวกนี้เห็น “มึงไปเลยนะ” ให้มันขาดตั้งแต่วันนี้ พอสักทีกับครอบครัวเห็นแก่ตัว ในเมื่อออกปากไล่แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทนอยู่ต่อเพราะอยู่ไปก็ไม่มีความสุข กดขี่ ข่มเหง นึกว่าทาสในเรือนเบี้ย ฉันเดินหันหลังให้บ้านตัวเองโดยไม่กลัวเลยว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง ไปตายเอาดาบหน้า ประโยคนี้โคตรทำให้สู้เลย หอพัก IU “เป็นแม่กูนะ หึ” “มึงกล้าเหรอ แค่นี้นรกก็กินกบาลกูไปครึ่งแล้ว” “ดีแล้วที่ออกมา อยู่กับกูไปก่อนก็ได้ ไม่เป็นไร” เพื่อนสนิทที่ไม่ใช่สายเลือดยังน่ากราบไหว้กว่าแม่แท้ๆ อีก “พรุ่งนี้ที่บริษัทกูมีงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายของท่านประธาน มึงไปมั้ยเขาให้ชวนคนในครอบครัวไปได้หนึ่งคน” จิ๋ว เป็นเพื่อนสนิทสมัยมหา’ลัย พอเรียนจบมาก็ยังสนิทอยู่ พึ่งพาได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องเงิน เป็นกฎเหล็กที่ฉันเป็นคนตั้งเองนี่แหละ “ไม่ว่างอ่ะ ช่วงนี้ทำโอทุกวันเลย” เราไม่ได้ทำงานที่เดียวกันแต่ก็ไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ “เสียดาย” “แล้วได้ของอะไรออกมาบ้างนอกจากเสื้อผ้า” “ก็มีเงินที่ซ่อนเอาไว้แล้วก็ ทอง ที่ซื้อเก็บไว้ โชคดีมากๆ ที่ไอ้กากมันค้นไม่เจอ” ขอบคุณตัวเองที่มีวินัยซื้อทองสะสมเอาไว้ ถึงไม่มากก็ยังพอมีให้ชื่นใจ “พี่มึงนี่โคตรเหี้ยเลยว่ะ งานการก็ไม่รู้จักหาทำ เกาะน้องกิน ใครได้เป็นผัวซวยตายห่า” “ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเอามันหรอกนอกจากหวังเอาเล่นๆ” โตมาจนอายุจะเข้าเลขสามแล้วยังไม่เคยเห็นความดีพี่ชายตัวเองเลย แบบนี้จะเอาอะไรไปอวย ไอ้กากมันไม่เคยมองฉันเป็นน้องหรอก มีแต่คำหยาบคายที่พ่นใส่ ไอ้นรกส่งมาเกิด “ปากร้ายว่ะมึง” “ถ้ากูหาห้องเช่าได้แล้วจะรีบย้ายออกนะ ไม่อยู่เป็นภาระมึงนานหรอก” “เฮ้ย ไม่เป็นไร อยู่นานๆ ก็ได้ กูเข้าใจ” “เกรงใจมึงจริงๆ อ่ะจิ๋ว ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่กูหอบผ้ามาอยู่กับมึงอ่ะ” “แล้วก็ไม่มีครั้งไหนที่กูไล่มึง มึงเพื่อนกูนะ ไม่ใช่เพิ่งคบกันเมื่อไหร่ แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันยังเคยเลย” “อีจิ๋ว อีบ้า ตอนนั้นเมาเว้ย” ฉันจำวันนั้นได้ เราทั้งคู่เมามาก เมาแบบสุดๆ หลุดไปแล้วด้วย โชคดีที่ยังพากันกลับมาถึงห้องได้อย่างปลอดภัย วันต่อมา โชคดีแค่ไหนที่มีงานดีๆ ทำ ฉันโคตรภูมิใจในตัวเองเลยที่พยายามดันตัวเองเข้ามหา’ ลัยชื่อดังและหาเงินจ่ายค่าเทอมเพื่อให้ตัวเองได้อยู่สังคมที่ดีถึงมันจะเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดแต่มันก็คุ้มค่ามากๆ กับใบปริญญาที่ได้มา ใบเบิกทางที่ทำให้ฉันได้เข้าทำงานบริษัทชั้นนำของประเทศ ได้รับสวัสดิการเทียบเท่ากับราชการเผลอๆ ดีกว่าด้วยซ้ำ เงินเดือนก็พอมีเก็บแต่ก็น้อยมากเพราะภาระเยอะ จากนี้ไปคงดีขึ้นแล้วล่ะเพราะฉันจะไม่ใจดีอีกแล้ว “ไปทำงานแล้วนะจิ๋ว ยังไม่รู้ว่าจะกลับกี่โมงกี่ยามเลย” “เออๆ ถ้าดื่มก็โทรมาบอกกูนะ จะได้นั่งรถไปรับ” “อย่าลำบาก กูกลับเองได้น่ะ” “เป็นห่วง” “เออๆ ไม่ดื่มหรอก คงไปแป๊บเดียวงานน่าเบื่อแบบนั้น” งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายก็ควรจัดแค่ภายในก็พอมั้ย พนักงานบางคนเลิกงานก็อยากกลับบ้านเลย ทำงานก็เหนื่อยมากพอแล้วนี่คือความคิดสำหรับฉัน คนอื่นไม่รู้ยังไง ‘ดีใจจังที่ท่านประธานเชิญพนักงานด้วย’ ‘ลูกชายคนนี้ฉันยังไม่เคยเห็นเลยแก’ ‘หล่อ ฉันไปค้นรูปดูแล้ว หล่อมาก’ ‘คืนนี้ใส่ชุดไร ไปแต่งหน้าที่ห้องฉันมั้ย’ คงมีแค่ฉันคนเดียวที่คิดอยากกลับบ้าน เรื่องชุดฉันไม่ได้เตรียมมาแล้วก็ไม่คิดอยากเตรียมด้วย งานไม่ได้ระบุการแต่งกายเพราะท่านประธานเป็นคนเรียบง่ายเน้นความสะดวกสบายของพนักงานเป็นหลัก ท่านคงรักลูกชายคนนี้มากถึงได้จัดการต้อนรับยิ่งใหญ่ขนาดนี้ อิจฉาจัง ----------------
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม