"มาค่ะคุณ ป้าทำแผลให้" ป้าต้อยแม่บ้านที่รู้จักฉันดีเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำและขนมปังหนึ่งชิ้น
ขนมปังหนึ่งชิ้น หึ ถ้าให้พูดตรง ๆ จากใจมันไม่พอหรอก แล้วถ้าให้พูดหยาบ ๆ หมาที่บ้านป๊ากับมี้ของฉันยังกินดีกว่านี้เลย
"ป้าเชื่อที่นาถฤดีเขียนทิ้งไว้ไหมคะ" ฉันแค่อยากรู้ว่าฉันเป็นผู้ชายในสายตาทุกคนไหม
"ไม่ค่ะ ป้ารู้จักนิสัยคุณนาถ แต่คงจะบังคับให้คุณภูเชื่อแบบป้าไม่ได้ คุณพรรณจะหนีไหมคะป้าจะช่วย"
"ไม่ค่ะ พรรณไม่ผิด พรรณไม่จำเป็นต้องหนี ถ้าหนีก็เท่ากับพรรณผิด พรรณจะทนอยู่จนกว่าความอดทนจะถึงที่สุด ขอบคุณป้านะคะที่เชื่อพรรณ"
"ถ้าทนอยู่คุณพรรณอาจจะตายอยู่ที่นี่นะคะ" ป้าต้อยยังคิดเลยว่าฉันจะตาย
"ไม่ค่ะ พรรณไม่มีทางตายที่นี่ ป้ารีบออกไปเถอะค่ะเดี๋ยวป้าจะซวยเพราะพรรณ" ส่งยิ้มให้ป้าต้อยที่อายุน่าจะใกล้เคียงกับยายของฉัน ในสายตาของคนอื่นฉันยังคงเป็นคนดีอยู่บ้างสินะ
สองเดือนผ่านไป
เป็นเวลาสองเดือนที่ภูผาขังฉันในห้อง จากขนมปังหนึ่งชิ้นเป็นข้าววันละหนึ่งมื้อ กลางวันจะไม่เจอเขา แต่ตกกลางคืนกลิ่นเหล้าเหม็นคลุ้งจะลอยมาก่อนที่เขาจะมาถึงตัวฉัน เขาเหมือนสัตว์ป่าขย้ำฉันจนไม่เหลือชิ้นดี โสเภณีดูดีกว่าฉันในตอนนี้ ฉันหมดเค้าโครงความสวย ฉันในวันนี้ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ เส้นผมที่ฉันรักนักรักหนาภูผาลงมือตัดมันด้วยมือของเขา เขาบอกว่าสิ่งไหนที่ฉันรัก เขาจะทำลายให้หมด เขาตัดผมของฉันทั้งที่รู้ว่าฉันรักเส้นผมมาก การตัดผมก็เหมือนสัญญาณให้ฉันตัดใจจากเขาไวขึ้น สักวันคงไม่มีผู้ชายชื่อภูผาในใจฉันอีก
"ออกไป" วันนี้จู่ ๆ เขาเปิดประตูเข้ามาทั้งที่ยังกลางวันแสก ๆ การที่เขาโผล่มาในเวลากลางวันทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน ใบหน้าที่ฉันไม่ได้เห็นชัด ๆ มานาน เขามองฉันด้วยสายตาเย็นชา เรามองกันด้วยสายตาที่ไม่เหมือนวันวาน
"ไปไหน" เอ่ยเสียงเรียบ
"ต่อไปมึงไปอยู่ที่กระท่อมท้ายไร่" พูดจบเขาแสยะยิ้ม
ใจฉันเริ่มหวั่น กระท่อมท้ายไร่ไม่มีไฟฟ้าไม่มีบ้านเรือนหรือเพื่อนบ้านสักคน เป็นเพียงกระท่อมที่มีไว้เพื่อนั่งพักตอนทำงานเหนื่อยเท่านั้น ถึงฉันจะถูกฝึกให้ร่างกายคงทน แต่ฉันก็ยังเป็นผู้หญิงตัวเล็กบอบบางที่อยากให้ใครสักคนดูแล
“...” ต่อให้รู้สึกกลัวแต่สุดท้ายฉันก็ลุกขึ้น ฉันจะไปตามที่เขาต้องการ เผื่อว่าสิ่งที่เขาทำกับฉันจะทำให้เขามีความสุขบ้าง แม้ว่ามันจะเป็นความผิดที่ฉันไม่ได้ก่อก็ช่างมันเถอะ
"เดี๋ยว" ภูผาเรียกเมื่อฉันกำลังจะเดินออกจากห้องพร้อมข้าวของที่เขาเคยขนมาไว้ให้ฉัน
“...” ฉันหันไปมอง เขาโยนซองสีน้ำตาลลงพื้น
"เซ็นด้วย กูไม่อยากมีมึงเป็นเมีย กูกำลังจะขอคนที่กูรักหมั้น" มองฉันด้วยสายตารังเกียจ
หัวใจฉันปวดหนึบเมื่อได้ยินว่าเขาจะหมั้นกับคนอื่น
คนที่รักงั้นเหรอ
ใครคือคนที่เขารัก
แต่ช่างเถอะ ฉันไม่มีสิทธิ์ถาม เรื่องของเขาฉันไม่จำเป็นต้องสนใจอีก
ในเมื่อเขาอยากให้เซ็น ฉันก็จะเซ็น เพราะวันที่เขาขอร้องให้จด เขาก็ไม่ได้ใส่ใจความหมายของมันอยู่แล้ว มีแค่ฉันที่เพ้อด้วยความดีใจที่ได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา ฉันก้มหยิบซองสีน้ำตามมาเปิด เป็นเอกสารการหย่าที่ถูกจัดเตรียมมา ฉันก็แค่เซ็นชื่อลงให้มันจบ เดี๋ยวเขาก็ให้ทนายของเขาไปจัดการต่อเอง
เซ็นชื่อเรียบร้อยฉันก็เดินตามเขาลงมาที่ชั้นล่าง
"น้าภู น้องคิมคิดถึงจังเลยค่ะ" เด็กผู้หญิงวัยกำลังน่ารักเดินวิ่งเข้ามากอดเขา
"น้าภูก็คิดถึงน้องคิมครับ" นี่ไงภูผาที่ฉันเคยรู้จัก เขาพูดเสียงนุ่มนวล ใบหน้าอ่อนโยน ต่างกับเวลาพูดกับฉันในตอนนี้ เขาไม่ได้เปลี่ยนไป เขาก็แค่เอานิสัยอีกด้านมาใช้กับฉันก็เท่านั้น
"น้องคิมทำไมไม่รอแม่โม" ผู้หญิงท้องโตเดินท้องโย้เข้ามาช้า ๆ ภูผารีบเดินไปพยุงเธอทันที
"เดินช้า ๆ ก็ได้โม เดี๋ยวลูกก็เป็นอะไรไปหรอก" สายตาห่วงใยเมื่อครั้งวัยเรียนฉันเคยได้รับ อ้อมกอดอบอุ่นที่ฉันเคยได้รับ ตอนนี้ฉันมีสิทธิ์แค่ยืนมอง
"เอ๊ะ ใครอะภู" ผู้หญิงท้อง ตัวเล็กหน้าตาน่ารักเอ่ยถามภูผาพลางมองมาหาฉัน ฉันรีบก้มหา อายที่จะให้เธอได้เห็นสภาพแย่ ๆ ของฉัน
“คนงานมาใหม่ โมอย่าสนใจเลย” เขาเอ่ยกับเธอแล้วจึงหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ต่างกัน “เดินไปเอง กูไม่ว่าง”
ฉันเดินจากบ้านมาที่ไร่ประมาณสองกิโลได้ ไกลนะ ไกลมาก เหนื่อยมาก เมื่อก่อนฉันเคยไปท้ายไร่กับเขา เราเดินทางด้วยรถยนต์ ฉันเคยขึ้นไปชมวิวกับภูผาในจุดที่เขาบอกว่าสวยที่สุด บรรยากาศก็ดีนะแต่ฉันไม่ว้าว คือฉันไม่ได้ไปเพราะอยากดู วันนั้นเขาไปเพราะนาถฤดีชอบ อยากไป แล้วบังเอิญวันนั้นฉันอยู่ด้วย พวกเขาจึงชวนฉัน
ฉันไม่ชอบภูเขา ฉันชอบทะเล ฉันชอบเสียงคลื่นเวลาที่มันซัดเข้าฝั่ง ทั้งที่ชอบทะเลแต่ก็มาลำปางเพราะภูผาอยากมา ฉันที่นี่ก็เพราะเขา ฉันรักเขาถึงได้มาด้วยกัน แต่ว่าเราคงจะจบกันแค่เพียงเท่านี้ ระหว่างเราคงไม่มีวันได้เดินร่วมทางกันอีก
ฉันใช้เวลาเดินจากบ้านมาไร่ครึ่งชั่วโมงพร้อมข้าวของพะรุงพะรัง แต่จะต้องเดินจากไร่ไปท้ายไร่อีกนานพอสมควร เดินตามรอยรถยนต์ที่เคยผ่าน
และสุดท้ายก็เจอกระท่อมเก่า ๆ ที่ใกล้ผุพัง
"เฮ้อ... นี่คงเป็นเวรกรรมของแกมั้งชมพูพรรณ ชาติก่อนคงทำเขาไว้เยอะ ไม่เป็นไร เอาให้มันสุดจะได้ไม่ต้องพร่ำเพ้อคิดถึงเขาอีก" รำพึงรำพันเมื่อเห็นสภาพที่อยู่อาศัย
"น่ากลัวจัง" พูดคนเดียวค่ะ ที่นี่มีฉันอยู่คนเดียว เมื่อท้องฟ้ามืดลงจนมองเห็นดาวบนท้องฟ้าส่องวาววิบวับ น่าจับจอง แต่คว้าเท่าไหร่ก็จับต้องไม่ได้ คงจะเหมือนหัวใจของภูผาที่ยังไงก็ไม่มีวันเป็นของฉัน
กระท่อมเก่า ๆ ที่ไม่มีแม้กระทั่งหมอนนอน ไม่มีอะไรเลย แต่ยังดีที่ยังมีห้องน้ำให้ได้ใช้ขับถ่ายทำธุระ แต่น้ำต้องไปหาบหิ้วจากลำธาร
ให้ตายเถอะชีวิตชมพูพรรณทำไมถึงได้น่าสมเพชขนาดนี้ ถ้าหากฉันล้มเลิกตอนนี้เลยดีไหมนะ ถ้าไปตอนนี้จะเลิกรักเลิกคิดถึงเขาไหม ฉันควรตัดใจจากคนใจร้ายสิ เมื่อเดินออกไปฉันต้องมั่นใจว่าจะไม่หวนคิดถึงเขาในอดีตอีก
หวนคิดถึงวันเวลาตั้งแต่วันแรกที่ฉันเดินเข้าไปทักเขาเพราะอยากรู้จัก ฉันหลงใหลรอยยิ้มของเขา
เขาคือเพื่อนผู้ชายคนเเรกที่ฉันรู้สึกดีด้วย
เขาคือรักครั้งแรก
เป็นรักข้างเดียวที่ฉันเจ็บปวดมากมาย
ทำไมเราสองคนถึงได้มาอยู่จุดนี้ได้นะ
“พรรณขอโทษนะภู มันเป็นความผิดของพรรณเอง ถ้าหากตอนนั้นพรรณเอาแต่ใจสักหน่อย ถ้าหากตอนนั้นพรรณไม่ยอมมาลำปางภูก็คงจะตามใจพรรณ เราไม่น่ามาลำปาง เราไม่น่ามาที่นี่กันเลย”
ฉันอยากได้เพื่อนที่แสนดีของฉันคืน หวังไว้ว่าสักวันรอยยิ้มที่อ่อนโยนจะส่งมาให้ฉันบ้าง
แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แล้วล่ะ
เพราะยังรักคำเดียวเท่านั้นที่ฉันยังอยู่ตรงนี้ ถ้าวันไหนหมดรักฉันจะเดินไปจากชีวิตของเขา เราจะไม่เจอกันอีกตลอดไป
ในเมื่อดีกับพรรณไม่ได้ ก็ร้ายใส่พรรณให้สุดไปเลยภู