@Memo Club
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มกับผู้คนมากมายนักท่องราตรีชายหญิงต่างยืนเต้นไปตามจังหวะ บรรยากาศภายในคลับนั้นครึกครื้นเฟื่องและเพื่อนๆในคณะที่ตกลงมาต่อที่คลับแห่งนี้ได้มานั่งที่โต๊ะที่ถูกจองไว้แล้ว
“เฟื่องเมาแล้วเหรอ?”
“เฟื่องยังไหวปกป้องไม่ต้องห่วง”
“ถ้ากลับไม่ไหวเดี๋ยวเราไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรเรามาก่ะแพมและนุ๊ก”
วันนี้โต๊ะ VIP นั้นเต็มจึงต้องมาเบียดกับโต๊ะธรรมดาใกล้เวทีร่างบางที่สนุกสนานเธอดื่มและเต้นเบาๆไปโดยมีปกป้องนั้นยืนอยู่ไม่ห่าง ทั้งคู่แนบชิดเพราะเวลาอยู่ในคลับเสียงเพลงนั้นจะดังมากต้องกระซิบที่ข้างหูถึงจะได้ยิน ทุกการกระทำของทั้งสองคนอยู่ในสายตาของเคนโซ่ตลอดเวลา
“โซ่คะปกป้องเขาสนใจเฟื่องใช่ไหมดูท่าทางเขาสิไม่ยอมห่างเธอเลย” ใบหน้าสวยแสยะยิ้มเธอนั่งตักแกร่งของเคนโซ่ที่โต๊ะมองดูโต๊ะของเฟื่องนิมมานกับปกป้องเช่นเดียวกับเคนโซ่
“ไม่รู้”
“ไอ้โซ่ตั้งแต่ลงจากเวทีมามึงทำหน้าเหมือนคนเล่นพนันแล้วเสีย ทำไมวะมาคลับทั้งทีไม่สนุกรึไง?” ภูริที่นั่งอยู่กับสาวสวยรุ่นน้องที่เขาควงมาจากงานคืนสู่เหย้าของมหาวิทยาลัยชื่อดัง
“กูไม่ชอบบรรยากาศ” ใบหน้าหล่อเย็นชาสายตาก็เอาแต่มองไปที่โต๊ะด้านหน้าที่ห่างไปไม่กี่โต๊ะมองเห็นปกป้องและเฟื่องได้ชัดเจน
“ห๊ะ! ไม่ชอบมึงเป็นคนเลือกร้านนี่เองนะไอ้สัด”
“โซ่ขา…คืนนี้ไปห้องพิมพ์นะคะตั้งแต่กลับมาโซ่ก็ไม่มาหาพิมพ์เลย” ดาราสาวที่นั่งอยู่บนตักออดอ้อนเขาเธอรอให้เขากลับมา แต่ทว่าการกลับมาครั้งนี้เคนโซ่ดูนิ่งๆและเย็นชามากขึ้น
“ผมมีงานเช้าต้องไปไซด์งานไว้โอกาสหน้านะพิมพ์” ใบหน้าหล่อตอบเธอพร้อมกับทำหน้านิ่งๆเขานั้นดูแปลกไป
“โซ่พิมพ์คิดถึงโซ่มากนะทำไมโซ่ถึงได้เฉยชากับพิมพ์ได้ขนาดนี้รึว่ามีคนใหม่?” ใบหน้าสวยทำปากคว่ำเธอรู้สึกไม่พอใจและเสียหน้าเพราะที่โต๊ะมีสาวสวยรุ่นน้องที่ได้ยินทุกคำพูดของเธอและเขา
“เหอะ! พิมพ์อย่างกับเธอไม่มีใครงั้นแหล่ะ” มือบางของพิมพ์จึงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มและยิ้มบางๆแก้เขิน เคนโซ่เขานั้นก็รู้ดีแก่ใจว่าพิมพ์มาดาไม่ได้มีเขาเพียงแค่คนเดียว
“ไม่ว่าใครก็เทียบโซ่ไม่ได้หรอก”
“หึ!”
ทางด้านโต๊ะของเฟื่องและเพื่อนๆตอนนี้ทุกคนกำลังสนุก เมื่อเห็นว่าเพื่อนเมาและไม่อยากรบกวนใครส่วนปกป้องก็ได้ไปหาภูริและเคนโซ่ที่โต๊ะแล้ว เฟื่องที่รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำจึงเดินเข้าไปหลังร้านเพียงลำพัง เพราะร้านนี้เธอกับเพื่อนมาบ่อยจึงรู้จักทุกซอกทุกมุมเป็นอย่างดี
“อ้าว! ไอ้โซ่กูเพิ่งจะมามึงจะไปไหน?” ปกป้องที่เพิ่งมานั่งและเขาเองก็ดื่มไม่กี่แก้วเห็นร่างสูงของเคนโซ่ลุกขึ้น
“กูอยากไปสูบบุหรี่”
“ให้กูไปเป็นเพื่อนปะ?”
“กูไม่ใช่เด็ก”
ร่างสูงจึงรีบเดินก้าวยาวๆเข้าไปที่หลังร้านเขาไม่ได้จะไปสูบบุหรี่ตามที่บอกเพื่อน เพราะเขามาดักรอใครบางคนที่อยากจะคุยด้วยมาก เมื่อทำธุระเสร็จร่างบางในชุดเซ็กซี่เธอถูกสายตาของหนุ่มๆมองตั้งแต่เดินเข้ามาเพราะเธอนั้นดูดีมาก ทว่าสายตาคมของใครบางคนก็จ้องเธออยู่เช่นกัน
“ตุ๊บ!”
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
ร่างบางที่เดินไปชนเข้าอย่างแรงกับหน้าอกแกร่งของผู้ชายคนหนึ่งเขาตัวสูงกว่าเธอมาก และกลิ่นน้ำหอมก็ยังคุ้นๆเหมือนเคยได้กลิ่นนี้มาจากคนที่รู้จัก จึงรีบถอยออกมาแต่ก็มีมือหนาของคนตัวสูงจับที่ข้อแขนเรียวเล็กเอาไว้ ใบหน้าสวยจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อจะมองว่าเธอชนเข้ากับใคร
“เคนโซ่?”
“หืม!”
ทั้งคู่สบตากันเฟื่องที่ตอนนี้สติไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เธอพยายามดึงสติ และพยายามเอาตัวเองให้ออกมาจากภวังค์เพราะใบหน้าหล่อเหลานั้นทำให้เธอนิ่งไปราวกับถูกมนตร์สะกด
“ทำไมถึงมาห้องน้ำคนเดียว?” สิ้นเสียงนุ่มทุ้มเธอเหมือนตื่นขึ้นมาจากภวังค์จึงรีบเก็บอาการและตอบเขาไป
“มันเรื่องของฉันนาย ปล่อยแขนได้แล้วฉันจะไปหาเพื่อน”
“อยากจะไปหาเพื่อนหรืออยากจะไปหาไอ้ป้องกันแน่?”
“ชิ! ฉันไม่จำเป็นต้องตอบเพราะในสมองนายไม่เคยมองฉันในแง่ดี”
“เฟื่อง! เธอจะกวนประสาทฉันไปถึงไหน เธอดูสารรูปตัวเองสิแต่งตัวอย่างกับกะ….”
“อร๊าย! ไอ้ปากปีจอปล่อยฉันนะ”
ยิ่งเธอดิ้นและพยายามแกะมือออกเท่าไหร่มือหนายิ่งกำแขนเล็กแน่นขึ้น เขาลากเธอเข้าไปทางประตูหลังซึ่งเป็นทางออกฉุกเฉินและไม่มีใครอยู่ตรงจุดนี้
“โซ่นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?” ร่างบางเริ่มกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัยเธอจึงกวาดสายตามองดูรอบๆ ทั้งมืดและไม่มีคน
“ทำไมเก่งนักไม่ใช่เหรอเธอกลัวฉัน?” ใบหน้าหล่อดันร่างบางให้เดินถอนไปจนชิดผนังร้าน เขายังไม่ยอมปล่อยแขนเรียวเล็กให้เป็นอิสระ แขนยาวอีกข้างดันผนังแล้วโอบร่างบางให้อยู่ภายใต้อ้อมแขน ก้มหน้าลงมามองเธอที่ไร้หนทางหนีไปจากร่างสูงที่กักเธอไว้
“โซ่ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายจะจองเวรฉันไปทำไม แต่ฉันไม่อยากจะยุ่งหรือไม่อยากข้องเกี่ยวกับนาย”
“เหอะ! เฟื่องนิมมานฉันชอบแกล้งเธอเพราะฉันมีความสุข” ปากหยักกระซิบที่หูของร่างบางกลิ่นกายหอมของเขานั้นทำเอาใจของเธอเต้นแรง เฟื่องเธอยืนตัวแข็งทื่อไม่รู้จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์กดดันแบบนี้อย่างไร
“นะ…นายเป็นโรคจิตหรือไง นายไปเอากับผู้หญิงแล้วก็กดโทรมาหาฉันอีก”
“ฉันไม่ได้โทร”
“เหอะ!”
“เฟื่องฉันเคยเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าเลิกกับฉันแล้วห้ามมีคนอื่น”
“นี่โซ่นายกับฉันจบกันไปนานตั้งสองปีแล้วนะ และฉันก็รักษาคำพูดตอนเรียนปีสุดท้ายฉันก็ไม่ได้คบกับใคร”
“จะตอนนี้หรือตอนไหนเธอก็ห้ามมี โดยเฉพาะไอ้ปกป้องเธอห้ามไปยุ่งกับมันฉันรู้จักมันดี”
“ฉันชักจะหมดความอดทนกับนายแล้วนะเคนโซ่นายมันบ้า ถ้านายจะหวงฉันบอกตรงๆนะไม่มีสิทธิ์เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ได้งั้นมารำลึกความหลังด้วยกัน เธอจะได้จำได้ว่าฉันเป็นอะไรกับเธอ”
“กรี๊ดด!! ช่วยด้วย”
ปากหยักที่กลัวว่าร่างบางจะส่งเสียงร้องให้คนเข้ามาเขาจึงชิงประกบปากบางอ่อนนิ่ม ร่างบางสะดุ้งและพยายามไม่เปิดปากให้เขาได้สอดลิ้นเข้ามา ปากหนาจึงบดจูบอยู่แบบนั้นมือหนาก็โอบเอวบางให้เข้ามาชิดตัว
“อื้อ!”
“เฟื่อง”
ปากหยักเมื่อสบโอกาสจึงสอดลิ้นสากเข้าไปในโพรงปากเล็ก กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆผสมกับน้ำลายหวานของคนทั้งคู่ เฟื่องนิมมานไม่อาจจะทนรสจูบอันแสนร้อนแรงนี้ได้เพราะเคนโซ่นั้นชำนาญเรื่องแบบนี้มากตามนิสัยผู้ชายเจ้าชู้ เธอจึงหลับตาลงปล่อยให้คนที่เอาแต่ใจอย่างเคนโซ่จูบเธออยู่แบบนั้น
“อื้อ! โซ่อย่าทำฉัน”
เมื่อตั้งสติได้เธอจึงผลักเขาออกเคนโซ่เองก็เอามือมาเช็ดริมฝีปากเขา สายตาคมกริบมองใบหน้าสวยที่เขานั้นแสนจะหวงแหน
“นี่แค่คำเตือนนะเฟื่องอย่าให้ฉันเห็นว่าเธอยุ่งกับเพื่อนของฉันอีก ไม่งั้นฉันจะทำมากกว่านี้”
“ไปบอกเพื่อนนายเถอะโซ่”
“เธอก็รู้จักนิสัยฉันดีนะเฟื่องเวลาที่ฉันโกรธ ไม่ว่าใครฉันใส่ไม่ยั้งเธอน่าจะจำได้นี่”
“นายกลับไปหาพิมพ์เมียนายเถอะแล้วอย่าทำแบบนี้กับฉันอีกนะฉันเกลียดนาย” ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นกลั้นน้ำตาเธอจำได้ดีในวันที่เธอนั้นไปกินข้าวกับรุ่นพี่ที่ตามจีบที่โรงอาหาร เคนโซ่เข้ามาทวงสัญญาแล้วชกต่อยทะเลาะวิวาทจนรุ่นพี่วิศวะเลือดกลบปาก ภาพนั้นยังติดตาเธอมาจนถึงทุกวันนี้เคนโซ่เป็นคนพูดจริงทำจริงและเด็ดขาดมาก
“ไม่มีใครเป็นเมียฉันทั้งนั้น”
ร่างบางที่ได้ยินคำนั้นเธอทำเป็นไม่ได้ยินและรีบวิ่งออกมาทันที เบ้าตาที่ร้อนผ่าวนึกถึงเรื่องราวในอดีตเธอโกรธตัวเองที่ยอมปล่อยให้เขาเข้ามาใกล้ชิดและเอาเปรียบแบบนี้ ความเจ็บปวดในหัวใจที่เกือบหายสนิทมันเริ่มกลับมาเล่นงานเธออีกครั้ง
“โซ่คะหายไปไหนมาตั้งนาน พิมพ์เกือบจะไปตามแล้ว”
“เหอะ! ไอ้โซ่หน้าตาระรื่นเชียวไปดูดบุหรี่มาหายเคลียดแล้วดิ” ภูริเห็นสีหน้าของเคนโซ่ดูดีผิดจากตอนก่อนออกไป
“อื้ม! ดูดมาเต็มปอดค่อยยังชั่ว” ปากหยักแสยะยิ้มเอามือมาลูบปากเบาๆ เขาไปดูดปากแฟนเก่ามาไม่ใช่ดูดบุหรี่แต่ก็เออออไปแบบนั้น
“โซ่กูขอไปหาสาวอักษรศาสตร์ก่อนนะคืนนี้แยกย้ายตรงนี้ละกัน” ปกป้องยกแก้วขึ้นมาดื่มจนหมดแล้วขอตัวแยกกับเพื่อน
“มึงเห็นผู้หญิงสำคัญกว่าเพื่อนแบบกูเหรอไอ้ป้อง?” คิ้วหนาขมวดขึ้นเคนโซ่ไม่พอใจ ที่เพื่อนกำลังจะไปหาคนที่เขาหวงดั่งจงอางหวงไข่
“ใช่! มึงจะทำไมวะ?”
“ไอ้ป้องมึงอย่ากวนตีนกูไม่ตลก” สายตาคมของเคนโซ่มองเพื่อนแบบไม่วางตา แต่ภูริที่ดูอาการของเพื่อนรักทั้งสองแล้วว่าไม่ใช่การหยอกล้อเล่นกัน เขารู้ดีว่าเคนโซ่หวงเฟื่องกับปกป้องเพราะทั้งคู่ชอบอะไรคล้ายๆกันและมีนิสัยเหมือนกันมาก
“นี่พวกมึงหยุดเลยห้ามตีกัน วันนี้วันดีอย่าทำให้เสียบรรยากาศ”
“ไอ้ภูก็ไอ้โซ่มันหาเรื่องกูก่อนปะวะ?”
“ไอ้ปกป้องมึงอยู่ที่นี่แหละ ดื่มกับพวกกูไม่ต้องไปหาใครทั้งนั้นเชื่อกู”
“ไม่ไปก็ไม่ไปเห็นแก่มึงนะไอ้ภู”
จากนั้นทุกคนจึงนั่งดื่มด้วยกันและเคนโซ่ก็อาสาไปส่งพิมพ์มาดาที่คอนโดของเธอ ก่อนกลับเขาแอบมองดูเฟื่องเธอดูนิ่งๆและดื่มน้อยลงไม่ค่อยออกฤทธิ์เมื่อเห็นว่าเธอกลับไปกับเพื่อนๆจึงรู้สึกสบายใจ หลังจากกลับถึงคอนโดจึงส่งข้อความหาเฟื่องนิมมานบอกว่าถึงคอนโดแล้ว
“ติ่ง!” เสียงข้อความมือถือแจ้งเตือน
เคนโซ่ : ถึงคอนโดแล้ว
เฟื่อง : …….
“เหอะ! ส่งมาทำไม?”
มือบางเปิดดูโทรศัพท์หลังจากที่ข้อความของเขาถูกส่งมา เธอเปิดอ่านมันแต่ไม่ตอบข้อความกลับ เจ้าของข้อความเขากลับยิ้มและรู้สึกดีแม้จะไม่ได้รับการตอบกลับก็ตาม
“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกเฟื่อง…”