บทที่ 9 ของหวง

1966 คำ
@Memo Club เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มกับผู้คนมากมายนักท่องราตรีชายหญิงต่างยืนเต้นไปตามจังหวะ บรรยากาศภายในคลับนั้นครึกครื้นเฟื่องและเพื่อนๆในคณะที่ตกลงมาต่อที่คลับแห่งนี้ได้มานั่งที่โต๊ะที่ถูกจองไว้แล้ว “เฟื่องเมาแล้วเหรอ?” “เฟื่องยังไหวปกป้องไม่ต้องห่วง” “ถ้ากลับไม่ไหวเดี๋ยวเราไปส่งนะ” “ไม่เป็นไรเรามาก่ะแพมและนุ๊ก” วันนี้โต๊ะ VIP นั้นเต็มจึงต้องมาเบียดกับโต๊ะธรรมดาใกล้เวทีร่างบางที่สนุกสนานเธอดื่มและเต้นเบาๆไปโดยมีปกป้องนั้นยืนอยู่ไม่ห่าง ทั้งคู่แนบชิดเพราะเวลาอยู่ในคลับเสียงเพลงนั้นจะดังมากต้องกระซิบที่ข้างหูถึงจะได้ยิน ทุกการกระทำของทั้งสองคนอยู่ในสายตาของเคนโซ่ตลอดเวลา “โซ่คะปกป้องเขาสนใจเฟื่องใช่ไหมดูท่าทางเขาสิไม่ยอมห่างเธอเลย” ใบหน้าสวยแสยะยิ้มเธอนั่งตักแกร่งของเคนโซ่ที่โต๊ะมองดูโต๊ะของเฟื่องนิมมานกับปกป้องเช่นเดียวกับเคนโซ่ “ไม่รู้” “ไอ้โซ่ตั้งแต่ลงจากเวทีมามึงทำหน้าเหมือนคนเล่นพนันแล้วเสีย ทำไมวะมาคลับทั้งทีไม่สนุกรึไง?” ภูริที่นั่งอยู่กับสาวสวยรุ่นน้องที่เขาควงมาจากงานคืนสู่เหย้าของมหาวิทยาลัยชื่อดัง “กูไม่ชอบบรรยากาศ” ใบหน้าหล่อเย็นชาสายตาก็เอาแต่มองไปที่โต๊ะด้านหน้าที่ห่างไปไม่กี่โต๊ะมองเห็นปกป้องและเฟื่องได้ชัดเจน “ห๊ะ! ไม่ชอบมึงเป็นคนเลือกร้านนี่เองนะไอ้สัด” “โซ่ขา…คืนนี้ไปห้องพิมพ์นะคะตั้งแต่กลับมาโซ่ก็ไม่มาหาพิมพ์เลย” ดาราสาวที่นั่งอยู่บนตักออดอ้อนเขาเธอรอให้เขากลับมา แต่ทว่าการกลับมาครั้งนี้เคนโซ่ดูนิ่งๆและเย็นชามากขึ้น “ผมมีงานเช้าต้องไปไซด์งานไว้โอกาสหน้านะพิมพ์” ใบหน้าหล่อตอบเธอพร้อมกับทำหน้านิ่งๆเขานั้นดูแปลกไป “โซ่พิมพ์คิดถึงโซ่มากนะทำไมโซ่ถึงได้เฉยชากับพิมพ์ได้ขนาดนี้รึว่ามีคนใหม่?” ใบหน้าสวยทำปากคว่ำเธอรู้สึกไม่พอใจและเสียหน้าเพราะที่โต๊ะมีสาวสวยรุ่นน้องที่ได้ยินทุกคำพูดของเธอและเขา “เหอะ! พิมพ์อย่างกับเธอไม่มีใครงั้นแหล่ะ” มือบางของพิมพ์จึงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มและยิ้มบางๆแก้เขิน เคนโซ่เขานั้นก็รู้ดีแก่ใจว่าพิมพ์มาดาไม่ได้มีเขาเพียงแค่คนเดียว “ไม่ว่าใครก็เทียบโซ่ไม่ได้หรอก” “หึ!” ทางด้านโต๊ะของเฟื่องและเพื่อนๆตอนนี้ทุกคนกำลังสนุก เมื่อเห็นว่าเพื่อนเมาและไม่อยากรบกวนใครส่วนปกป้องก็ได้ไปหาภูริและเคนโซ่ที่โต๊ะแล้ว เฟื่องที่รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำจึงเดินเข้าไปหลังร้านเพียงลำพัง เพราะร้านนี้เธอกับเพื่อนมาบ่อยจึงรู้จักทุกซอกทุกมุมเป็นอย่างดี “อ้าว! ไอ้โซ่กูเพิ่งจะมามึงจะไปไหน?” ปกป้องที่เพิ่งมานั่งและเขาเองก็ดื่มไม่กี่แก้วเห็นร่างสูงของเคนโซ่ลุกขึ้น “กูอยากไปสูบบุหรี่” “ให้กูไปเป็นเพื่อนปะ?” “กูไม่ใช่เด็ก” ร่างสูงจึงรีบเดินก้าวยาวๆเข้าไปที่หลังร้านเขาไม่ได้จะไปสูบบุหรี่ตามที่บอกเพื่อน เพราะเขามาดักรอใครบางคนที่อยากจะคุยด้วยมาก เมื่อทำธุระเสร็จร่างบางในชุดเซ็กซี่เธอถูกสายตาของหนุ่มๆมองตั้งแต่เดินเข้ามาเพราะเธอนั้นดูดีมาก ทว่าสายตาคมของใครบางคนก็จ้องเธออยู่เช่นกัน “ตุ๊บ!” “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ร่างบางที่เดินไปชนเข้าอย่างแรงกับหน้าอกแกร่งของผู้ชายคนหนึ่งเขาตัวสูงกว่าเธอมาก และกลิ่นน้ำหอมก็ยังคุ้นๆเหมือนเคยได้กลิ่นนี้มาจากคนที่รู้จัก จึงรีบถอยออกมาแต่ก็มีมือหนาของคนตัวสูงจับที่ข้อแขนเรียวเล็กเอาไว้ ใบหน้าสวยจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อจะมองว่าเธอชนเข้ากับใคร “เคนโซ่?” “หืม!” ทั้งคู่สบตากันเฟื่องที่ตอนนี้สติไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เธอพยายามดึงสติ และพยายามเอาตัวเองให้ออกมาจากภวังค์เพราะใบหน้าหล่อเหลานั้นทำให้เธอนิ่งไปราวกับถูกมนตร์สะกด “ทำไมถึงมาห้องน้ำคนเดียว?” สิ้นเสียงนุ่มทุ้มเธอเหมือนตื่นขึ้นมาจากภวังค์จึงรีบเก็บอาการและตอบเขาไป “มันเรื่องของฉันนาย ปล่อยแขนได้แล้วฉันจะไปหาเพื่อน” “อยากจะไปหาเพื่อนหรืออยากจะไปหาไอ้ป้องกันแน่?” “ชิ! ฉันไม่จำเป็นต้องตอบเพราะในสมองนายไม่เคยมองฉันในแง่ดี” “เฟื่อง! เธอจะกวนประสาทฉันไปถึงไหน เธอดูสารรูปตัวเองสิแต่งตัวอย่างกับกะ….” “อร๊าย! ไอ้ปากปีจอปล่อยฉันนะ” ยิ่งเธอดิ้นและพยายามแกะมือออกเท่าไหร่มือหนายิ่งกำแขนเล็กแน่นขึ้น เขาลากเธอเข้าไปทางประตูหลังซึ่งเป็นทางออกฉุกเฉินและไม่มีใครอยู่ตรงจุดนี้ “โซ่นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?” ร่างบางเริ่มกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัยเธอจึงกวาดสายตามองดูรอบๆ ทั้งมืดและไม่มีคน “ทำไมเก่งนักไม่ใช่เหรอเธอกลัวฉัน?” ใบหน้าหล่อดันร่างบางให้เดินถอนไปจนชิดผนังร้าน เขายังไม่ยอมปล่อยแขนเรียวเล็กให้เป็นอิสระ แขนยาวอีกข้างดันผนังแล้วโอบร่างบางให้อยู่ภายใต้อ้อมแขน ก้มหน้าลงมามองเธอที่ไร้หนทางหนีไปจากร่างสูงที่กักเธอไว้ “โซ่ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายจะจองเวรฉันไปทำไม แต่ฉันไม่อยากจะยุ่งหรือไม่อยากข้องเกี่ยวกับนาย” “เหอะ! เฟื่องนิมมานฉันชอบแกล้งเธอเพราะฉันมีความสุข” ปากหยักกระซิบที่หูของร่างบางกลิ่นกายหอมของเขานั้นทำเอาใจของเธอเต้นแรง เฟื่องเธอยืนตัวแข็งทื่อไม่รู้จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์กดดันแบบนี้อย่างไร “นะ…นายเป็นโรคจิตหรือไง นายไปเอากับผู้หญิงแล้วก็กดโทรมาหาฉันอีก” “ฉันไม่ได้โทร” “เหอะ!” “เฟื่องฉันเคยเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าเลิกกับฉันแล้วห้ามมีคนอื่น” “นี่โซ่นายกับฉันจบกันไปนานตั้งสองปีแล้วนะ และฉันก็รักษาคำพูดตอนเรียนปีสุดท้ายฉันก็ไม่ได้คบกับใคร” “จะตอนนี้หรือตอนไหนเธอก็ห้ามมี โดยเฉพาะไอ้ปกป้องเธอห้ามไปยุ่งกับมันฉันรู้จักมันดี” “ฉันชักจะหมดความอดทนกับนายแล้วนะเคนโซ่นายมันบ้า ถ้านายจะหวงฉันบอกตรงๆนะไม่มีสิทธิ์เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” “ได้งั้นมารำลึกความหลังด้วยกัน เธอจะได้จำได้ว่าฉันเป็นอะไรกับเธอ” “กรี๊ดด!! ช่วยด้วย” ปากหยักที่กลัวว่าร่างบางจะส่งเสียงร้องให้คนเข้ามาเขาจึงชิงประกบปากบางอ่อนนิ่ม ร่างบางสะดุ้งและพยายามไม่เปิดปากให้เขาได้สอดลิ้นเข้ามา ปากหนาจึงบดจูบอยู่แบบนั้นมือหนาก็โอบเอวบางให้เข้ามาชิดตัว “อื้อ!” “เฟื่อง” ปากหยักเมื่อสบโอกาสจึงสอดลิ้นสากเข้าไปในโพรงปากเล็ก กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆผสมกับน้ำลายหวานของคนทั้งคู่ เฟื่องนิมมานไม่อาจจะทนรสจูบอันแสนร้อนแรงนี้ได้เพราะเคนโซ่นั้นชำนาญเรื่องแบบนี้มากตามนิสัยผู้ชายเจ้าชู้ เธอจึงหลับตาลงปล่อยให้คนที่เอาแต่ใจอย่างเคนโซ่จูบเธออยู่แบบนั้น “อื้อ! โซ่อย่าทำฉัน” เมื่อตั้งสติได้เธอจึงผลักเขาออกเคนโซ่เองก็เอามือมาเช็ดริมฝีปากเขา สายตาคมกริบมองใบหน้าสวยที่เขานั้นแสนจะหวงแหน “นี่แค่คำเตือนนะเฟื่องอย่าให้ฉันเห็นว่าเธอยุ่งกับเพื่อนของฉันอีก ไม่งั้นฉันจะทำมากกว่านี้” “ไปบอกเพื่อนนายเถอะโซ่” “เธอก็รู้จักนิสัยฉันดีนะเฟื่องเวลาที่ฉันโกรธ ไม่ว่าใครฉันใส่ไม่ยั้งเธอน่าจะจำได้นี่” “นายกลับไปหาพิมพ์เมียนายเถอะแล้วอย่าทำแบบนี้กับฉันอีกนะฉันเกลียดนาย” ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นกลั้นน้ำตาเธอจำได้ดีในวันที่เธอนั้นไปกินข้าวกับรุ่นพี่ที่ตามจีบที่โรงอาหาร เคนโซ่เข้ามาทวงสัญญาแล้วชกต่อยทะเลาะวิวาทจนรุ่นพี่วิศวะเลือดกลบปาก ภาพนั้นยังติดตาเธอมาจนถึงทุกวันนี้เคนโซ่เป็นคนพูดจริงทำจริงและเด็ดขาดมาก “ไม่มีใครเป็นเมียฉันทั้งนั้น” ร่างบางที่ได้ยินคำนั้นเธอทำเป็นไม่ได้ยินและรีบวิ่งออกมาทันที เบ้าตาที่ร้อนผ่าวนึกถึงเรื่องราวในอดีตเธอโกรธตัวเองที่ยอมปล่อยให้เขาเข้ามาใกล้ชิดและเอาเปรียบแบบนี้ ความเจ็บปวดในหัวใจที่เกือบหายสนิทมันเริ่มกลับมาเล่นงานเธออีกครั้ง “โซ่คะหายไปไหนมาตั้งนาน พิมพ์เกือบจะไปตามแล้ว” “เหอะ! ไอ้โซ่หน้าตาระรื่นเชียวไปดูดบุหรี่มาหายเคลียดแล้วดิ” ภูริเห็นสีหน้าของเคนโซ่ดูดีผิดจากตอนก่อนออกไป “อื้ม! ดูดมาเต็มปอดค่อยยังชั่ว” ปากหยักแสยะยิ้มเอามือมาลูบปากเบาๆ เขาไปดูดปากแฟนเก่ามาไม่ใช่ดูดบุหรี่แต่ก็เออออไปแบบนั้น “โซ่กูขอไปหาสาวอักษรศาสตร์ก่อนนะคืนนี้แยกย้ายตรงนี้ละกัน” ปกป้องยกแก้วขึ้นมาดื่มจนหมดแล้วขอตัวแยกกับเพื่อน “มึงเห็นผู้หญิงสำคัญกว่าเพื่อนแบบกูเหรอไอ้ป้อง?” คิ้วหนาขมวดขึ้นเคนโซ่ไม่พอใจ ที่เพื่อนกำลังจะไปหาคนที่เขาหวงดั่งจงอางหวงไข่ “ใช่! มึงจะทำไมวะ?” “ไอ้ป้องมึงอย่ากวนตีนกูไม่ตลก” สายตาคมของเคนโซ่มองเพื่อนแบบไม่วางตา แต่ภูริที่ดูอาการของเพื่อนรักทั้งสองแล้วว่าไม่ใช่การหยอกล้อเล่นกัน เขารู้ดีว่าเคนโซ่หวงเฟื่องกับปกป้องเพราะทั้งคู่ชอบอะไรคล้ายๆกันและมีนิสัยเหมือนกันมาก “นี่พวกมึงหยุดเลยห้ามตีกัน วันนี้วันดีอย่าทำให้เสียบรรยากาศ” “ไอ้ภูก็ไอ้โซ่มันหาเรื่องกูก่อนปะวะ?” “ไอ้ปกป้องมึงอยู่ที่นี่แหละ ดื่มกับพวกกูไม่ต้องไปหาใครทั้งนั้นเชื่อกู” “ไม่ไปก็ไม่ไปเห็นแก่มึงนะไอ้ภู” จากนั้นทุกคนจึงนั่งดื่มด้วยกันและเคนโซ่ก็อาสาไปส่งพิมพ์มาดาที่คอนโดของเธอ ก่อนกลับเขาแอบมองดูเฟื่องเธอดูนิ่งๆและดื่มน้อยลงไม่ค่อยออกฤทธิ์เมื่อเห็นว่าเธอกลับไปกับเพื่อนๆจึงรู้สึกสบายใจ หลังจากกลับถึงคอนโดจึงส่งข้อความหาเฟื่องนิมมานบอกว่าถึงคอนโดแล้ว “ติ่ง!” เสียงข้อความมือถือแจ้งเตือน เคนโซ่ : ถึงคอนโดแล้ว เฟื่อง : ……. “เหอะ! ส่งมาทำไม?” มือบางเปิดดูโทรศัพท์หลังจากที่ข้อความของเขาถูกส่งมา เธอเปิดอ่านมันแต่ไม่ตอบข้อความกลับ เจ้าของข้อความเขากลับยิ้มและรู้สึกดีแม้จะไม่ได้รับการตอบกลับก็ตาม “เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกเฟื่อง…”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม