ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร#1

1176 คำ
“ไบโพล่าหรือเปล่าวะมึง เมื่อกี้เห็นยิ้มๆ ตอนนี้ทำหน้าบึ้งซะงั้น” พายุพูด “อย่าบอกนะว่าสาวสวยคนนั้นมีแฟนแล้ว?” มันเดาแม่นแบบนี้ควรไปซื้อหวยนะ เผื่อจะถูก “ไม่ เลิกกันแล้ว” ผมตอบ “แค่ทะเลาะกันหรือเปล่าาาา” มาวินแซว “ช่างเถอะ” ผมโยนโทรศัพท์มือถือกลับไปให้ภูมิที่รับไว้ได้ทัน ทำทีเหมือนไม่สนใจอะไรมาก “ยัยนั่นจะมีหรือไม่มีแฟนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกู” ใช่ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย แต่ทำไมผมถึงรู้สึกหงุดหงิดวะ “เห้ย ไอ้ติณ” จู่ๆ พายุก็โพล่งขึ้นพร้อมกับมองลงไปชั้นล่าง “กูว่าแม่ง มาว่ะ” “ใคร?” มาวินถาม “ผู้หญิงที่ไอ้ติณลากเข้าห้องเมื่อวานไง” ผมรีบลุกไปดูตามที่ไอ้พายุบอกอย่างไว กวาดสายตาหาร่างบางของเธอจนทั่วแต่ก็ไม่เจอ “กูล้อเล่น ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! รีบเลยนะมึง” ไอ้พายุ ไอ้เวร! หลอกกันซะได้ ผมสะบัดสูทไปด้านหลัง กลับมานั่งที่เก้าอี้อย่างวางมาด “ก็แค่อยากจะคืนของ” พายุกับมาวินมองหน้าอย่างรู้กัน พวกมันไม่เชื่อที่ผมพูดแน่นอน ผมล่ะอยากจะให้พวกมันหยุดแซวผมจริงๆ ไม่ชอบเลยที่ตัวเองดูพ่ายแพ้แบบนี้ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่มีอิทธิพลต่อใจผมมาก่อน ไม่รู้ทำไมถึงได้คิดถึงแต่หน้าของยัยนั่นนะ,,, ผมกวักมือเรียกภูมิเข้ามาใกล้ๆ แล้วกระซิบสั่งบางอย่าง “ไปสืบมาว่าเธอเป็นใคร ทำงานอะไร” ภูมิยิ้มกริ่มพร้อมกับตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ผมรู้ว่าบอสต้องอยากรู้จักเธอแน่นอน ผมเลยไปหาข้อมูลของเธอเผื่อมาแล้วครับ” ให้มันได้อย่างนี้สิ รู้ใจแบบนี้ต้องเพิ่มโบนัสให้หนักๆ ซะแล้ว “ว่ามา” ผมใช้วิธีกระซิบพูดเพราะไม่อยากให้เพื่อนตัวแสบทั้งสองได้ยิน แต่ก็ไม่ต้องพยายามอะไรมากนักเพราะเสียงเพลงในร้านก็ดังจนขี้หูแทบออกมาเต้นอยู่แล้ว ถ้าพวกมันรู้ว่าผมสนใจผู้หญิงคนนี้มาก ผมคงโดนล้อไม่จบไม่สิ้นแน่ “ชื่อครองขวัญ คุณากร อายุยี่สิบสี่ปี เป็นพริตตี้และนางแบบอิสระ รับงานตามใจตัวเอง อยู่คอนโดสองคนกับเพื่อนสนิท เป็นคอนโดในเครือของคุณพายุ อยู่แถวๆ ลาดพร้าวครับ” ผมพยักหน้ารับรู้ “แล้วแฟนเธอล่ะ?” “เหมือนจะเลิกกันแล้วนะครับ แต่ถ้าบอสอยากรู้รายละเอียดที่แน่นอน ผมจะไปตีสนิทเพื่อนสนิทของเธอเพื่อหลอกถามมาให้ได้นะครับ” “ไม่เป็นไร” ผมโบกมือห้าม “เท่านี้ก็โอเคแล้ว ขอบใจมาก” อืม...เป็นพริตตี้และนางแบบอิสระงั้นเหรอ? แปลว่าการจะเจอกับเธอก็ไม่ใช่เรื่องยากน่ะสิ ผมเองก็ชอบสาวๆ ในวงการนี้อยู่เหมือนกัน หรือต่อให้เธอเป็นดาราชื่อดังก็ไม่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าปฏิเสธนักธุรกิจรูปหล่อพ่อรวยอย่างผมอยู่แล้ว ภัทรติณคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาที่เธอจะเขวี้ยงรองเท้าใส่แล้วลอยนวลไปได้ง่ายๆ หรอก แต่ก่อนที่ผมจะจินตนาการถึงการพบกันครั้งหน้ามากไปกว่านี้ ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าผมต้องรู้สิ่งนี้ก่อน “แล้วนายรู้ไหมว่างานหน้าเธอจะไปที่ไหน?” ผมถาม “เอ่อ...ผมไม่แน่ใจครับ” เป็นครั้งแรกที่ภูมิทำสีหน้าหนักใจ “อย่างที่ผมบอกไปว่าเธอรับงานแบบอิสระ ตามใจตัวเอง เลยไม่มีคิวงานตายตัวเหมือนดารานางแบบคนอื่นที่มีผู้จัดการคอยจัดตารางให้ ผมเลยไม่รู้ข้อมูลการทำงานของเธอเลยครับ” ว้าา ถ้างั้นก็คงยากหน่อยล่ะ “เข้าใจแล้ว” ผมตอบพลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ “งุ้งงิ้งอะไรกันสองคนน่ะ? กูยิ่งจิ้นอยู่นะเว้ย ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” ไอ้พายุเอาอีกแล้ว หยุดปากหมาสักนาทีจะตายไหมวะ “เรื่องของกู” ผมยิ้มมุมปากขำๆ “แล้วนี่มึงจะเอาของไปคืนเขาไหมวะ?” มาวินถาม “คืนสิวะ” ผมตอบ “แต่จะคืนได้ก็ต้องเจอตัวเจ้าของก่อนถูกปะ?” “มึงก็ให้ภูมิไปสืบที่อยู่เธอมาดิ” พายุเสนอ เหอะ สืบมาเรียบร้อยแล้วเหอะ นี่ใคร นี่ภัทรติณ! “ที่อยู่รู้แล้ว” ผมบอกแบบไม่ปิดบัง แต่ผมไม่บอกหรอกว่าเธออยู่ในคอนโดเครือของมัน “แต่กูคงไม่ไปยืนรอหน้าคอนโดเพื่อคืนกระเป๋าเงินให้ผู้หญิงหรอก” “งั้นมึงจะรอให้เธอมาที่นี่เหรอ?” มาวินเลิกคิ้ว “ดูท่าแล้วเธอคงไม่มาอีกซะมั้ง” ผมกระดกเหล้าอึกใหญ่จนหมดแก้ว “เดี๋ยวก็ได้เจอ” … ฉันมั่นใจว่าต้องมีคนเก็บโทรศัพท์ฉันได้แน่ๆ! เพราะหลังจากที่ฉันยืมโทรศัพท์วีโทรหาเบอร์ตัวเองเป็นล้านๆ ครั้ง เมื่อกี้มันดันโทรติด แต่ไม่มีคนรับ! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผับที่หรูติดอันดับในประเทศจะมีขโมย เหอะ! ก็แค่คำโฆษณาหลอกลวง แล้วไหนยัยพนักงานนั่นบอกว่าถ้าเจอหลักฐานในกล้องวงจรปิดแล้วจะรีบติดต่อกลับมา นี่มันจะข้ามวันแล้วยังหาไม่เจออีกเหรอ? นั่งดูกล้องจนตาหลุดไปแล้วมั้ง! “นี่ ถือว่าฟาดเคราะห์ไปเถอะ เดี๋ยวพอเรื่องซวยๆ ผ่านไป เรื่องดีๆ มันก็จะตามมาเองแหละ” ปวีณาพยายามพูดปลอบใจ แต่คนไม่โดนเองก็พูดได้สิ “ฉันปล่อยวางไม่ลงหรอกนะ เพิ่งจะผ่อนโทรศัพท์ไปได้แค่เดือนเดียวเองนะ... ต้องซื้อใหม่อีกแล้วเหรอ กว่าจะหาเงินได้แต่ละบาทมันไม่ง่ายเลยนะ” แถมการทำงานของฉันยังต้องเปลืองตัว ต้องเหนื่อยกับการแสดงรอยยิ้มเสแสร้งจอมปลอม ต้องเหนื่อยแต่งหน้าแต่งตัว เหนื่อยใส่รองเท้าส้นสูง เหนื่อยเจอผู้ชายหัวงู เหนื่อยทุกอย่าง! ลำพังแค่ทำงานเลี้ยงตัวเองมันก็ไม่เหนื่อยมากหรอกนะ แต่ฉันดันเป็นเสาหลักของครอบครัวด้วยเนี่ยสิ นอกจากค่าใช้จ่ายของตัวเองแล้ว ฉันยังต้องจ่ายทุกอย่างให้กับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน จิปาถะ เพราะไม่อยากให้แม่ที่เหลืออยู่คนเดียวต้องเหนื่อย และไหนจะต้องส่งเสียน้องและส่งเสียตัวเองเรียนหนังสืออีก โอ๊ย! เกิดเป็นฉันนี่มันลำบากชะมัด ต้องรับงานอีกเท่าไหร่ถึงจะพอ! แต่เพราะว่าฉันไม่ชอบงานที่ทำอยู่ เพราะมันไม่มั่นคงและมีความเสี่ยงหลายด้าน ฉันจึงเรียนต่อปริญญาโทเพื่อที่จะได้หางานดีๆ ที่มั่นคงทำในอนาคต แต่ระหว่างนี้ก็ต้องรับงานแบบนี้ไปก่อน เพราะโชคดีที่เกิดมาสวยเลยได้ต้นทุนตรงนี้ แต่ว่ามันก็ไม่สนุกเอาซะเลย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม