ไร่ส้มของตระกูลอัครโภภาคินตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นไร่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ ผลผลิตจากไร่นี้ถูกส่งออกไปทั่วภูมิภาคของประเทศและไปไกลถึงต่างแดนโดยมีหัวเรือใหญ่อย่าง คิน อัครโภภาคิน ลูกชายคนเล็กของตระกูลอัครโภภาคินเป็นผู้บริหารงาน
“สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่ พี่เคน น้องเพื่อน”
เมื่อรถตู้ของไร่ส้มอัครโภภาคินที่มีเลขาของคินเดินทางไปรับเหล่าเจ้านายที่สนามบินจอดสนิท คนที่โดยสารลงมากันครบ เจ้าของไร่ก็เดินไปสวัสดีทุก ๆ คนพร้อมกับเข้าไปกอดพ่อแม่และพี่ชายด้วยความคิดถึง
“สวัสดีค่ะ”
เสียงใส ๆ ของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายคินดังขึ้นมาขัดจังหวะทำให้คนกรุงทั้งหมดหันมามองด้วยความสนใจ ขนมเบื้อง ภรรยาของคินยกมือขึ้นมาพนมแล้วไหว้ครอบครัวของสามีอย่างอ่อนช้อยเพื่อฝากเนื้อฝากตัว เพราะตนเองกับลูกชายคนเล็กของอัครโภภาคินนั้นแต่งงานกันแล้วแต่ทางครอบครัวฝ่ายชายยังไม่รู้
“เด็กคนนี้เป็นใครจ๊ะน้องคิน” คุณกรรณิการ์พินิจพิจารณามองเด็กสาวตรงหน้าแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ จึงเอ่ยถามลูกชายคนเล็กทันที
แต่ความเคยชินจึงเรียกลูกที่อายุเลยสามสิบว่าน้อง ทำให้ขนมเบื้องหลุดขำออกมาอย่างอดไม่ไหว พี่คินของเธอกลายเป็นน้องคิน ดูน่ารักไปอีก ชายหนุ่มจึงหันไปแยกเขี้ยวใส่หญิงสาวก่อนจะทำหน้าจริงจังแล้วแนะนำเมียให้ทุกคนได้รู้จัก
“ทุกคนครับ นี่คือภรรยาของผมชื่อขนมเบื้อง”
“ภรรยา!” ทั้งสี่คนพูดออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ หญิงสาวจึงยกมือขึ้นไหว้ทั้งหมดอีกครั้งอย่างอ่อนช้อยพร้อมกับยิ้มหวานโปรยเสน่ห์เพื่อฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกสะใภ้คนเล็ก คุณกรรณิการ์และสามีจึงบอกให้ทุกคนเข้าไปคุยกันในบ้านแทน
ขบวนคนที่มาจากเมืองกรุงรวมถึงสองหนุ่มสาวจึงยกโขยงกันไป
ในห้องรับแขก และในระหว่างที่พ่อ แม่ พี่ชายของคินกำลังอยู่ในอาการตกใจ กลับมีหญิงสาวอีกคนดีใจที่เจ้าของไร่มีเมีย
มุมปากของคะนึงนิจแย้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อสิ่งที่คิดกำลังเป็นจริง เธอเลือกผู้ชายที่จะมาเป็นพระเอกได้แล้ว โชคดีจริง ๆ ที่ตัดสินใจมาไร่ด้วย ไม่อย่างนั้นเธอต้องเหนื่อยอีกหลายวันแน่
บรรยากาศในห้องรับแขกซึ่งตกแต่งด้วยดอกไม้เพื่อสร้างความสดชื่นแก่คนที่ได้มาใช้บริการกลับอึมครึมขึ้นมาทันตา เมื่อมารดา
ของเจ้าของบ้านสั่งให้สองหนุ่มสาวเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ
คราแรกขนมเบื้องเป็นคนเล่าแต่พอเล่ามาถึงจุดที่ทำให้เขาสองคนตกเป็นของกันและกันคินก็ขอเล่าเอง เพราะเขาไม่ต้องการให้เมียดูไม่ดีในสายตาครอบครัวจึงขอเปลี่ยนเนื้อเรื่องนิดหน่อยแล้วเพิ่มความน่าสงสารให้คนตัวเล็กสักนิด เผื่อพ่อกับแม่และพี่ชายจะสงสารเปิดใจยอมรับหญิงสาวเป็นลูกสะใภ้
“โธ่ น่าสงสารจริง ๆ ลูก หนีเสือปะจระเข้แท้ ๆ จริงไหมคุณพ่อ” คุณกรรณิการ์ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่มีทั้งเรื่องจริงและเรื่องเท็จเล็กน้อยก็อดสงสารเด็กสาวไม่ได้ เธอละเกลียดจริง ๆ เลยเรื่องแม่เลี้ยงใจร้ายกับลูกเลี้ยงผู้น่าสงสาร
ขนมเบื้องอุตส่าห์หนีร้อนมาพึ่งเย็นแต่กลับโดนลูกชายของตนเองหลอกลวงเสียนี่ จึงส่งค้อนให้คินไปหนึ่งทีก่อนที่จะหันไปขอความเห็นของสามี
“จริงจ้ะ น้องยังเด็ก เรียนจบได้ไม่นานก็ต้องแต่งงานแล้ว ไม่สงสารน้องเหรอฮะเจ้าคิน” คุณคิงส์ดุลูกชายอย่างไม่จริงจังนักเพื่อเอาใจเมีย
“คือคุณพ่อขา คุณแม่ขา หนูโอเคมากเลยค่ะที่ได้แต่งงานกับพี่คิน คุณพ่อกับคุณแม่อย่าโกรธพี่คินเลยนะคะ” ขนมเบื้องอ้อนพ่อแม่สามีพร้อมด้วยส่งรอยยิ้มหวานให้ท่านทั้งสอง สองสามีภรรยาที่มีแต่ลูกชายจึงตกหลุมรักลูกสะใภ้อย่างง่ายดาย เจอลูกอ้อนแบบนี้ใครจะไม่หลงกัน
“โธ่แม่คุณ ช่างเป็นคนดีอะไรอย่างนี้ เอ้อ นี่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับน้องเพื่อนเลยใช่ไหมลูก” คุณกรรณิการ์หันไปถามหญิงสาวอีกคนที่กำลังนั่งฟังคนอื่นคุยอยู่เงียบ ๆ
“ใช่ค่ะคุณป้า เพื่อนกับคุณขนมเบื้องเกิดปีเดียวกัน” คะนึงนิจหันไปตอบกลับคุณป้าของตนเองด้วยรอยยิ้มจริงใจและไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่มาถึงขนมเบื้องด้วย เห็นอย่างนั้นอีกฝ่ายจึงยิ้มตอบ รู้สึกดีกับเธอมากขึ้นที่หญิงสาวไม่ถือตัว
“งั้นดีเลย น้องเพื่อนจะได้มีเพื่อนคุย เอ้าตาเคน ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอเรา มองคนนั้นคนนี้แล้วยิ้มอย่างเดียวเลย”
“คุณแม่จะให้ผมพูดตอนไหนครับ จังหวะแทรกไม่มีเลย” ลูกชายเอ่ยติดตลกจึงได้รับเสียงหัวเราะของทุกคนเป็นการตอบแทน และได้รับค้อนวงโตจากมารดาที่กล้าแซวแม่
“พี่เคนแซวแม่เหรอ คุณพี่ขา ดูลูกชายของคุณพี่สิ แซวน้อง”
“ตาเคนทำดีมากลูก”
“คุณพี่! ทำไมทำแบบนี้ หนูขนมเบื้องดูสิลูก ผู้ชายบ้านนี้ไม่มีใครเป็นพวกแม่สักคน”
“ต่อไปหนูจะเป็นพรรคพวกของคุณแม่เองค่ะ หนูจะช่วยคุณแม่เต็มที่”
“น่ารักมากลูกสะใภ้แม่ แล้วหนูเพื่อนจะมาเป็นพรรคพวกของป้าไหมจ๊ะ”
“ยินดีเลยค่ะคุณป้า” เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นคุณกรรณิการ์ก็ยิ้มด้วยความชอบใจ แต่ขนมเบื้องกลับรู้สึกกลัวอย่างไรชอบกลที่ครอบครัวของสามียอมรับเธออย่างง่ายดาย และระแวงหญิงสาวเมืองกรุงอีกครั้ง
แม้จะสัมผัสได้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกพิเศษกับสามีของตนเองแต่ก็ไม่อาจไว้วางใจจึงชำเลืองมองคะนึงนิจอยู่ตลอดเวลาในระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยเรื่องอื่น ๆ ต่อ
แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมาในใจ เหตุใดหญิงสาวชาวกรุงที่มีรูปร่างค่อนไปทางอวบ ถึงเอาแต่ชำเลืองมองพี่เคนแทนที่จะมองพี่คินของเธอ หรือว่าคะนึงนิจจะชอบ...
เมื่อถึงเวลาเข้านอน คะนึงนิจอาบน้ำเสร็จก็รีบเอาไอแพดออกมาพิมพ์นิยายทันที เธอตัดสินใจแล้วว่าพระเอกของเรื่องนี้ต้องเป็นเคน เพราะชายหนุ่มโสดจริง ๆ ส่วนคินตัดไปได้เลย
แล้วที่เธอเออออห่อหมกตอบกลับคุณกรรณิการ์ก็เพื่อประโยชน์ของงานเขียน ความเข้าใจผิดจะทำให้ตนเองได้ใกล้ชิดชายหนุ่มมากขึ้น นิยายเรื่องนี้จะได้ปิดต้นฉบับเร็ว ๆ
“เฮ้อ ถ้าคุณป้ารู้จะเสียใจไหม หรือว่าเราจะเข้าไปสารภาพกับคุณลุงคุณป้าดี”
“เอาไงดียัยเพื่อน ตัดสินใจสิ ตัดสินใจ”
“เอาวะ สารภาพดีกว่า ถ้าคุณลุงคุณป้ารู้ทีหลังจะเสียใจเอาได้”
ตัดสินใจได้อย่างนั้นเธอก็เดินออกจากห้องแล้วเลี้ยวไปทางห้องของคุณกรรณิการ์และคุณคิงส์ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาเคาะประตู สองสามีภรรยาที่ยังไม่เข้านอนจึงเดินมาเปิดประตู
เมื่อเห็นว่าเป็นคะนึงนิจเลยบอกให้ลูกสาวของเพื่อนสนิทเดินเข้ามา นักเขียนตัวกลมเดินตัวลีบ ๆ เข้ามาในห้อง จากนั้นก็ไปนั่งอยู่บนโซฟา ส่วนเจ้าของห้องทั้งสองก็นั่งลงบนเตียง
“น้องเพื่อนมีอะไรลูก”
“คือเพื่อนมาสารภาพความจริงค่ะคุณป้า”
“ความจริง? ความจริงอะไรจ๊ะ”
“คือ... เพื่อน... คือ...” อยู่ ๆ หญิงสาวก็เกิดอาการลังเลไม่กล้าสารภาพความจริง คุณคิงส์จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อให้คะนึงนิจคลายความกลัว
“บอกมาเลยน้องเพื่อน ลุงกับป้าฟังหนูได้ทุกเรื่อง”
“คือจริง ๆ แล้วเพื่อนไม่ได้ชอบพี่เคนแบบที่คุณลุงกับคุณป้าเข้าใจหรอกค่ะ แต่เพื่อนเออออห่อหมกเพราะมีเหตุผลบางอย่าง” เธอพูดพลางมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยความกังวลใจ
“ยังไงจ๊ะ เล่าให้ป้าฟังได้ไหม”
“คือเพื่อนกำลังหาพระเอกนิยายค่ะ ตอนแรกก็เลือกไม่ได้ พี่เคน หรือ พี่คินดี พอรู้ว่าพี่คินมีภรรยาแล้วเพื่อนก็เลยเลือกพี่เคนค่ะ กะว่าจะใช้ความเข้าใจผิดของคุณลุงคุณป้าช่วยเพื่อนให้ได้ใกล้ชิดกับพี่เคนเพื่อเก็บข้อมูล แต่เพื่อนกลัวคุณลุงกับคุณป้ามารู้ทีหลังแล้วเสียใจ เพื่อนไม่อยากโกหกค่ะ เพื่อนไม่ได้ชอบพี่เคนแบบนั้น”
“โกรธอะไรกัน ไม่มีหรอกลูก น้องเพื่อนไม่ได้ชอบพี่เคนเลยเหรอ”
“ไม่เลยค่ะ เพื่อนสนใจพี่เคนเพราะพี่เคนเหมาะกับการเป็นพระเอกนิยายของเพื่อนมาก ติดอยู่ที่เพื่อนไม่ค่อยรู้จักตัวตนจริง ๆ ของพี่เคนนัก มันเลยมีข้อมูลไม่พอที่จะเอามาเขียนนิยาย คุณลุงกับคุณป้าพอจะช่วยให้เพื่อนได้อยู่ใกล้ๆ พี่เคนไหมคะ”
“ได้สิลูก เอาไว้กลับกรุงเทพป้าจะให้หนูเข้าไปช่วยงานพี่เคนดีไหม โอเคไหมคะคุณพี่”
“พี่แล้วแต่ ยังไงก็ได้ แล้วน้องเพื่อนโอเคไหมลูก”
“โอเคมากเลยค่ะ แต่เรื่องที่หนูจะเข้าไปเก็บข้อมูลของพี่เคน คุณลุงคุณป้าอย่าบอกพี่เคนนะคะ เอาไว้หนูเก็บข้อมูลเสร็จก่อนแล้วค่อยบอก หนูกลัวพี่เคนจะไม่ยอม”
“ได้จ้ะ ลุงกับป้าจะปิดเป็นความลับไม่ให้ใครรู้”
“ขอบคุณมากค่ะ งั้นเพื่อนกลับไปนอนนะคะ”
“จ้ะ ฝันดีนะลูก”
“ฝันดีเช่นกันค่ะคุณลุงคุณป้า”
จากนั้นหญิงสาวก็เดินออกจากห้องของผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยรอยยิ้มสุขใจจนลืมสังเกตรอบ ๆ ตัว เคนยืนหลบอยู่ตรงมุมเสาด้วยอาการสงบนิ่ง แล้วรอยยิ้มร้าย ๆ ก็ปรากฏตรงมุมปาก ในเมื่อเธออยากได้ข้อมูลของตนเองไปเขียนนิยายเขาก็จะจัดให้ เอาแบบลืมไม่ลงและไม่กล้าไปตามติดชีวิตใครเพื่อเอามาเป็นข้อมูลเขียนนิยายโดยที่เจ้าตัวยังไม่ยินยอมอีก
เคนเดินผ่านมาทางห้องของบุพการีเพื่อกลับไปยังห้องนอน เห็นห้องของบิดามารดาประตูปิดไม่สนิทจึงเดินเข้าไปหมายจะปิดประตู
แต่คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหูทั้งสองข้างจะได้ยินบทสนทนาของคนในห้องในเมื่อพ่อกับแม่รับปากจะช่วย เขาในฐานะลูกก็ควรให้ความร่วมมือ
'แล้วเจอกันน้องเพื่อน'